เชื่อว่าแฟนละครต้องรู้จัก ต้น จักรกฤษณ์ อำมะรัตน์ ดาวของเราในรายการ ต้มยำอมรินทร์ ผลิตโดย CHANCE2561 อย่างแน่นอน เพราะด้วยผลงานการแสดงที่มีมามากมายที่มีมาอย่างต่อเนื่องในวงการบันเทิง รับบทบาทมากแล้วทั้งเป็นพระเอกแสนดี ตัวโกงที่ร้ายสุดขั้ว โดยส่วนใหญ่บทบาทที่โดนใจแฟนละครมากที่สุดคือบทที่เป็นตัวละครที่มีความร้ายกาจในตัว ซึ่งเขาก็สามารถแสดงความเป็นตัวร้ายได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งร้ายแบบมีแอคชันต่อยตี ร้ายลึกแฝงความโหด หรือร้ายแบบกวนๆ ชวนขำ ก็ทำออกมาได้ดีทุกแนว ด้วยความสามารถและประสบการณ์ทางการแสดงที่มีมาอย่างยาวนาน ทำให้ชื่อของ ต้น จักรกฤษณ์ อยู่ในทำเนียบนักแสดงระดับแถวหน้าของเมืองไทยอย่างไม่ต้องสงสัย 

เห็น พี่ต้น ในวงการนานมากแล้วรับมาหลายบทบาทมาก อยู่ในวงการมาประมาณกี่ปี

ต้น จักรกฤษณ์ : ครั้งแรกที่เข้ามาเลย คือ ไปถ่ายหนังสือ เธอกับฉัน ตอนนั้นอายุ 17 ปีเองแล้วตอนนั้นเรายังไม่ได้คิดเรื่องอยากอยู่ในวงการไหม หรือ ไม่อยากอยู่เลย แต่เรารู้สึกว่าได้ทำงานสนุกดี และได้เงินเอาไปให้แม่คิดแค่นี้เอง เพราะเราก็เรียนหนังสืออยู่ด้วยในตอนนั้น คือ ผมว่าเพราะด้วยสังคมบริบทตอนนั้นในวัยเด็กอายุ 17 ปี มันยังไม่มีอะไรมากมายที่เกิดการเรียนรู้ทางความคิด หนึ่ง สอง สาม สี่ หรือมีโซเชียลต่างๆ เพราะตอนนั้นมีแค่เรียนหนังสือ ทำงาน ไปถ่ายแบบเจอคนเยอะแยะมากมายก็เป็นประสบการณ์ชีวิตอีกอย่างหนึ่งซึ่งก็สนุกดี

พี่ต้น เข้ามาในวงการถ่ายแบบลงในหนังสือได้ยังไง ใครเป็นคนชักชวนพาเข้ามา

ต้น จักรกฤษณ์ : เดินอยู่ป้ายรถเมล์ ตอนนั้นเราเรียนช่างกลอยู่ แล้วเรากำลังเดินไปหาเพื่อนแล้วพี่พจน์ เขาไปทำคอลัมน์ที่สถาบันก็เลยได้เจอกันเขาก็ชวนเรามาถ่ายแบบครับ หลังจากถ่ายแบบก็ได้ไปถ่ายโฆษณา โตขึ้นมาอีกหน่อยก็ได้ไปถ่ายหนังสือเดินแฟชั่นครับ เพราะสมัยนั้นมันเป็นแบบนั้นพอถ่ายแฟชั่น ก็จะได้ไปเดินแฟชั่นแล้วสมัยนั้นมี เดอะพาเลซ เราก็ไปเจอพี่ๆที่ ไฟว์สตาร์ เขาก็บอกว่า พี่สมเกียรติ คุณานิธิพงศ์ อยากเจอเราก็ได้ไปเจอแล้วก็เกิด บุญชู 6 ขึ้น (ซึ่งบุญชู 6 เป็นหนังเรื่องแรกของผม) ซี่งผมก็เล่นเป็นธรรมชาติมาก คือ เล่นเป็นต้นไม้กับก้อนหิน (เล่นแข็งมาก) เพราะเราไม่มีพื้นฐานการแสดงเลย ใครที่เห็นผมเล่นเรื่อง บุญชู 6 คือ ธรรมชาติมาก แต่ก่อนแสดงเราก็มีเข้าคอร์สมีทีมงานที่เป็นอาจารย์เกี่ยวกับแอคติ้งมาสอน เราก็ได้เข้าคลาสอยู่บ้างแต่ไม่รู้เรื่อง

แล้วหลังจากหนัง พี่ต้น ก็ค่อยๆเติบโตมาเรื่อยๆจนในที่สุดก็เข้าสู่วงการละคร

ต้น จักรกฤษณ์ : ถ่ายหนังได้ 2-3 เรื่อง ได้เจอพี่จิ๋ม มยุรฉัตร ได้เล่นละครเรื่องแรก เขาวานให้หนูเป็นสายลับ เล่นคู่กับคุณนก จริยา ครับ

ซึ่งบทที่ได้รับบ่อยที่สุดแล้วก็เป็นบทจำของ พี่ต้น คือ ตำรวจ

ต้น จักรกฤษณ์ : เพราะการชินตาของทุกคนเคยมีอยู่ครั้งหนึ่ง เราย้ายกองถ่ายวันนั้นจำไม่ว่าย้ายจากไหนไปไหนไม่รู้แล้วผมไม่ได้ขับรถไปแท็กซี่ดีกว่า แต่เราก็ใส่ชุดตำรวจที่เราใส่ถ่ายละครขึ้นรถไปแล้วก็มีมอเตอร์ไซค์ขี่มากวนข้างรถ เราก็หันไปมอง มอเตอร์ไซค์ คันนั้นรีบแตะเบรกแล้วจอดเลย (หัวเราะ) แล้วมีไปถ่ายกันกลางถนนแต่ถนนเส้นนั้นเป็นทางลัดไปไหนสักที่หนึ่งซึ่งมันเปลี่ยวมากไม่มีไฟแล้วรถสิบล้อวิ่งเร็วแล้วกองถ่ายอยู่ข้างๆ ถ่ายฉากยิงกันรถก็มาเรื่อยๆไม่มีใครหยุด เราก็ใส่หมวกไปโบกให้รถหยุด

พี่ต้น เล่นละครมา 20-30 ปี มีบทอะไรที่ยังไม่ได้เล่นอีกไหมแล้วอยากเล่นบทอะไร

ต้น จักรกฤษณ์ : เยอะมากครับ คอมเมดี้ก็เล่นแล้ว หนังวายก็เล่นแล้ว (แต่ไปหาดูย้อนหลังได้ครับ) ผมเป็นหนึ่งคนที่โชคดีที่ผู้ใหญ่ทุกๆท่านก็เมตตา ทุกวันนี้ที่อยู่ได้ไม่ใช่เพราะฝีมือนะครับ อยู่ได้เพราะผู้ใหญ่รักนะครับ

เพราะความที่ผู้ใหญ่รักนะ ปีหนึ่งเคยมีละครติดต่อมา 11 เรื่อง

ต้น จักรกฤษณ์ : ปีนั้นเป็นปีที่น้ำท่วมกรุงเทพฯครับ เพราะคนอื่นเขาไม่ว่างมารับ (ผมก็ติดน้ำท่วมครับ ผมก็โม้ไปอย่างนั้น) เอาจริงมันก็ถ่ายไม่ได้เพราะว่า มันได้  7 ที่เรคคอร์ดผู้จัดการเขาก็บอกเราว่ามีเรื่องนี้ๆแต่ว่าผู้จัดการเขาไม่ให้เราทำเพราะว่ามันตีกันเยอะเกินไป

แล้วเคยเล่นพร้อมกันทั้งหมดกี่เรื่อง ที่สลับสับเปลี่ยนตัวเอง

ต้น จักรกฤษณ์ : 4-5 เรื่อง มันทำได้เพราะว่าเราไม่ใช่พระเอกตอนนึงเราจะมีอยู่ไม่กี่ฉาก

งานเยอะขนาดนี้แต่ว่าเรื่องความรักก็ไม่แพ้กัน กับ คุณสาว

ต้น จักรกฤษณ์ : ก็รู้จักกันมากับ คุณสาว 17 ปี อยู่ด้วยกันมา 15 ปี

อยู่ในวงการมานานแต่สิ่งหนึ่งที่เราสัมผัสได้เลย คือ พี่ต้น เป็นคนถ่อมตัว

ต้น จักรกฤษณ์ : คือ มันเป็นอย่างนี้ครับ ผมอยากจะบอกว่าที่เราแสดงมันคือสิ่งที่เราได้รับบรีฟมาและเราคือคนที่ต้องถ่ายทอดสิ่งที่ผู้กำกับต้องการให้ออกำแมากขนาดไหน แต่ตั้งหมดต้องถามคนดูว่าชอบไหม มันจึงเป็นการยากที่จะเป็นเอาใครเป็นต้นแบบ แต่มันขึ้นอยู่กับตอนนั้นเขาชอบแบบไหน แล้วมีอีกหลายคนนะครับ เรามีศักยภาพด้านการแสดงสูงมากแต่เขาอาจะไม่ได้รับโอกาสจะถ่ายทอดโอกาสเหล่านั้น และผมจะเป็นคนหนึ่งที่จะไม่ตีความไปเอง แต่จะให้ผู้กำกับเขาบอกว่าอยากให้เราเป็นอะไรแบบไหนยังไงเพราะถ้าเราตีความไปเองเพราะสุดท้ายมันก็ต้องเปลี่ยนอยู่ดี อันนี้เป็นวิธีการคิดของผมนะ

แล้วเคยคิดไหมที่จะขยับขึ้นมาเป็นผู้กำกับ หรือ ผู้จัดละครไหม

ต้น จักรกฤษณ์ : คนเป็นผู้กำกับมีอย่างหนึ่งผมนับถือเลยนะ เขาต้องอยู่กับเรื่องในแบบทุกฉาก งานต้องอยู่ในตัวตลอดแล้วบางเรื่องสมัยนี้คือ ถ่ายกันปีกว่าอันเป็นอะไรที่ยากมากสำหรับความรู้สึกของผม แต่ถ้าถามว่าอยากทำไมถ้าไม่มีเงื่อนไขอื่นๆที่ผมต้องจัดการกับชีวิตตอนนี้สำหรับผมไม่ใช่เรื่องยาก แต่สำหรับตอนนี้คงยังครับ

สามารถชมรายการ ต้มยำอมรินทร์ ย้อนหลังได้ทาง ยูทูป :  https://youtu.be/c36Ao0vFJpQ