“ปัญชลีย์ นิธิจิระโรจน์” โปรดิวเซอร์ ผู้ควบคุมการผลิต “STUDIO59” บทบาทและการทำงานภาพยนตร์ โดยการกลับมาในเส้นทางหนังครั้งนี้ หลังจากที่คุณนกได้ตกผลึกกับตัวเองและเห็นแนวทางการทำงานที่ชัดเจนขึ้น ด้วยความตั้งใจแน่วแน่และยังรักในการสร้างสรรค์ภาพยนตร์ ทำให้ตัดสินใจก่อตั้งองค์กรภายใต้บริษัท สตูดิโอ59 ซึ่งมองเห็นถึงโอกาสใหม่ๆ และบทบาทของการเป็นโปรดิวเซอร์อิสระอย่างเต็มที่ นั่นเป็นสิ่งที่ท้าทายมากในการเริ่มต้นกับก้าวใหม่ในครั้งนี้ 

ที่มาที่ไปของ “STUDIO59” ทำไมถึงใช้ชื่อบริษัทนี้

หลังจากที่ตัดสินใจก่อตั้งสตูดิโอ ได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท และช่วยกันคิดชื่อสตูดิโอ  จึงตัดสินใจเอาเลขนำโชค เลข 5 และ เลข 9 ซึ่งเป็นเลขประจำตัวของทั้งสองคน และเป็นเลขที่จดจำง่ายในทาง Astrology และ Numerology มาตั้งเป็นชื่อค่ายภาพยนตร์  โดยเมื่อนำเลขทั้งสองมาอยู่รวมกันจะได้ความหมายที่ดี หมายถึงสตูดิโอที่มีความสำเร็จ ความเจริญรุ่งเรือง และความมีชื่อเสียง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเจริญเติบโตในต่างประเทศ ซึ่งก็ตรงกับเป้าหมาย และความตั้งใจที่วางไว้

เป้าหมายในการทำธุรกิจของ  “STUDIO59”

เป้าหมายอยากให้ STUDIO59 เป็นค่ายหนังที่มีอิสระในการสร้างสรรค์ผลงานอย่างไร้ขีดจำกัด ในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นงานทั้งด้าน Creative และ Commercial โดยงานไอเดียสร้างสรรค์ในด้าน Creative และบทภาพยนตร์ รวมทั้งงานโปรดักชั่น มุ่งเน้นคุณภาพและความเป็นสากล เป็นภาพยนตร์ที่สามารถเข้าใจและเข้าถึงได้โดยผู้ชมจากหลากหลายเชื้อชาติและวัฒนธรรม หรือที่เราเรียกว่า ภาพยนตร์ที่ไม่มีชาติพันธุ์ ( Ethnically Neutral Films)  ตลอดจนการสร้างทีมงานโปรดักชั่นกับต่างประเทศ ทั้งในส่วน Co Production และ Co Promotion เพื่อสร้างไอเดียใหม่ๆ ร่วมกัน ให้ภาพยนตร์ไปได้กว้างไกลกว่าเดิม  ในส่วนของ Commercial ก็จะสอดคล้องกับความเป็นสากลเช่นกัน ทั้งในด้านการ Release การจัดจำหน่ายหนัง โดยภาพยนตร์บางเรื่องอาจจะเข้าฉายเฉพาะในโรงภาพยนตร์เท่านั้น และสามารถเข้าฉายได้ในหลายๆ ประเทศหรือทั่วโลก เพื่อให้ผู้ชมมาดูหนังในโรงภาพยนตร์ที่มีการฉายที่ยาวนานขึ้นตั้งแต่ประเทศแรกที่เริ่มฉาย จนถึงประเทศสุดท้าย โดยผู้ชมได้อรรถรสและคุณค่าของงานโปรดักชั่นที่สมบูรณ์ที่สุด  ทั้งนี้ในส่วนระยะเวลาในการชมภาพยนตร์ในแพลตฟอร์มอื่น  อาจจะต้องใช้ระยะเวลารอคอยที่นานขึ้นอย่างน้อย 1 ปี หรือนานกว่านั้น และในทางกลับกันภาพยนตร์บางเรื่องอาจจะไม่เข้าฉายในโรงภาพยนตร์เลยก็เป็นไปได้  แต่เผยแพร่ทางแพลตฟอร์มอย่างเดียว ทั้งนี้กลยุทธ์จะเป็นอย่างไร และจะเลือกรูปแบบไหนขึ้นอยู่กับ Business Model และพันธมิตรที่มาดูแลเรื่องการจัดจำหน่าย รวมถึงเป้าหมายในการ Set Up โปรเจค ประเภทของภาพยนตร์ และกลุ่มผู้ชมซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด

ทิศทางที่จะก้าวไปของ  “STUDIO59”

หลักการทำงานด้านการบริหาร ยังคงยึดหลักที่สำคัญที่สุด  คือความซื่อสัตย์ ความมุ่งมั่น ความทุ่มเทและความเป็นอิสระในการทำงาน รวมทั้งการเป็นผู้ให้โอกาสและมองหาโอกาสใหม่ๆ อยู่เสมอ  สิ่งที่เพิ่มเติมคือวิธีการสร้างความสำเร็จของการทำหนังที่ต้องกล้าคิดและกล้าทำ ในการพาหนังไทยออกจาก Comfort Zone ซึ่งจะทำให้เรามีโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนามากขึ้น  จุดเริ่มต้นอาจจะยากและกังวลในช่วงแรก แต่การเผชิญหน้ากับความท้าทาย และการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปของการดูหนังของผู้ชมในโลกปัจจุบัน รวมทั้งหาวิธีใหม่ๆ นั้น เมื่อถึงจุดหนึ่ง เราจะเติบโตได้ในที่สุด วันนี้หนังไทยต้องกล้า

เปลี่ยนแปลง ทั้งวิธีคิด วิธีทำ วิธีที่จะก้าวเดินไปข้างหน้า  ส่วนในเรื่องการเตรียมความพร้อมมีทั้ง 2 แนวทาง ทั้งผลิตเอง และร่วมมือกับ production house ที่จะทำงานไปด้วยกัน ซึ่งทั้ง 2 แนวทางจะเปิดโอกาสให้คนที่มีความสามารถ คนรุ่นใหม่ คนที่มีไฟ รวมถึงคนใหม่ๆ ทั้งคนในประเทศและต่างประเทศเข้ามาเป็นส่วนร่วมในการทำงาน ซึ่งคงต้องรอติดตามว่าจะจับมือร่วมกับใครบ้าง

‘STUDIO59’ คือตัวตนคนหนัง 

งานบวงสรวงเปิดค่ายหนัง STUDIO59 และเปิดตัวโปรเจคภาพยนตร์เรื่อง The Amulet Game  ( ดิ อะมิวเล็ท เกม)  โคตรเหลี่ยม เกมส์โกงเซียน ภาพยนตร์เปิดตัวของค่าย เรื่องแรกกำหนดเปิดกล้องในปลายเดือนกรกฎาคมนี้ โดย STUDIO59 ได้มีการนำภาพยนตร์เรื่องนี้ไปนำเสนอที่งาน Shanghai International Film Festival 2025 ซึ่งได้รับความสนใจมาก ส่วนโปรเจคหนังหรือไอเดียหนังในอนาคต ตอนนี้มีการเตรียมโปรเจคสำหรับปีนี้อีก 2-3 เรื่องไว้เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งจะทยอยเปิดกล้องปลายปี 2568  หรือในช่วงต้นปี  2569  ซึ่งสิ่งที่ STUDIO59 นำเสนอจะเป็นภาพยนตร์ที่สามารถออกสู่สากลและตลาดโลกได้อย่างแน่นอน