จากนักร้องที่ร้องเพลงออกรายการทีวีจนมีชื่อเสียงโด่งดัง และเป็นที่ยอมรับในสังคมไทย ทำไมชีวิตของเธอถึงผกผันไปอยู่อเมริกาได้….และการใช้ชีวิตในต่างแดนของเธอจะเป็นอย่างไร….เราจะมาเปิดเผยทุกเรื่องราวของเธอ “หนึ่งฤทัย ธานี”
อยากให้ย้อนไปสมัยตอนเริ่มเข้าวงการ
เมื่อก่อนพี่เข้าวงการมาได้เพราะได้รับคำชักชวนจาก คุณณรงค์ นิยมวานิช (โทนี่) เป็นผู้สนับสนุน เริ่มแรกสมัยนั้นพี่ร้องเพลงตามไนท์คลับ แถวเพชรบุรีตัดใหม่ ช่วงนั้นการร้องเพลงออกทีวีจะเป็นรายการสดหมดได้ออกทีวีเกือบทุกวัน ในส่วนของพี่จะร้องเพลงตอนกลางวัน 1 ที่ นอกนั้นก็จะเป็นการออกทีวี บางวันต้องร้องเพลงหลายแห่งก็ต้องวิ่งรอกเอา
ใครเป็นคนชักจูงให้ไปออกรายการทีวี
คุณณรงค์ นิยมวานิช (โทนี่) แหละค่ะ เพราะเขาจะทำรายการเกี่ยวกับดนตรี และเป็นหุ้นส่วนของห้างไนติงเกล-โอลิมปิก ซึ่งเป็นห้างที่ใหญ่ที่สุดสมัยนั้น เป็นคนชักชวนให้ลองเข้ามาร้องเพลงดู ซึ่งถือว่าเป็นการก้าวสู่วงการบันเทิงของพี่ตั้งแต่ตอนนั้น
ชอบที่จะรับงานร้องเพลงมากกว่าละคร
จริงๆละคร และหนังที่พี่เล่นส่วนใหญ่จะเป็นตัวประกอบ หรือเป็นตัวละครที่บทไม่เยอะมากเท่าไร คือพี่เป็นนักร้องพี่ไม่ชอบการแสดง อย่างเวลาร้องเพลงพอร้องเสร็จก็เก็บโน้ตกลับแล้วรับเงิน แต่ละครเราต้องรอทั้งวันบางวันก็ถ่ายไม่จบด้วย
งานส่วนใหญ่ที่รับจะเป็นงานการกุศล
ใช่ค่ะพี่ชอบรับงานการกุศล สาเหตุมาจากมีคุณอาที่สนิทกันซึ่งท่านเป็นประธานชมรม “กล่อมขวัญผู้ปฎิบัติราชการชายแดน” พวกเราจะเดินทางไปทั้งเหนือ อีสาน และทางใต้ โดยไปแบบลำบากมากๆเลย บางแห่งที่ไปเขาต้องเอาเฮลิคอปเตอร์มารับแล้วทิ้งเราไว้เลย ในเมื่อเรารักงานทางด้านนี้แล้วไม่ว่าเหตุการณ์ข้างหน้าจะเป็นอย่างไรก็ต้องรับให้ได้
มีคนชวนให้ไปออกอัลบั้ม
มีค่ะ แต่ตอนนั้นพี่เริ่มมีความรัก แล้วแต่งงาน เลยไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ ถามว่าเสียดายไหมช่วงนั้นพี่ไม่ได้คิดถึงขนาดนั้น แต่คิดถึงเรื่องอนาคตของเรา และสามีมากกว่า
หวนกลับมาร้องเพลงอีกครั้งหลังจากหยุดไป 8 ปี
เหตุผลที่กลับมาอีกครั้ง เพราะ สามีมีแฟนใหม่ คือจริงๆแล้วพี่มีความรู้สึกว่าถ้าเราอยู่บ้านเฉยๆแล้วรอแต่เงินเดือนของสามี เขาก็จะไม่เกรงใจเรา แต่พี่กลับมาร้องเพลงได้แค่ปีกว่าๆแล้วจึงตัดสินใจไปอเมริกา ช่วงที่ไปคือช่วงโอลิมปิคปี 1984
ชีวิตที่อเมริกา
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าพี่มีแรงจูงใจมาจากรุ่นพี่ คือเขาไปเรียนต่อที่นู่นเลยอยากลองไปบ้าง รัฐที่ไปอยู่คือแคลิฟอร์เนีย จังหวัดที่ 77 ของประเทศไทย (หัวเราะ) ตอนที่ไปพี่ไปในฐานะนักข่าว โดยบอกว่าจะไปทำข่าวกีฬาโอลิมปิคแต่ว่าจริงๆพี่ชินกร ไกรราช และพี่ไฉไล ไชยทาน อยู่ที่นู่นแล้วให้เราไปร้องเพลง แรกเริ่มพี่เข้าใจว่าจะสามารถร้องเพลงได้หลายๆที่เหมือนเมืองไทย ซึ่งจริงๆแล้วมันไม่ใช่เลย ร้านที่นู่นจะเป็นร้านเล็กๆไม่เหมือนกับห้องอาหารในเมืองไทย แล้วถ้าวันไหนร้องที่ร้านไหนก็ต้องร้องร้านนั้นร้าน
การปรับตัวในการใช้ชีวิตที่อเมริกา
ตอนแรกที่ไปค่อนข้างลำบากเพราะอยู่ที่เมืองไทยเวลาหิวน้ำหรือจะกินข้าวก็จะมีคนมาเสริฟ แต่ที่อเมริกาต้องทำเองทุกอย่างตั้งแต่ซักผ้า ล้างจาน จนไปถึงล้างห้องน้ำ พออยู่นานๆเข้าพี่ก็ชินนะกับการที่ต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ช่วงนึงเคยมีความคิดว่าจะกลับมาอยู่เมืองไทยนะ แต่พอกลับมาแล้วพี่ถึงรู้ว่าอยู่ไม่ได้ (หัวเราะ) เพราะมีคนคอยทำทุกอย่างให้ตลอด และบางครั้งพี่ก็เกรงใจคนที่เขามาดูแลด้วย
ปัจจุบันทำงานอะไรที่อเมริกา
ช่วยพี่เขาทำหนังสือพิมพ์ข่าวสด ซึ่งไม่เกี่ยวกับข่าวสดของไทยนะค่ะ คือมีที่รู้จักเขาไปขอชื่อมาจาก คุณเผด็จ พญาไม้ โดยคุณเผด็จก็ให้ชื่อมาเลยแบบตัดขาดกันเลย หนังสือพิมพ์ข่าวสด เริ่มเปิด 1986 แต่หนังสือพิมพ์ไทยที่นู่นจะออกอาทิตย์ละครั้ง แล้วตอนหลังมีการจดทะเบียนใหม่เป็นชื่อ หนังสือพิมพ์ข่าวสด (USA)
เคยคิดอยากกลับไปร้องเพลงไหม
ไม่เคยเลยสักครั้ง เพราะพี่รู้สึกว่าคนเป็นศิลปินจะขึ้นร้องเพลงนั้นต้องมีการเตรียมพร้อมก่อนทุกครั้ง ไม่ใช่อยู่ๆนึกจะร้องก็ร้องได้เดี๋ยวนั้นเลย เสื้อผ้าหน้าผมต้องพร้อม คือถ้าเราจะโชว์ตัวต่อสาธารณะชนทุกอย่างต้องออกมาดูดีหมด ไม่ใช่ให้คนอื่นเห็นแล้วถามว่าคนนี้ใครหน้าตาไม่เห็นเหมือนสมัยก่อนเลย และอีกอย่างพี่ก็ลืมเนื้อเพลงไปเกือบหมดแล้ว
ความแตกต่างของนักแสดงยุคปัจจุบันกับสมัยก่อน
เมื่อก่อนศิลปินนักแสดงอยู่กันแบบพี่น้องเคารพ และนับถือกัน คือทุกคนรู้จักกันเกือบหมด ที่นักแสดงมีชื่อเสียงได้ก็ด้วยความสามารถของตัวเองทั้งนั้น แต่ปัจจุบันนักแสดง หรือนักร้องต้องมีค่ายมีสังกัด ถ้าค่ายอยากจะปั้นใครคนๆนั้นก็สามารถดังได้
โครงการเยาวชนไทยในสหรัฐที่ทำอยู่
เป็นโครงการเยือนแผ่นดินแม่ ทุก 2 ปีเราจะจัดครั้งนึง โดยจะเอาเด็กที่เกิดที่นู่นหรือโตที่นู่นมาร่วมโครงการ เพราะเวลาเด็กกลุ่มนี้มาเมืองไทยจะไม่ค่อยมีเพื่อนและพูดคนละภาษา ทำให้เด็กเหล่านี้ไม่อยากมาเมืองไทย แต่พอเราจัดโครงการนี้ขึ้นมาทำให้เด็กๆอยากกลับมาอีกครั้งพอมีโครงการเมื่อไรเด็กๆก็จะรีบมาจองทันที เหตุผลที่เราทำโครงการนี้ เนื่องจากไม่อยากให้เด็กลืมรากเหง้าของตัวเอง
กิจกรรมใน แคลิฟอร์เนีย
กิจกรรมที่นิยมมากๆสำหรับคนที่นู่นคืองาน Thai New Year โดยเราจะปิดถนนเป็นถนนคนเดินเปิดขายของ 24 ชั่วโมงไม่ให้รถเข้า และสำนักงานเทศบาลก็จะลงไว้ในเว็บไซต์ว่าทุกปีจะมีงานนี้เกิดขึ้น แล้วพวกนักการเมือง และท่านทูตก็จะมาร่วมงานด้วย รวมถึงทางกรุงเทพก็มาด้วย สิ่งที่เราทำถือเป็นการโปรโมทประเทศไปด้วย ซึ่งงานนี้ได้รับการยอมรับจากคนอเมริกา
สุดท้ายอยากให้ฝากอะไรถึงแฟนๆ
ถ้าคิดถึงก็สามารถอ่านคอลัมภ์ที่พี่เขียนได้ และพี่ก็ยังมาเมืองไทยทุกปีส่วนใหญ่จะมางานการกุศลเป็นหลักค่ะ
ปุยนุ่น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี