ทริปนี้ “คุณน้ำผึ้ง” เปิดบ้านชวน“น้อย-ลักกี้-ยมมี่” มานั่งคุยฟุ้งกับสถานที่ท่องเที่ยวริมแม่น้ำเจ้าพระยา เริ่มจากที่ ล้ง 1919 บ้านเก่าของตระกูลหวั่งหลี ในอดีตที่นี่เคยเป็นท่าเรือที่สำคัญของสยาม เป็นทั้งโกดังสินค้าและท่าเรือของพระยาพิศาลศุภผลไว้รองรับสินค้าจากหัวเมืองประเทศต่างๆ ซึ่งถือว่าเป็นยุคทองการค้าระหว่างไทย กับจีนในสมัยรัชกาลที่ 4

ปัจจุบันได้กลายเป็นแลนด์มาร์คถ่ายรูปยอดฮิตของกรุงเทพฯ ภายในมีศาลเจ้าแม่หม่าโจวอายุ 180 ปี เดินเข้ามาภายในตัวอาคาร บอกถึงสถาปัตยกรรมจีนโบราณได้อย่างชัดเจน เพราะมีภาพเขียนลายมงคล และวิถีชีวิตชาวจีนอยู่รอบวงกบหน้าต่างอายุกว่า 167 ปี จากนั้นเลาะริมแม่น้ำเจ้าพระยามากันที่ชุมชนกุฏีจีน ซึ่งเป็นชุมชนเก่าแก่ผสมผสานวัฒนธรรมหลากหลายเชื้อชาติ ศาสนา และวัฒนธรรมไม่ว่าจะเป็นจีน พุทธ คริสต์ อิสลาม แต่ที่สะดุดตาก็ต้องโบสถ์ซางตาครู้ส หรือวัดกุฎีจีนที่อยู่คู่ชุมชนมายาวนาน เป็นโบสถ์ที่พระเจ้าตากพระราชทานที่ดิน ให้สร้างโบสถ์หลังแรกที่ทำจากไม้ส่วนใหญ่ในชุมชนนับถือคริสต์ เป็นลูกหลานชาวโปรตุเกส ที่นี่ยังมีเรื่องราวของคุณท้าวทองกีบม้าอีกด้วย มาถึงชุมชนกุฎีจีนก็ต้องไม่พลาดอาหารพื้นถิ่นไม่ว่าจะเป็นขนมจีนโปรตุเกส, ขนมฝรั่งกุฎีจีน และขนมโบราณชาววังอย่าง หมูโสร่ง ซึ่งเป็นเมนูที่นำเข้ามาทางเรือการค้าของโปรตุเกสกับจีนในสมัยอยุธยานิยมทำทานกันในบ้านเหล่าเจ้านายพูดถึงเรื่องอาหาร สี่สาวไม่วายชวนเข้าครัวคุณหม่อมทำอาหารว่างอย่าง หมูโสร่ง และอีกหนึ่งเมนูขอนำเสนอ ประทัดลม อาหารไทยโบราณเหมือนกับหมูโสร่ง มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา เป็นเมนูที่ผสมผสานกับวัฒนธรรมจีน ซึ่งปัจจุบันหาทานยาก แต่ทางห้องเครื่องในวังยังมีทำอยู่