“สำหรับหนังเรื่องแรกของบอส เราพยายามผลักดันให้เขาเลือกทำในเรื่องที่อิน แล้วก็มีแพชชั่นที่สุด ซึ่งบอสมีบิ๊กไอเดียว่าอยากให้เรื่องราวในหนังเกิดขึ้นที่สวนทุเรียน ซึ่งพอมีคำว่าสวนทุเรียนในฐานะโปรดิวเซอร์ เรารู้เลยว่าโปรดักชั่นต้องอลังการแน่ๆ เพราะต้องไปถ่ายทำกันที่ต่างจังหวัด ลงพื้นที่ไปถ่ายที่สวนทุเรียนจริงๆ ซึ่งถ้าเราพูดถึงทุเรียน เราจะนึกถึงภาคตะวันออกที่จะมีสวนทุเรียนเยอะ แต่บอสเขาเลือกโลเกชั่นเป็นแม่ฮ่องสอน ซึ่งทำให้มันดู Exotic ขึ้นไปอีก เพราะทุเรียนภาคเหนือปลูกยาก และบอสเขาเลือกสิ่งที่มันยาก เพื่อเป็นการเล่าว่าตัวละครต้องเจอกับสภาวะยากลำบาก ทุกคนรู้ว่าทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีราคาแพง เพราะฉะนั้นการใฝ่ฝันจะเป็นเจ้าของสวนทุเรียนมันต้องใช้เงิน แต่ถ้าทำสำเร็จ คุณก็จะมีฐานะที่ดีขึ้น แต่ในขณะเดียวกันทุเรียนก็เป็นผลไม้ที่ใช้เวลาในการปลูกยาวนานมาก คุณจะไม่สามารถเก็บเกี่ยวอะไรได้เลย ต้องรอให้ทุเรียนโตครบ 5 ปี ถึงจะเริ่มมีผลมีเงินกลับมาได้

เราคิดว่าเงื่อนไขของทุเรียนเหล่านี้มันเหมาะกับตัวละครในเรื่องมากๆ คนสองคนที่รักกันและร่วมสร้างอะไรมาด้วยกัน 5 ปีเมื่อถึงวันที่กำลังจะได้เก็บเกี่ยวสิ่งที่ลงแรงมาด้วยกัน ดันเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตขึ้นมา แล้วความฝันมันสลายไปเลย เพราะสิ่งที่เขาร่วมสร้างกันมาต้องตกเป็นของคนอื่นตามกฎหมาย มันทำให้เรารู้สึกเลยว่าทำไมชีวิตมันเจ็บปวดแบบนี้ ทำไมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ มันทำให้เชื่อว่าตัวละครอยากจะเอาคืน เพราะเขารู้สึกว่ามันไม่แฟร์เลยอยากจะสู้กลับ ซึ่งนักแสดงทุกคนไม่ว่าจะเป็น เจฟ, อิงฟ้า,แม่สีดา, เต้ย หรือ เก่ง เล่นได้เข้าถึงบทบาทมากๆ สุดท้ายขอฝากหนัง วิมานหนาม ไว้ด้วยนะคะ อยากให้ไปดูกันนะคะ ว่านักแสดงแต่ละคนเขาทำถึงกันขนาดไหน”เตรียมเปิดศึกชิงวิมานไปพร้อมกับการฟาดฟันคมหนามบนความไม่เท่าเทียม “วิมานหนาม” 22 สิงหาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์