ต้องออกตัวก่อนนะครับว่าปกติแล้วเป็นคนที่ทั้งชีวิตไม่เคยดูฟุตบอล ไม่รู้จักฟุตบอลนักฟุตบอล หรืออะไรๆ ที่เกี่ยวข้องกับฟุตบอล ไม่ว่าจะเป็นไทย/เทศสมัยเรียนก็เรียนปทุมคงคาโรงเรียนชายที่มีชื่อเสียงด้านฟุตบอล เขาเตะกันทั้งโรงเรียน แต่ก็ไม่เคยเล่นกับเขาสอบวิชานี้ก็แค่ผ่านเท่านั้น จะมารู้จักก็ต่อเมื่อคนที่เกี่ยวข้องกับฟุตบอลเข้ามาสู่วงการบันเทิงหรือมีข่าวคราวก็จะรู้จักจากตรงนั้น ไม่ได้รู้จักจากในสนาม สโมสรดังๆลีกดังๆ ก็รู้จักแค่ชื่อ/ฉายา
แต่ก็ยังสนุกกับการดูฟุตบอลที่โผล่อยู่บนจอในหนังในละครเท่านั้น นักฟุตบอลที่รู้จักจริงๆ จังๆ แถมเป็นขวัญใจคือ “กัปตันซึบาสะ”ในการ์ตูนเท่านั้น
“The End of The Storm” น่าจะเป็นหนังที่เกี่ยวกับฟุตบอลตรงๆที่ได้ดูแบบจริงๆ จังๆ เป็นเรื่องแรก โดยนำเสนอเรื่องราวของลิเวอร์พูล นับตั้งแต่ เจอร์เก้น คล็อปป์ เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมตั้งแต่ปี 2015 เรื่อยมาจนถึงเจอะเจอวิกฤติโควิด-19 เมื่อปีที่แล้ว เหมือนดูภาพบันทึกความทรงจำตลอด 6 ปีที่ผ่านมา ได้เห็นการทำงานของผู้จัดการคนใหม่ชาวเยอรมัน ได้รู้จักนักเตะคนสำคัญๆ ภาพประทับใจกับการทำประตูสวยๆ พูดคุยกับ FC บางคนบางกลุ่มหลากหลายมุมโลก
ทางด้านของแฟนหงส์น่าจะชื่นชอบ สนุก ที่ได้เห็นบรรดาคนสำคัญๆ ภาพจากแมทช์ดังๆ ของทีมโปรด แต่ถ้ามองในมุมของคนที่ไม่ใช่แฟนฟุตบอล ไม่ใช่เป็นแฟนหงส์ แต่เข้ามาดู “The End of The Storm”ในความเป็นหนังสารคดี อาจจะไม่ได้อะไรมากมาย ไม่อิน ไม่รู้สึกอะไรมากนัก นอกจากแค่รู้ว่าตลอดเวลา 6 ปี ที่ เจอร์เก้น มาเป็นผู้นำทีมเจอะเจออะไรมาบ้าง แต่ได้รู้จักนักเตะคนสำคัญๆ
หนังเล่าเรื่องในแบบสบายๆ ง่ายๆ ไม่ซับซ้อน มีการแทรกอารมณ์ขันในแบบน่ารักๆ สบายๆ มีการใส่การ์ตูนภาพเข้ามาเพื่อเรียกรอยยิ้มเสียงหัวเราะ การพูดถึงนักเตะสำคัญแต่ละคน อาทิ เคนนี่ ดัลกลิช ตำนานสโมสร จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ซาดิโอ มาเน่, โรเบอร์โต้เฟอร์มิโน่, เวอร์จิล ฟาน ไดค์ และ อลิสซอน เบ็คเกอร์ ที่หนังดึงออกมาพูดถึง ดูมีสีสัน เลือกเอามุมเด่นๆ น่ารักๆ สิ่งที่น่าจดจำมาบอกกล่าวในแบบสั้นๆ ง่ายๆ และไม่ซ้ำคน ทำให้ไม่น่าเบื่อ เข้าใจ รู้สึกและจดจำง่ายสำหรับคนดูที่ไม่ใช่แฟนฟุตบอล แฟนคลับดูแล้วน่าจะมีความสุข
แต่ตัวหนังก็ดูอ่อนเบา ออกแรงสำหรับคนที่เข้ามาดู ที่ใม่ใช่บรรดา FC เราแทบจะไม่ได้เห็นเลยว่า “เจอร์เก้น” เก่งกาจอย่างไร ในการนำทีมให้เก่งขึ้น นอกจากเป็นคนตรงๆ โหวกเหวกโวยวายนักเตะที่นำมาพูดถึง บางคนใส่รายละเอียดขยี้อีกหน่อยน่าจะดีกว่า ที่ออกมาแบบขาดๆ เกินๆ ในหนัง ภาพการแข่งขันใส่มาแต่ภาพยิงประตูสั้นๆมาแบบเร็วๆ ดูไปๆ รู้สึกเหมือนมาดูสรุปภาพข่าว คนดูที่ไม่ใช่แฟนคลับเลยไม่รู้สึกตื่นเต้นอะไร บรรดาทีมดังๆ ในลีกอังกฤษ กลายเป็นทีมประกอบสารคดี ที่ดูธรรมดามากๆ น่าจะนำภาพเด็กๆ ที่ดูสูสีกันมาใส่จะได้รู้สึกว่าหงส์แดงเก่งจริงหรือ บรรดาแฟนคลับที่หนังนำมาใส่ดูไม่หลากหลาย ซ้ำไปซ้ำมา มากไปนิด เลยดูอลังการมากนัก “The End of The Storm” ใส่เพลงเพราะๆ เข้ามาหลายเพลง แทรกเข้ามาได้อย่างถูกจังหวะ เป็นบทเพลงเกี่ยวกับลิเวอร์พูล ที่แฟนๆ น่าจะคุ้นหูกันดี เข้ามาช่วยสร้างสีสัน ความน่าดู และทำให้หนังไม่เงียบเพลง You’ll Never Walk Alone ที่เป็นเวอร์ชั่นพิเศษจากศิลปินแกรมมี่อย่าง “ลาน่า เดล เรย์” แฟนตัวยงของทีมลิเวอร์พูล ทำให้ขนลุกขึ้นมาในทันที ดูได้เรื่อยๆ เผลองีบหลับไปเป็นพักๆ ดูจบแล้วจบเลย ไม่มีคาใจหรือประทับใจ และไม่ได้รู้สึกอะไรกับฟุตบอลมากขึ้น 5/10 คะแนน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี