ลบคำครหา! 'จั๊กกะบุ๋ม'ปลดหนี้'แม่ปูนา'ได้สำเร็จ

ลบคำครหา! 'จั๊กกะบุ๋ม'ปลดหนี้'แม่ปูนา'ได้สำเร็จ

วันพฤหัสบดี ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567, 19.42 น.

เปิดใจที่แรก! “จั๊กกะบุ๋ม” ปลดหนี้ “แม่ปูนา” ได้สำเร็จ ลบคำครหาคนตั้งฉายา “จั๊กกะเบี้ยวบิดหนี้”

หลังจากที่ก่อนหน้านี้เป็นประเด็นร้อนในโลกโซเชียล กับกรณีตลกดัง “จั๊กกะบุ๋ม เชิญยิ้ม” จากเหตุการณ์ที่มีการโดนทวงหนี้ จำนวน 284,400 บาท กลางรายการดัง จนต้องออกมาประกาศว่าจะเคลียร์หนี้ “แม่ปูนา” เจ้าหนี้ให้หมดภายในสิ้นปีนี้ ล่าสุด “จั๊กกะบุ๋ม” ก็เคลียร์หนี้สำเร็จโอนเงินคืนก้อนสุดท้ายต่อหน้าสื่อ โดยงานนี้ “จั๊กกะบุ๋ม” ได้เปิดใจผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่องOne31 ที่มี ดีเจพุฒ พุฒิชัย และ เอส กันตพงศ์ เป็นพิธีกรดำเนินรายการ


เป็นยังไงบ้างความรู้สึกหลังจากที่เราใช้หนี้ก้อนสุดท้ายไป ?

จั๊กกะบุ๋ม : โอ้ย ก็ถือว่าโล่งไปอีกเปราะ เพราะว่าก่อนหน้านี้มันเหมือนมีอะไรอยู่ในอกเรา มันหนักมันอึดอัด มันแน่นไปหมด และมีความรู้สึกว่าหลังจากที่เราได้เอามันออกจากตรงอกจากหัวใจมันโล่งเลย เบาสบายมากๆ มันมีความสุขหลังจากที่เราเครียดมานาน 7 เดือน

แล้วทำไมถึงเลือกที่จะโอนเงินเงินก้อนสุดท้ายกลางวงสัมภาษณ์?

จั๊กกะบุ๋ม : คือไม่ได้เตี๊ยม ไม่ได้นัดแต่พอดีพี่ๆ สื่อมวลชนโทรมา เพราะว่าก่อนที่ผมจะปิดยอดหนี้ได้ทำการไลฟ์สดแล้วก็มีคลิปๆ นึงที่มีคนทวงถามผมว่าจะปิดยอดแม่ปูนาเมื่อไหร่ พอคลิปนั้นมันออกไปเป็นไวรัล พี่ๆ สื่อมวลชนก็เลยมาตามติด  ใจไหนพี่ๆ สื่อมวลชนมาแล้ว งั้นเดี๋ยวผมโอนก่อนเลย เป็นการยืนยันว่าผมโอนจริงจะได้เห็นหลักฐานกันไปเลย ว่าได้โอนคืนแม่ปูนาหมดแล้ว

ยอดที่เป็นหนี้กับแม่ปูนาเท่าไหร่?

จั๊กกะบุ๋ม : 284,400 บาทครับ ณ.ตอนนี้เคลียร์ก้อนใหญ่หมดแล้วทุกสตางค์ หมดเกลี้ยงหมดเลยครับ

อันนี้คือใช้เวลาเท่าไหร่ในการโอนคืนทั้งหมด ?

จั๊กกะบุ๋ม : ร่วม 7 เดือน ตอนนี้ไม่เหลืออะไรค้างแล้วกับแม่ปูนา แต่ผมยังมีเจ้าหนี้เจ้าอื่นอยู่ ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจพยายามจัดสรรปันส่วนแล้วก็วางระบบวางระเบียบในการบริหารจัดการใช้หนี้ท่านอื่นๆ เพราะว่า ในระหว่างทางผมก็ไม่ได้ใช้หนี้แม่ปูนาท่านเดียว ผมก็ยังมีใช้หนี้หนี้รายวันหมวกกันน็อกมากน้อยแบ่งสรรไปตามสัดส่วนของมันไป

ณ.วันนี้สรุปให้ฟังหน่อยได้ไหมว่าเหลือหนี้อะไรบ้าง ?

จั๊กกะบุ๋ม : ส่ง เหลือพวกหมวกกันน็อกและพวกเจ้าหนี้ที่ผมโทรไปยืม 3000 หน่อย 2000 เหลืออีกประมาณไม่กี่ท่าน

ถ้าให้ลองเดาว่าท่านอื่นๆ จะใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่?

จั๊กกะบุ๋ม : ผมตั้งใจว่าไม่เกินปลายปีนี้หมด ประมาณเดือนหน่อยๆ ก้อนกลมๆ รวมๆประมาณหลักหมื่น ไม่เกินสิ้นปีแน่นอน

ผมไปเลย?

จั๊กกะบุ๋ม : ตรอมใจ (หัวเราะ) ไม่ใช่หรอกแค่ตัวใหญ่แล้วผมรู้สึกอึดอัดอายุเยอะขึ้นแล้วผมกลัวจะส่งผลต่อสุขภาพก็เลยคุมอาหารไม่ได้ทานยา

ระหว่างที่โอนเงินไปให้แม่ปูนามีได้พูดคุยกันบ้างไหม?

จั๊กกะบุ๋ม : คือทุกครั้งที่ผมโอนเงินไปให้ผมจะทำคลิปบอกสื่อและหลังจากทำคลิปเสร็จก็ส่งสลิปและคำขอบคุณทุกครั้งที่โอนเงินไปให้แม่ปูนา

แล้วแม่เขาตอบอะไรกลับมามั้ย?

จั๊กกะบุ๋ม : ก็.. ช่วงแรกๆ ยังตอบอยู่แต่ช่วงหลังๆ ผมก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เห็นเค้านิ่งเงียบไป เลยไม่กล้าที่จะโทรหาเลยไม่กล้าที่จะอะไรเค้าไม่เปิดอ่าน Messenger ผมเลย

แล้วเขาจะรู้ไหมว่าเราใช้หนี้เขาแล้ว ?

จั๊กกะบุ๋ม : เค้าน่าจะเห็นผ่านสื่อและดูเงินในบัญชีเขาก็น่าจะรู้ว่าผมโอนเข้าไป

หรือเค้าบล็อคพี่ไปแล้วหรือเปล่า ?

จั๊กกะบุ๋ม : ไม่บล็อกนะครับ ผมยังเห็นเฟซบุ๊กเค้าออนอยู่ หลักฐานทุกอย่างก็ยังอยู่เหมือนเดิม สลิปทุกครั้ง ที่ผมโอนก็ยังอยู่ในแชทพร้อมคำขอบคุณ

นอกจากส่งข้อความยังมีความคิดที่อยากจะไปเจอแม่เค้าตัวต่อตัวมั้ย?

จั๊กกะบุ๋ม : คือเจอกันก็ไม่ติดนะ  เพราะผมไม่ได้มีอะไรที่จะไปโกรธไปแค้นไปเคืองอะไรก็ต้องบอกก่อนเลยว่าสิ่งที่ผมทำคือเรื่องผิดนะ ผมไม่ใช่ผู้ชนะผู้ถูก มันคือเรื่องที่ผมทำผิดกับคนๆ นึงเพราะฉะนั้น ผมจะไปโกรธเค้าไม่ได้ ผมไปเกลียดเขาไม่ได้สามารถเจอเขาได้ตลอด ผมสามารถพูดคุยกับเขาได้ตลอดอยู่ที่ว่ามันจะเป็นเวลาไหนที่เหมาะสมเท่านั้น

เห็นว่ามีหนี้อีกอันนึง หนี้หมวกกันน็อกนี่มันคืออะไร?

จั๊กกะบุ๋ม : หนี้รายวันไงครับ กู้นอกระบบเป็นพวกขี่มอเตอร์ไซค์ คนที่มาเก็บเงิน ถ้าไม่จ่ายเขา เขาก็จะมามาหาที่บ้านมาทวงที่ทำงานหรือบุกไปที่ที่เราทำงานอยู่ คือผมส่งรายวันส่งรายวัน ก่อนหน้านี้ผมส่งวันละ 50,000 บาท 10,000 ละ 500 สมมตินะถ้ากู้ดอกละ 100 ละ 20 คือ 24 วันต้องส่งวันละ 500 ส่ง 24 วัน คิดดูว่าผมต้องส่งวันละเท่าไหร่ มันคือการกู้อันนี้มาโปะอันนั้นกู้อันนั้นมาโปะอันนี้ มันก็เลยกลายเป็นว่าดินพอกหางหมูสาเหตุมันเกิดมาจากที่เราจะมีเงินอนาคต เดี๋ยวเราจะได้เงินจากงานนี้งานนู้นแล้วเดี๋ยวจะเอามาให้ตรงนี้ก็คิดว่ามันจะไม่มีปัญหาอะไรสิ่งที่เราคาดหวังมันเป็นไปตามอย่างนั้น งานก็ถูกแคนเซิล ดวงผมเหมือนมันตก ที่เราคาดหวังว่าอีกห้าวันเดี๋ยวจะได้ตังค์มันแคนเซิลไปผมก็เลยคิดว่าจะต้องทำยังไงดีก็เลยต้องโทรหาเจ้าใหม่เพื่อที่จะเอามาโปะเจ้าที่เรารับปากมันก็เลยพอกๆ เป็นพอกหางหมู

แล้วทุกวันนี้จ่ายค่าหนี้หมวกกันน็อกกี่บาทต่อวัน ? จั๊กกะบุ๋ม : มีที่ผมส่งบางเจ้า เจ้าละ 5,000 บ้าง 2000 บ้าง 1,000 บ้าง ผมขอเลยเจรจาเลยว่าผมไม่สามารถได้ยอดเท่าเดิมแล้วผมขอเหลือวันละ 200 ได้ไหมจากเคยส่ง 5000 เพราะว่าตอนนี้ผมมีกำลังเท่านี้ แรกๆ มีเดี๋ยวผมจะไปหาพี่ที่บ้านเลย ไปคุยกันพี่อยู่ไหน พี่ถามว่าผมทำแบบนี้ได้ประโยชน์อะไร อยากให้พี่ดูเจตนาผมก่อน เจตนาเจรจาหมายความว่าผมอยากใช้หนี้พี่ให้หมด แต่ตอนนี้ผมไม่รู้จะไปหาที่ไหน ถ้าผมมีปัญญาส่งเท่านี้พี่โอเคกับผมเท่าไหน ผมไม่หนี ได้น้อยหน่อยพี่เอาไหมและระยะเวลามันอาจจะเยอะแต่ผมให้พี่เนี่ย มันโอเคมั้ย ถ้าพี่ได้ผมก็มีเวลาหา มันก็วินวินทั้งคู่แหละ 

อย่าง 200 ที่เราจ่ายมันหักต้นหักดอกเท่าไหร่?

จั๊กกะบุ๋ม : ผมบอกเขาว่าหยุดคิดดอกกับผมเลยแล้วก็คิด ยอดที่ผมจะต้องใช้อ่ะ ว่าผมมียอดเท่าไหร่ ยอด 20,000 สมมุติว่าหักร้อยละ 20 ก็คิดยอดมา ผมขอผมไม่มีแล้วไม่งั้นมันจะยืด ให้คิดเป็นก้อนกลมๆ เลย ต้องให้พี่เท่าไหร่ แล้วก็ทยอยใช้ให้มันเป็นยอดกลมๆ ไม่ต้องคิดเรื่องทบต้นทบดอกไม่อย่างนั้นมันจะยาวและไม่จบ

กู้เงินยืมตอนแรก เพราะอยากเอาเงินไปทำธุรกิจ?

จั๊กกะบุ๋ม : ก็เงินส่วนนึงแล้ว แต่ความโลภของเราอยากเพิ่ม อยากได้เพิ่ม แต่ทุกอย่างก็ไม่ได้เป็นเหมือนที่เราคาดหวังไว้ มันก็เลยพัง

ทุกวันนี้ยังไปออกบูธขายปลาร้าทอดอยู่ ?

จั๊กกะบุ๋ม : ครับ 

เห็นว่ามีคำนึงประโยคนึงที่พี่ไม่ค่อยพอใจ ?

จั๊กกะบุ๋ม : ไม่ใช่ไม่พอใจ แต่เค้าเรียกว่าจั๊กกะบิดเบี้ยวหนี้ จั๊กกะบุ๋มเบี้ยวหนี้ ที่ตลกทีโพ มันเยอะนะช่วงนั้นน่ะ เค้าเข้ามาพิมพ์ในคอมเม้นต์ นั้นเป็นเรื่องของความสนุกสนาน สนุกทางอารมณ์ของคนที่ได้ดูข่าว ถามว่าตอนแรกเครียดไหม โมโหไหม ก็มี บางอารมณ์ตอนนั้นมี แต่เราระงับมันด้วยเหตุผล เราหาเหตุมันก่อนว่า เค้ามาใช้คำพูดแบบนี้กับเรามันมาจากเรื่องอะไร เราก็จะเปลี่ยนจากสิ่งที่เขากำลังบอกผมปรมาผมดูถูกผมมาเป็นแรงบันดาลใจให้พิสูจน์ว่าผม ไม่ใช่จั๊กกะบิด ผมไม่ใช่จั๊กกะเบี้ยว ผมคือจั๊กกะบุ๋มที่มีความตั้งใจที่จะทำมาหากินใช้หนี้เพียงแต่ วันนั้นผมไม่มีโอกาสใช้หนี้เนื่องจากผมไม่มีงาน ผมไม่มีโอกาสแต่วันนี้ผมมีโอกาสผมมีช่องทางแล้ว ผมก็ใช้ช่องทางตรงเนี่ยพิสูจน์ให้ทุกๆ คนที่คอมเม้นต์แบบเนี่ยให้เห็นไปเลยว่าผมทำได้

ช่วงนั้นที่เป็นข่าวก็จะเห็นว่ามีทั้ง คนคอมเม้นต์ เดินมาหาว่าจะใช้หนี้เมื่อไหร่ เป็นซึมเศร้ามั้ยครับ มีความคิดที่อยากจะฆ่าตัวตายมั้ย?

จั๊กกะบุ๋ม : ผมไม่รู้ว่าโรคซึมเศร้าคืออะไรนะ แต่ว่าอารมณ์ในช่วงนั้น มันรู้สึกเคว้งคว้าง กินไม่ได้นอนไม่ได้ทุกอย่างมัน ประเดประดังเข้ามาในหัวเราหมดเลย อยู่กับไฟหัวนอนดวงเดียวให้ตัวเองตอบเรื่องราวทั้งหมดที่มันเกิดขึ้นมันคืออะไรแล้วทำไมวันนี้เราโดนมรสุมลูกที่มันใหญ่จังเลย เราจะรับมือกับมันได้ไหม เราจะทำยังไงดี เราจะเดินหน้าต่อไปเราจะทำไงดี ภาษาสมัยนี้เค้าจะเรียกว่าดิ่งใช่ไหม มันดิ่งมันดาว สุดท้ายแล้วสิ่งที่มันเกิดขึ้นเนี่ย ถ้าทุกคนเค้าไม่อยากจะให้โอกาสเรา เค้าเห็นถึงความผิดที่มันเป็นความผิดในมุมมองของเค้า คิดว่าความผิดที่เราทำมันเป็นเรื่องร้ายแรงสุดท้ายเค้าอยากเห็นเราตายหรือเปล่าวะ สุดท้ายเราต้องตายหรือเปล่าวะ คิดไปถึงขนาดนั้นเลย ทุกคนต้องการภาพนั้นหรอ แล้วเราต้องทำแบบนั้นไหม ถ้าสิ่งๆ นี้มันทำให้ทุกคนสบายใจผมยอมนะ ผมยอม

แล้วอะไรที่ทำให้พี่กลับมาจากความคิดเหล่านั้นถ้าทุกคนอยากเห็นผมตาย ผมจบชีวิตตัวเองก็ได้ เราเอาตัวเองกลับมายังไง?

จั๊กกะบุ๋ม : มันมีโทรศัพท์สายหนึ่งเข้ามาจากพี่คนหนึ่ง ผมก็ต้องบอกว่าเค้าเป็นคนที่เปลี่ยนชีวิตเหมือนกันขออนุญาตเอ่ยชื่อพี่ญาญ่า พี่บ๋อมแล้วก็พี่บุ๋มทีมงานที่จัดเชิญยิ้มเชิญอร่อย โทรมา ถามว่าทำอะไรอยู่เราก็บอกว่าไม่ไหวแย่มากเลย และแกจะทำยังไงต่อก็หาหนทางเจอ เพราะตอนนั้นผมมีที่ขายของคือที่อยุธยา ขายของข้างหน้าตรงที่เค้ามาไหว้พระ นั่นคือที่ๆ เดียว ที่ตอนนั้นผมมีรายได้อยู่ สมมุติว่าก็คุยกันไปกันมาถ้าฉันจะเปิดโอกาสให้แกมาขายในงานนี้แกจะมาไหม ผมไม่ปฏิเสธเลยผมบอกผมไป เพราะผมเชื่อว่าถ้าผมมีโอกาสเพิ่ม ผมจะหารายได้ที่มันมากขึ้นกว่าเดิมได้ ผมรับปากตอนนั้นผมเหมือนทุบหม้อล้มเลย ไปแล้วขอให้ตายในขณะที่เราได้สู้อีกซักทีเถอะวะ สู้กับมันไม่ได้คือไม่ได้ ลุย เพราะโอกาสนั้นเลยทำให้เราได้สู้ทั้งที่เรากำลังจะตายอยู่แล้ว ก่อนตายก็ขอฮึดสู้ 

เป็นการทุบหม้อข้าวครั้งสุดท้ายที่ถือว่าถูกต้อง ?

จั๊กกะบุ๋ม : มันเหมือนชีวิตใหม่ผมเลย เพราะเหมือนที่ผมบอกวันแรกผมกลัวมนุษย์มากๆ ครับแต่กลับกลายเป็นว่าวันที่ผมมาขายของวันแรกๆ มันเปลี่ยนโลกผมเลย

ความสุขของพี่คือเป็นพ่อค้าขายปลาร้าทอด?

จั๊กกะบุ๋ม : มีความสุขมากๆครับ มันเป็นความดีใจในทุกวันที่ผมตื่น ตื่นมาเจอคน ผมไม่ได้มาเพื่ออยากจะขายของแต่ผมอยากมาเจอพลังงานบวกกับคนที่มาซื้อของ พลังงานนั้นมันเป็นกำลังใจให้ผม ไม่ว่าผมจะทำอะไรก็แล้วแต่ ณ ปัจจุบันเนี่ยผมเชื่อว่าสิ่งที่ผมได้รับมันเป็นพลังงานบวกมากกว่าพลังงานลบ 

มีโอกาสที่จะกลับมาเล่นตลกอีกมั้ย ?

จั๊กกะบุ๋ม : ก็มีคนคิดถึงเยอะ มีคนคอมเม้นต์ว่าให้โอกาสนะยังอยากดูการแสดงของเราอยู่ จำภาพพี่ได้คิดถึงตัวละครที่เราเล่น จากซิทคอมบ้านนี้มีรัก คิดถึงพี่มากๆเลย มันเป็นช่วงระยะเวลาที่ผมเล่นซิทคอมเรื่องนี้มาเกือบ 12 ปี มา มันเป็นมากกว่าความผูกพันมันเหมือนชีวิตของผมเลย มันเล่นออกมาจากหัวใจเลยจริงๆ ทุกการแสดงความตั้งใจของเราจริงๆ มันก็ทำให้คนจำ ชื่นชอบและอยากเห็นกับเรากลับมาเล่นอีก 

มีติดต่อมาหรือยัง ?

จั๊กกะบุ๋ม : ยังครับ แต่คิดว่าถ้าการติดต่อให้ไปทำงานให้ผมก็ยินดี แต่ผมก็ก็ยังแอบกลัว กลัวว่าเค้าจะได้รับผลกระทบกับชื่อเสียงของผม บางทีติดต่อมาเราก็ไม่อยากรับเพราะกระแสมันแรง มันจะเป็นลบมากกว่าบวก เลยไม่อยากอยู่เฉยๆ กลัวว่าคนที่ให้โอกาสเราเค้าจะได้รับผลกระทบ เพราะก่อนหน้านี้มีคนให้โอกาสเราเค้าก็โดนด่า ว่าทำไมต้องให้ที่ยืนเราในสังคมซึ่งผมก็ไม่เข้าใจในโมเมนต์นี้ ว่าทุกคนอยากให้ผมมีเงินใช้หนี้ ไม่ใช่หรอ แต่กลับไปป่าวประกาศว่าใครให้พื้นที่ผมยืนเปิดโอกาสให้ผมทำงานจะไม่คบด้วย สุดท้ายแล้วพี่อยากจะให้ผมมีเงินใช้หนี้ไม่ใช่หรอ แล้วสุดท้ายเห็นอะไรกัน

เหตุการณ์ที่มันเกิดขึ้นกับพี่ มันทำให้แง่คิดในวงการบันเทิง มีเปลี่ยนไปบ้างไหม?

จั๊กกะบุ๋ม : วงการบันเทิงยังเหมือนเดิม เป็นวงการที่สร้างงานศิลปะให้ผมด้วยเสพ ยังน่าอยู่เหมือนเดิม แต่ผมเสียความรู้สึกกับคนบางคนมากกว่า ร่วมวงการเดียวกับผมหลายหลายท่านที่ผมมีความรู้สึกว่าผมรักและเคารพ พอผมเจอเหตุการณ์แบบนี้มันทำให้ผมรู้สึกผมเหลือใครบ้าง แล้ววันนี้ที่เหลืออยู่ก็คือคนที่รักและซัพพอร์ตผมจริงจริงๆ ผมแค่รู้สึกเสียดายผมไม่ได้รู้สึกโกรธ แค่รู้สึกว่าผมอยู่วงการนี้ไม่มีความดีเลยหรอ ผมชั่วมากเลยหรอ แต่ก็รู้สึกดีที่ได้เห็นสัจธรรมที่แท้จริง เราควรไปอยู่ที่ ที่มีความสุขของเราดีกว่า ถ้ารักผมแล้วคิดว่าผมเป็นพี่เป็นน้องก็เรียกผมคุยสิ ด่าผมสิ ให้สติผมสิว่าสิ่งที่ผมทำมันผิดจริงๆ เหมือนพ่อเป็ดโกรธผมมากแต่ก็ยังให้ผมแก้ไข มึงทำแบบเดิม

แล้ววันสุดท้ายที่ปิดหนี้กับ “ปูนา” ก็ได้มีโอกาสคุยกับ “พ่อเป็ด” ด้วย ?

จั๊กกะบุ๋ม : ครับ ผมเสร็จจากงานที่กรุงเทพผมก็ตีรถไปต่องานพ่อเป็ดที่ลพบุรี ก็ไปเจอพ่อเป็ดก็เหมือนเดิมเลยก้มกราบ พ่อเป็ดก็จับหัวผมแล้วก็ให้กำลังใจ มันผ่านไปแล้ว เหลืออีกนิดนึงในการพิสูจน์ เอ็งทำซะไม่ต้องไปสนใจใคร โฟกัสกับคนที่ให้กำลังใจโฟกัสคนที่เปิดโอกาส โฟกัสคนที่มาอุดหนุนสินค้าของเรา วันนี้มีเงินใช้หนี้ใช้สินได้ไม่ต้อง ขอบคุณใครเลย (เสียงสั่น) ขอบคุณคนที่มาซื้อปลาร้า ขอบคุณคนที่มาซื้อปลาส้มผม นี่แหละคือคนใช้หนี้ให้ (ร้องไห้) มึงไม่ต้องมา มึงไม่ต้องมาไหว้กู กูแค่ให้พื้นที่ แต่คนมึงควรจะขอบคุณมากที่สุดคือคนที่รักมึง 

นี่คือคำที่อาเป็ดบอก แล้วพี่ตอบเอาเป็ดไปว่าอย่างไร?

จั๊กกะบุ๋ม : ผมก็บอกว่าพ่อ วันนี้สิ่งนี้ผมอยากจะทำให้มากที่สุดก็คือ ผมจะไม่ทำให้คนที่เสียเงินมาซื้อของผม ผิดหวังในตัวผม อยากให้เขาเห็นว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ที่เขามาซื้อของผมอุดหนุนสินค้าผมเนี่ยมันเหมือนเงินซื้อชีวิตใหม่ให้กับผม ขอบคุณผมไม่รู้จะขอบคุณยังไงสำหรับทุกจังหวัดที่ผมไปมาผมได้รับอะไรดีๆ มากกว่าอะไรอะไรไม่ดี  ผมมีความสุขทุกวันเลยยิ้มได้คุยได้ขายมีความสุขมาก ก็รับปากว่าจะไม่ทำเสียใจต่อไป มันจะมีแต่เรื่องของการทำมาหากินต่อสู้กันต่อไป 

นอกจากขอบคุณคนมาซื้อปลาส้มปลาร้าทอดมีอะไรอยากบอกกับ “อาเป็ด” ?

จั๊กกะบุ๋ม : ผม.. บอกได้คำเดียวว่าผมกราบผู้ชายคนนี้ได้สนิทหัวใจเลย มันเหมือนกับเค้าฉุดผมมาจากโคลนจากหลุมที่ใครหลายคนพร้อมจะฝังผม  แต่คนๆ นี้เลือกที่จะยื่นไม้ให้ผมหยิบจับแล้วดึงผมขึ้นมา ในขณะที่เนื้อตัวผมมันแปดเปื้อนไปทั้งโคลนตมแต่เขาให้โอกาสผมได้ล้างเนื้อล้างตัว ได้มีเสื้อผ้าใหม่ได้มีข้าวมื้อใหม่ได้มีรองเท้าใหม่ได้มีอะไรใหม่ๆ เข้ามาในชีวิต คำขอบคุณไม่พอ ก่อนหน้านี้ที่ผมบอกจะบวชผมไม่ได้บวชหนีหนี้นะ พูดมาตลอดว่าหลังจากที่จบเรื่อง ไม่รู้จะตอบแทนบุญคุณของคนที่เมตตาผมยังไงผมก็อยากจะตอบแทนคุณด้วยความบริสุทธิ์จากผ้าเหลืองคือบวช 

มีอีกคนที่คอยให้กำลังใจนั่นคือแฟนของพี่?

จั๊กกะบุ๋ม : ก็มีเอมที่อยู่ด้วยกันและให้กำลังใจกันมาตลอด ในวันที่ผมไม่เหลือใคร ก็ยังมีเขาพิสูจน์อะไรหลายๆ อย่าง มีแต่คนแทบจะไม่มองหน้าเรา ไม่อยากสนทนาอะไรกับเราด้วย โทรไปยังไม่รับสาย แต่เขาก็ก็ยังอยู่ข้างๆ ผม เขาให้กำลังใจทุกอย่างคือการใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ผมคิดว่าคนเรามันพิสูจน์กันตรงนี้แหละ ยามมีมันไม่ค่อยเห็นยามลำบากเนี่ยเราจะเห็นได้ชัด คนที่อยู่กับเราตอนลำบากเราควรจะรักษาเขาเอาไว้ไม่ใช่แค่เอม เราควรจะตอบแทนเขาอะไรที่ทำได้ก็ทำไปเลย

ที่บ้านของแฟนไม่เห็นด้วย อยากให้เลิกกัน?

จั๊กกะบุ๋ม : ให้ย้ายกลับไปอยู่บ้านเลย ก็อยากจะบอกว่าตอนนั้นก็ไม่ได้โทษใครนะ ตอนนั้นมันแรงจริงข่าวมันก็เป็นเรื่องใหญ่ บ้านเขาก็ครอบครัวใหญ่ เราก็ไม่ได้เข้าไปคุยกับครอบครัวเขาด้วยเพราะเราไม่กล้า เราก็บอกให้เขากลับไปก็ได้ แต่เขาก็ไม่ยอม ครอบครัวตำหนิอยู่กับผม วันนี้ผมก็พิสูจน์แล้ว ตัวผมเองในระดับหนึ่ง ทุกวันนี้ผมก็ดูแลเอมเป็นอย่างดี พิสูจน์แล้วในขณะที่เขาไม่ทิ้งผม วันนี้ผมก็จะดูแลลูกหลานเขาให้เป็นอย่างดี ผมไม่ค่อยมีคำหวาน ไม่โรแมนติกใช้การกระทำมากกว่า เพราะฉะนั้นก็ต้องขอบคุณที่ยังเคียงข้างกัน สัญญาว่าจะทำวันนี้และต่อไปให้ดีที่สุด

ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top