'เขื่อน'เผย'แม่ตั้ม'เคยไม่เข้าใจลูกเป็นLGBTQ พร้อมเปิดปมไม่คุยกันเป็นเดือน

'เขื่อน'เผย'แม่ตั้ม'เคยไม่เข้าใจลูกเป็นLGBTQ พร้อมเปิดปมไม่คุยกันเป็นเดือน

วันพฤหัสบดี ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2567, 19.13 น.

“เขื่อน ภัทรดนัย” เผย “แม่ตั้ม” เคยไม่เข้าใจ ในสิ่งที่ลูกเป็น แต่เคารพและรักเหมือนเดิม พร้อมปม “ไม่คุยกันเป็นเดือน” 

“หมวยเขื่อน ภัทรดนัย” ควง ”คุณแม่ตั้ม“ ออกรายการสดคู่กันครั้งแรก พร้อมเปิดเผยมุมมองความสัมพันธ์แม่ลูก กว่าจะได้เห็นสนิทสนมกันจนทุกคนต้องอิจฉาขนาดนี้ เคยมีเหตุงอนไม่คุยกันนานเป็นเดือน รวมถึงความเข้าใจในการเป็น LGBTQ ของแม่ที่มีต่อลูก และอัปเดตสถานะหัวใจของหมวยเขื่อนตอนนี้ด้วยว่าเป็นยังไง ในรายการคุยแซ่บshow ช่องOne31 ที่มี ดีเจพุฒ พุฒิชัย ,เอส กันตพงศ์ เป็นพิธีกรดำเนินรายการ


เห็นเป็นคู่แม่ลูกที่สนิทกันมากแต่ได้ยินว่ามีช่วงหนึ่งที่ห่างหายกันไป 1 เดือน ?

เขื่อน : เขื่อนขอเกริ่นก่อนเราไปเรียนต่างประเทศนานมาก แพลนจริงๆเรียนโท 1 ปีครึ่ง แต่ปรากฏเราเจอผู้ชาย แล้วตกหลุมรัก เลยเรียนต่อยาวจนกลายเป็น 8-9ปี 

แม่ตั้ม : เขาค่อยๆขยาย แต่เขื่อนมีดีอยู่อย่าง คือเขาโทรหาแม่ทุกวัน จนแม่ต้องบอกว่าไม่ต้องโทร ไม่ได้มีอะไรจะคุยแล้ว

เหตุการณ์ที่ทำให้ไม่คุยกันเป็นเดือนคืออะไร ?

เขื่อน : เขื่อนว่าในสายตาคุณแม่ เราเป็นเขื่อนน้อย ทุกคนยังเป็นลูกน้อยของคุณแม่ พอไปอยู่ต่างประเทศนานๆ เราก็เข้าใจตัวเองมากขึ้น มีโลกส่วนตัวมากขึ้น เข้าใจว่าเส้นขอบเขตในชีวิตคืออะไร และในวันที่ตัดสินใจกลับมาไทย ก็นั่งกินข้าวเย็นที่บ้านกับคุณแม่ คุณตา คุณยาย ท่านก็ถามว่าเราจะย้ายไปอยู่คอนโดไหม เราบอกจะอยู่บ้านจะได้เดินมาหากันง่ายๆแต่เดี๋ยวสร้างกำแพงนะ กำแพงคือกำแพงจริงๆเลย และแบ่งเลยว่านี่คือที่ของฉันถ้าไม่ได้อนุญาตให้เข้า เข้าไม่ได้ ไม่มีใครเข้าได้เลย แต่วันหนึ่งผู้ชายเข้าได้ (ยิ้ม)

แม่ตั้ม : งอนไปเดือนหนึ่ง ไม่พูดด้วยเลย คือพอพูดอะไรกับเขา เขาก็จะมีขอบเขต บอกรุกล้ำไม่ได้นะ อยู่ดีๆเข้าห้องลูกไม่ได้ แต่เราเคยเข้าไปตลอด ก็เครียดมากเลยทำไมลูกเป็นแบบนี้ ลูกไม่ใช่คนเดิม เขาไม่รักเราแน่เลย เขาเบื่อเราแล้ว เลยไม่พูดไม่โทรเลยเป็นเดือน แม่คิดทุกวัน นอนร้องไห้ว่าทำไมลูกเป็นแบบนี้ เคยสนิทกันมาก เราเคยเป็นเจ้าของชีวิตเขา และอยู่ดีๆ ลูกกลับมาตัวโตเป็นผู้ใหญ่ แม่สั่งอะไรเขื่อนไม่ได้อีกแล้ว เปลี่ยนไปแล้ว จนคิดว่าอยากได้ลูกคืน ต้องยอมรับข้อแม้เขา แต่ยังไม่โทรหานะยังฟอร์มอยู่ จนเขาเป็นคนโทรมา (หัวเราะ)  

เขื่อน : แม่เขาเริ่มเข้าใจแล้วว่ากำแพงนี้ ไม่ใช่การปฏิเสธเขาหรือไม่รักเขา เขาเข้าใจคำว่าเส้นขอบเขต มันแปลว่าการที่จะพุ่งเข้ามาเลย หรือโทรแล้วต้องคุย ต้องกินข้าวเนี่ย ในชีวิตเราไม่มีคำว่าต้อง ในความสัมพันธ์มีแต่คำว่าเมื่อเราทั้งคู่พร้อมเราจะใช้เวลาด้วยกัน พอเข้าใจตรงกันอยู่ด้วยกันก็มีความสุขมาก

อยากให้แม่แชร์ให้คู่ที่มีกำแพงใส่กันควรทำยังไงดี ให้กำแพงหายไปเร็วที่สุด ?

แม่ตั้ม : ในฐานะแม่ พอเราคิดได้ว่าเขาโตแล้ว เขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว มันหมดเวลาของเราแล้ว เราไม่ใช่เจ้าของเขาแล้ว เราเป็นแค่คนที่คอยเฝ้าดูเขาเฉยๆ ปล่อยให้เขามีความสุขอย่างที่เขาเป็น พอเป็นอย่างงั้นทุกอย่างมันง่าย กลายเป็นว่าพอเราเข้าใจขอบเขตของเขา เราไปบ้านเขา เขาก็เปิดประตูรับเรา ก็แค่นั้นเอง

เขื่อน : เราสนิทกับแม่มาก ตอนสร้างกำแพงก็รู้อยู่แล้วว่าต้องมีปะทะแน่นอน แต่พอคุณแม่เข้าใจ ความสัมพันธ์มันเลยสนุกมาก และมีความหมายมากเช่นกัน สุดท้ายเขื่อนกับแม่คุยกันเรื่องนี้บ่อยมากว่าเวลาเรามีจำกัด คุณแม่ไม่ได้มีอายุอยู่ตลอดไป มันจะมีวันนึงที่เขื่อนไม่มีคุณแม่ เลยทำให้ทุกวินาทีที่เจอกัน จะทำอะไรสนุกๆและมีความหมายขึ้นเรื่อยๆ

คนมองเป็นแม่สมัยใหม่ที่เข้าใจลูกมาก ในเรื่อง lgbtq แต่จริงๆไม่ได้เข้าใจ100%?

แม่ตั้ม : มีแต่คนถามเรื่องlgbtq ว่าทำไมถึงเข้าใจลูกได้ขนาดนี้ บอกตรงนี้เลยว่าไม่ได้เข้าใจค่ะ ไม่ต้องเข้าใจ แม่แค่รับเขาในสิ่งที่เขาเป็น แม่เรียกตัวเองว่าเป็นผู้หญิง เพราะฉะนั้นเป็นเพศที่แตกต่างก็ไม่จำเป็นที่เข้าใจเขา เพียงแต่เคารพเขาในสิ่งที่เขาเป็น รักเขาในสิ่งที่เขาเป็น และก็ชื่นชมเขาในสิ่งที่เขาเป็น

เขื่อน : ตอนนี้แรงกดดันมันเยอะว่าต้องเข้าใจ lgbtqia 2s+ บางทีเรายังตามไม่ทัน เขื่อนทำปริญญาเอกด้านนี้บางทีตื่นมายังต้องเช็คว่าอันนี้ความหมายยังไง ขนาดเรายังต้องตามเพราะฉะนั้นคนรอบข้างจะรู้เท่าเราตลอดมันจะไม่ทัน เขื่อนพูดตลอดกว่าคุณแม่จะพูดคำว่าlgbtqได้เนี่ย เพิ่ง2ปีหลังเอง แต่สิ่งที่คุณแม่มีนอกเหนือจากความเข้าใจคือความไว้ใจ ไว้ใจว่าสิ่งที่เขื่อนเลือกคือไตร่ตรองมาแล้ว ถ้าเกิดมันพลาดก็ไว้ใจพอที่จะอยู่รอรับเขื่อน เขื่อนพูดตลอดเวลาคนปรึกษาว่าทำยังไงให้เข้าใจลูก คือหลายๆครั้งที่เราเครมว่าเราเข้าใจใครคนนึง เราไม่มีวันเข้าใจ เพราะประสบการณ์ชีวิตเราไม่เหมือนกัน แต่เราสามารถไว้ใจตัวเองที่จะไว้ใจเขา แล้วเชื่อว่าเขาจะทำสิ่งที่ปลอดภัยและดีที่สุดสำหรับเขาได้

เขื่อนช่วยอธิบายlgbtq ให้เราเข้าใจหน่อย ?

เขื่อน : อยากให้คุณพ่อคุณแม่ที่บอกว่าพร้อมแล้วเข้าใจแล้วให้ลูกมาบอกสิ ให้เวลาลูกด้วย เดี๋ยวเขาพร้อมเมื่อไหร่ เขาบอกเอง ยิ่งไปบังคับเขาเขายิ่งรู้สึกกดดัน และสำหรับคนที่จะออกมาพูดก็ให้ตัวเองพร้อมที่สุดก่อนที่จะกล้าบอกโลกว่าเราเป็นใครอะไรยังไง 

มีคอนเทนต์ที่หลายคนชื่นชมของ2คนเยอะมาก?

เขื่อน : เราชอบแต่งตัวคู่ ถ้าก่อนหน้านี้จะเป็นชุดคู่ แต่เดี๋ยวนี้จะเป็นแกล้งแม่ เขื่อนจะเป็นคนดีไซน์ชุดให้คุณแม่ เลเวลมันเริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ จนมีคอมเมนต์ว่ามีหน่วยไหนเข้าไปช่วยคุณแม่หรือยัง ตอนนี้คนเริ่มกังวลว่าลิมิตเขื่อนอยู่ตรงไหน เริ่มไปไกลแล้ว อันที่เขื่อนประทับใจแม่สุดคือที่เขื่อนแต่งเป็นสาวญี่ปุ่นน่ารักๆ แต่คุณแม่แต่งเป็นผี ขึ้นรถไฟฟ้า จำได้เลยแม่บอกใจเต้นแรงเหมือนจะเป็นลม แต่พอกลับมาแม่บอกว่าได้ปลดล็อค คุณแม่ก็กล้าทำอะไรมากขึ้น

แม่ตั้ม : พูดตรงๆนะ ไม่ค่อยเต็มใจ (หัวเราะ) แต่ก็สนุก บางทีก็ถามว่าเอาจริงหรอ แต่คือตัวแม่เองได้ออกจากเซฟโซน ที่ผ่านมาคืออยู่ในกรอบตลอด พอได้ออกจากเซฟโซนก็รู้สึกสดชื่นดี สนุกค่ะ แม่เชื่อใจเขื่อน ไว้ใจเขื่อน

กับคำที่คนบอกเขื่อนโลกสวยไปหรือเปล่า?

เขื่อน : ถ้า3-4ปีที่แล้ว เขื่อนจะรู้สึกผิดที่ความสุขเรามันปลอมหรอ ความสุขเรามันทำอะไรผิดหรอ ความสุขเรามันไปเอฟเฟ็กต์ใครหรือเปล่า มันเคยเป็นคำบั่นทอนเขื่อน จนมานั่งคิดว่าถ้าเกิดมันบั่นทอนเรามันก็ต้องเป็นมุมจากเรา เลยทำความเข้าใจได้ว่ากว่าเขื่อนจะโลกสวยได้ขนาดนี้ เขื่อนเจ็บมาเยอะมาก เพราะฉะนั้นกว่าเขื่อนจะยิ้มได้จากน้ำตาได้ขนาดนี้ เขื่อนผ่านอะไรมาเยอะมาก วันนี้ถ้าเขื่อนแชร์ประสบการณ์ตัวเองแล้วทำให้ใครไม่ต้องผ่านอะไรแบบเขื่อน เขื่อนยินดีมากๆเลย ทุกวันนี้พอเห็นคำว่าโลกสวยแล้ว ยินดีกับตัวเองมาก (ตอนนี้คำว่าอะไรถึงจะทำอะไรเราได้) ไม่สวย (หัวเราะ) เพราะฉันสวย เขื่อนว่ามันไม่มีเป็นหนึ่งเรื่องที่ทำร้ายเขื่อนได้ แต่เขื่อนว่าอะไรที่คนตัดสินเขื่อนจากที่เขื่อนยังตกตะกอนตัวเองไม่ได้ อะไรที่เขื่อนรู้สึกสูญเสียบริบทในการเล่าเรื่องตัวเอง จะค่อนข้างมีผลกับเขื่อน แต่ทุกวันนี้น้อยลงเยอะ เพราะเรารู้ว่าทำอะไรอยู่ ถ้าคนอื่นว่าเราแต่เรื่องของเราไม่ได้เป็นแบบนี้ก็ไม่เป็นไรครับ 

ได้ข่าวว่าแม่ตั้มกลายเป็นไลฟ์โค้ชด้านความรักให้ลูกตัวเองแล้ว?

แม่ตั้ม : เขื่อนเขาเป็นนักจิตวิทยา เขามีเหตุผลเยอะจนแม่บอกให้ลูกวางเหตุผลและตามใจตัวเองบ้าง ตามใจอารมณ์บ้าง เพราะเขาเหตุผลเยอะมาก อยากให้เขามีความสุขกับความรักบ้าง ไม่ใช่อะไรก็เหตุผลไปหมดทุกเรื่อง เราต้องไม่ลืมเรื่องอารมณ์ของความสุขด้วย 

เขื่อน : ได้ฟังแล้วทำให้นึกถึงประโยคที่บอกว่าคุณแม่รู้ดีที่สุด แต่ก่อนเขื่อนต่อต้านประโยคนี้มากเพราะคิดว่าเธอจะมารู้ดีกว่าฉันได้ยังไง แต่ยิ่งมีอายุขึ้นยิ่งเข้าใจว่ามุมที่คุณแม่มองหลายๆครั้งมันตรงมาก คุณแม่เคยบอกเขื่อนตั้งแต่เด็กแล้วว่าเธอจะเป็นคนที่มีคู่ยาก เราเถียงตลอด เพราะคิดว่าเราเฟรนด์ลี่ และต้องการแค่3อย่างเอง แต่มันต้องมี3อย่างนะ ซึ่งมันยากมาก

ตอนนี้มีคนคุยจริงไหม ?

เขื่อน : มี (ยิ้ม) ครบ3ปีค่อยเปิดตัว ตอนนี้ก็ค่อยๆไปเรื่อยๆ (เรื่อยคือใน365วัน?) ใกล้ๆ (500วัน?) 500วันยังไม่ถึง เป็นคนนอกวงการ สำหรับเขื่อนคือต้องคนอายุมากกว่า 5ปี 8ปี 10ปี บวกไปได้เลยครับ ชอบคนโตกว่า 

ตอนนี้ยังมีอะไรเป็นห่วงซึ่งกันและกันไหมแม่ลูก?

เขื่อน : เขื่อนเป็นห่วงสุขภาพคุณแม่ เป็นเรื่องปกติเพราะคุณแม่เข้าสู่วัย60แล้ว รู้สึกว่าแม่ไม่ชอบออกกำลังกาย เขื่อนทำงานมาตั้งแต่เด็ก เยอะมาก โตมาแทบจะไม่เคยเดินทางไปเที่ยวกับคุณแม่เลย ยังหวังว่าพอทุกอย่างเบาลงเราจะได้ไปเที่ยวกัน อยากให้คุณแม่สุขภาพดี ร่างกายแข็งแรง เราจะได้ใช้ร่างกายนี้ไปสร้างความสุขและความหมายเพิ่มให้แก่กันและกันได้ครับ

แม่ตั้ม : เขื่อนเขาดำเนินชีวิตมาดี อย่างเดียวที่ห่วงเลยก็คือสุขภาพเหมือนกัน

ทราบมาว่าเขื่อนก็ไม่ค่อยดูแลสุขภาพเหมือนกัน?

เขื่อน : เขื่อนติดนิสัยสมองเสียงดัง เอางานมาก่อน เอาคนอื่นมาก่อน เราพร้อมเมื่อไหร่ เราค่อยพัก แต่ชอบลืมว่าการพักต้องอยู่ในตารางงาน เพราะการพักก็คือการทำงานรูปแบบหนึ่ง ซึ่งพอมาทำความเข้าใจได้ก็ต้องหาวิธีพัก หาวิธีเติมกำลังให้ร่างกาย หาวิธีให้ตัวเองได้ขี้เกียจและพักผ่อนบ้าง 

ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top