Tuck Talk เปิดโลกศาสตร์แพทย์จีน แค่มองหน้า ดูลิ้น จับชีพจร บอกโรคได้หมด?

Tuck Talk เปิดโลกศาสตร์แพทย์จีน แค่มองหน้า ดูลิ้น จับชีพจร บอกโรคได้หมด?

วันศุกร์ ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2568, 12.48 น.
Tag :

หลับง่าย หลับไว แค่ใช้ปลายนิ้ว! รายการ Tuck Talk สัปดาห์นี้พามาเปิดโลกศาสตร์แพทย์จีน แค่มองหน้า ดูลิ้น จับชีพจร บอกโรคได้หมด? อยากลดความเครียด นอนหลับง่าย ทำได้แค่ใช้ปลายนิ้ว? มาทำความเข้าใจพลังภายในร่างกาย และวิธีดูแลสุขภาพแบบแพทย์จีนที่สืบทอดมากว่าหลายพันปี กับ "หมอกานต์ ณัฐกานต์" แพทย์จีนผู้เชี่ยวชาญด้านการปรับสมดุลร่างกายและจิตใจ

แพทย์แผนจีนกับแพทย์แผนปัจจุบัน วิธีการรักษาหลักการต่างกันยังไง ?


หมอกานต์ : แพทย์แผนจีนแต่โบราณมาจะดูคนไข้เป็นองค์รวม จะไม่ได้มองว่าโรคของทางศาสตร์แพทย์แผนปัจจุบันเขาให้อะไรมา แต่ว่าเราจะตรวจคนไข้ใหม่หมดเลย ดูสีหน้า จับชีพจร ดูลิ้น แล้วก็ดูองค์รวม บางครั้งคนไข้อาจจะได้รับคำวินิจฉัยว่า พลังชีพของตับติดขัดนะคะ ทั้งๆ ที่คนไข้อาจจะเป็นโรคไต เป็นต้น ยกตัวอย่าง ทีนี้เวลาศัพท์ของทางศาสตร์แพทย์แผนจีน พอเรามีความรู้ก็จะเข้าใจว่ามันไม่ได้เท่ากัน กับแผนปัจจุบันเสียทีเดียว เวลาเราตรวจรักษาก็จะใช้ทางศาสตร์แพทย์แผนจีนในการวิเคราะห์แล้วก็จ่ายยาแล้วจะไม่ได้อ้างอิงของทางศาสตร์แพทย์แผนปัจจุบันทั้งหมด

พฤติกรรมการรักษาแตกต่างกัน ?

หมอกานต์ : แตกต่างกันเลย สมมุติว่าแพทย์แผนปัจจุบันของเรา สมมุติปวดท้องก็เจาะไปเลย จะเป็นกระเพาะหรือจะเป็นอะไรใช่ไหมคะ แต่ถ้าแพทย์แผนจีนก็จะต้องไล่ดูทั้งหมด ถ้าเกิดว่าปวดท้องมาก็จะดูว่ากินอะไรมา ถามซักประวัติเบื้องต้นทั่วไป แต่บางครั้งคนไข้ไม่ได้มาจากอาหารเลย ก็คือกินปกติเหมือนเดิมทุกครั้ง แต่ถ้าถามลึกลงไปคนไข้อาจจะนอนดึก นอนไม่หลับช่วงนี้มีความเครียด คือจะมองว่า พลังชี่ของตับที่ติดขัดจะไปกระทบพลังของม้ามกระเพาะโดยตรง จนทำให้บางครั้งกรดไหลย้อน หลายคนอาจจะกินยาลดกรด แต่ว่าไม่หายซะที เพราะว่าบางครั้งมันไม่ได้เกิดขึ้นจากทางเดินอาหารตัวของเขามีปัญหา แต่ว่าในทางศาสตร์จีนเราจะมองถึงพลังงานของตับที่คอยช่วยในการไหลเวียนของม้ามกระเพาะ พลังงานของตับเขาติดขัดปุ๊บ ม้ามกระเพาะมันก็เลยติดขัดตาม เพราะฉะนั้นหลายๆ คนที่แบบพอเครียดแล้วจะเจ็บกระเพาะ เครียดแล้วตีขึ้น อันนี้ก็คือเราจะไปรักษาที่พลังงานของตับ พอรักษาได้อย่างตรงจุดคนไข้หลายๆ คนก็จะรู้สึกผ่อนคลายขึ้น การรักษาของแพทย์แผนจีนจริงๆ เราจะดูภาษาจีนจะเรียกว่า ปิ้งหยิน กับ ปิ้งจี ก็คือกลไกการเกิดโรคกับสาเหตุการเกิดโรค เราจะไม่ได้ดูว่าอวัยวะนี้มีปัญหา แต่ก่อนที่อวัยวะไว้มีปัญหาคนไข้อาจจะมีระบบอื่นที่มีปัญหาก่อนมากระทบ แล้วคนไข้ไปตรวจเจอโรคนี้ ก็จะดูถึงสาเหตุแล้วก็กลไกการเกิดโรคของเขา ถึงไปรักษากลไกตรงนี้ พอกลไกการเกิดโรคหายไปมันก็ไม่มีโรคตามมาคนไข้ก็เลยดีขึ้น

ศาสตร์การแพทย์จีนให้ความสำคัญกับพลังชี่ ต้องสมดุล ต้องไม่ติดขัด พลังชี่คืออะไร ?

หมอกานต์ : เหมือนเราหายใจอย่างงี้ ปอดคือเป็นตัวควบคุมกำหนดลมหายใจ แล้วก็ดูแลการไหลเวียนของพลังชี่เพราะงั้นตอนที่ทุกคนกำลังมีความเจ็บปวดอยู่ไม่ว่าอะไรก็ตามของร่างกายกำลังบาดเจ็บ ออกกำลังกายมาแล้วเจ็บ แล้วถ้าเราจับไม่ทัน แล้วก็ไปกระวนกระวายกับอาการเจ็บนั้นจะยิ่งเป็นหนักมาก ยกตัวอย่างเช่นคนไข้ที่ได้รับการบาดเจ็บ จะได้ข่าวว่าทนพิษบาดแผลไม่ไหว เพราะว่าเขาช็อกก่อน ทีนี้ถ้าเกิดว่าเราดูแลพลังชี่ได้ดีก็คือกำหนดลมหายใจจะทำให้หัวใจไม่ดีดคือจะไม่ช็อกง่าย จะควบคุมความเจ็บปวดนั้นได้เหมือนพระท่านเขาบอกว่าเราจะเห็นความเจ็บปวด อันนี้ก็คือทางศาสตร์แพทย์แผนจีนก็มองแบบนั้น ถ้าเกิดว่ารู้ลมหายใจ หายใจได้ดี จะสามารถทนความเจ็บปวดนั้นได้โดยที่ไม่ทรมาน แล้วความเจ็บปวดนั้นไม่เอาชีวิตเราไปได้

หลักธรรมะให้สูดลมหายใจเข้าออก กำหนดลมหายใจตรงนั้นก็ดี ?

หมอกานต์ : ดีมาก เพราะว่าถึงเวลาที่เราเจ็บปวดขึ้นมาแล้ว กลับมาหายใจจะทนอยู่กับแบบนั้นได้ การออกกำลังกาย การหายใจสมาธิ หรือแม้กระทั่งการนอน ช่วงเวลาที่คนเราจะมีลมหายใจที่สม่ำเสมอ จะมีออกกำลังกายจะหายใจลึกขึ้น ทำสมาธิแล้วก็การนอนหลับสนิท ทีเนี้ยถ้าคนปัจจุบันนะไม่ออกกำลังกายไม่เคยทำสมาธิแถมยังอดหลับอดนอน ไปสังเกตลมหายใจของคนกลุ่มนี้ได้ เขาจะไม่รู้ตัวว่าหายใจอยู่หรือเปล่า หรือหยุดหายใจ หรือหายใจสั้นเขาจะแทบไม่รู้ตัว ปัญหาของโรคของคนกลุ่มนี้ กรดไหลย้อน ซึมเศร้า แพนิค อารมณ์แปรปรวน วิตกกังวล ก็จะสะท้อนต่ออารมณ์ออกมาได้

ถ้าสมมุติว่าเราดูแลพลังชี่ไม่ดี มีการขัดข้องหรือเลือดไหลเวียนไม่ดี มันส่งผล ?

หมอกานต์ : ส่งผลเลย ก็คือพลังชี่ที่อยู่ได้ถ้าในหลอดเลือดของเรา ตัวที่เป็นชี่จะคอยดันเลือดเหมือนหัวใจที่ปั๊มมันมีแรงก็จะเป็นตัวดันเลือดจะเปรียบเป็นพลังหยิน ชี่จะเปรียบเป็นพลังหยาง พลังหยางคือกำลังแรงการขับเคลื่อน หยินจะเป็นแบบสารน้ำความสงบนิ่ง เพราะฉะนั้นในเลือดของเรามันมีทั้งหยินและหยางคอยแบบคอยไหลเวียนแล้วก็มีสารน้ำไหลเวียนไป ทีนี้ถ้าเกิดว่าชี่ชะงักก็คือติดขัดไม่ไหลเวียน เลือดก็จะกลายเป็นก้อน อาจจะไม่ได้เป็นก้อนทางร่างกายขนาดนั้น อย่างเรานั่งนานๆ บางคนจะปวดคอ บ่า ไหล่ เพราะเลือดบริเวณนี้ติดขัด หลายคนไปกัวซาหรือไปครอบแก้ว เคยเห็นนักกีฬาที่ไปครอบแก้วแล้วจะเป็นม่วงๆ อันนี้ก็คือจะมีเลือดติดขัดบริเวณนี้ ก็เลยเห็นเป็นสีม่วงๆ ขึ้นมา มีชี่ติดขัดก่อนเริ่มต้นเลือดถึงจะติดขัดส่วนใหญ่ อย่างออกกำลังกายไม่ดีหนักเกินไป อยู่เฉยๆ นานๆ ก็จะทำให้เลือดลมไหลเวียนไม่ดี

แพทย์แผนจีนมีเรื่องของการจับชีพจรที่เรียกว่าแมะ ตรงนี้สามารถวิเคราะห์โรคได้ยังไงบ้าง ?

หมอกานต์ : จริงๆ การจับชีพจรเราจะมีหลายตำแหน่ง แต่ว่าตำแหน่งที่นิยมก็คือตำแหน่งข้อมือ มันจะมี 3 จุดที่เราจะต้องสังเกต กระดูกที่นูนขึ้นมาตรงนี้จะเป็นนิ้วกลางจับ แล้วก็วางข้างกันคือจุดแรกข้างซ้ายก็จะเป็น หัวใจ ตับ แล้วก็ไต ในการสังเกตเต้นดีอยู่ ถ้าเราอยากจับเป็นประจำ ได้ ทำไมมันช้าเกินไป หรือว่าจับแล้วอยู่ๆ หายไปไม่ขึ้นมาก็อาจจะพูดถึงแรงเรามันไม่ถึงในช่วงนั้น หรืออาจจะมีปัญหาอะไรอยู่ เราจะจับอยู่ 3 ระดับ

การกดจุดถือเป็นการรักษาแบบแพทย์แผนจีนใช่ไหม รักษาได้จริงไหม ?

หมอกานต์ : ได้ อย่างคนที่เป็นกรดไหลย้อนหมอชอบให้กดจุดในกวน ถ้าเกิดว่าคนไข้อยู่ที่บ้าน อันนี้คือสอนเพราะว่าเป็นการดูแลตัวเองเบื้องต้น เป็นแบบการแก้ปัญหาของตัวเองเบื้องต้น ทีนี้ในการรักษาโรคจะใช้การฝังเข็ม มันจะลงลึกกว่า การกดจุดมันเป็นการที่ช่วยให้คนไข้สามารถบรรเทาไปได้เบื้องต้นเหมือนเราอาจจะไม่ต้องไปกินยา เอาบรรเทาก่อน ถ้ามันโอเคเราอาจจะต้องไปหาหมอเพิ่มเติม

กดยังไง ?

หมอกานต์ : เอา 3 นิ้วของเราทาบที่ตรงข้อมือ แล้วก็ปลายนนิ้วอยู่ระหว่างเส้นเอ็น กดคลึง ใครที่แสบร้อนทรวงอกก็ให้กดจุดนี้ได้ กดจนกว่าจะเบาขึ้นแต่ละคนไม่เท่ากันไม่เหมือนกัน

อาการมันเป็นยังไงกรดไหลย้อน ?

หมอกานต์ : บางคนจะรู้สึกจุกเสียด แน่น แสบร้อนทรวงอก ที่เหมาะกับกฎจุดนี้ บางคนเขาจะบอกว่าปวดบ่า บางคนตึงหัว แล้วแต่คนไม่เหมือนกัน

คนนอนไม่หลับกดตรงไหนได้บ้าง ?

หมอกานต์ : จุดแรกที่หมอชอบแนะนำเลย จริงๆ แล้วในการช่วยนอนหลับแนะนำให้คนอื่นช่วยกดให้เห็นผลดีสุด กดเองอาจจะกดไปตื่นไป จุดแรกคือ จุดยินถาง จุดนี้จะเป็นจุดที่ช่วยลดความเครียดกว่าสมองแบบมันคิดไม่หยุดซะที เรากดคลึงนวดไปจนถึง จุดเสินถิง จะอยู่ระหว่างเส้นผมกับหน้าผาก เสินคือตัวจิต ถ้าเกิดว่าจิตของเรามันไม่กลับบ้าน ถิงมันเหมือนเป็นที่อยู่ ทีนี้ถ้าเกิดว่าตัวจิตของเรามันฟุ้งตลอดเราก็มากดตรงนี้ แล้วก็คือนวดขึ้นไปแค่ทำแค่นี้เราก็จะผ่อนคลายละ แล้วก็อีกจุดหนึ่งจะเป็น จุดอันเหมิน อันนี้จะไม่ได้อยู่บนเส้นลมปราณหลัก เขาจะเป็นจุดพิเศษ อยู่ระหว่างปุ่มกะโหลกตรงนี้ ปุ่มตรงหลังหูวนจุดนั้น นวดคลึงเราจะสบายมาก อันนี้ช่วยนอนหลับมันจะทำให้แบบเราสงบง่าย จุดนี้ตำราจะบอกว่าจะทำให้นอนหลับได้ยาวขึ้นไม่ตื่นกลางดึกค่ะ ถ้าจิตเราไม่พร้อมที่จะเปิดรับ มันก็จะ ไม่รับ หัวใจเป็นตัวนำกาย ใจเป็นตัวกำหนด ทีนี้ถ้าเกิดว่าหัวเราเปิดหัวใจ การรักษาจะง่ายขึ้น

นอนกรน ?

หมอกานต์ : นอนกรนเป็นปัญหามาก จะเรียกว่าจุดเทียนถู กดเข้าไปข้างหลังตรงนี้จะเป็นหลอดลมเลย ทีนี้พอกดไป จุดนี้จะไม่ได้อันตรายมากคือกดแล้วเขาก็จะ มันจะกระตุ้นหลอดลมของเขาให้มันไม่ติดขัด ถ้าเกิดว่าอยากบรรเทาอาการนอนกรนของตัวเองให้ดูแลตั้งแต่การกิน เพราะว่าถ้ากินไม่ดีมันจะเกิดเสมหะแล้วทำให้หลอดลมหลอดเลือดของเราไหลเวียนไม่สะดวก แล้วก็สามารถ ตบเส้นลมปราณปอด กระตุ้นเส้นลมปราณปอดให้เขามีกำลัง ทำในตอนกลางวันทุกๆ วันก็จะพลังงานของปอดเพียงพอ ปอดดูแลลมหายใจ ดูแลหลอดลม ก็คือบางจุดมันเป็นจุดระงับ มันไม่ใช่จุดรักษาเหมือนเรากินยาแก้แพ้ ถามว่าหายไหม ไม่ได้หายมันแค่ระงับ ส่วนในการรักษามันก็เลยต้องต่อเนื่องยาวนาน

บางคนชอบไปนวดเท้า ถ้ากดผิดจุดจะอันตรายไหม ?

หมอกานต์ : ถ้าเกิดว่าจุดแบบปกติธรรมดา แขนขาไม่เป็นอะไร

ใครที่อยากสนใจอยากใช้ศาสตร์แพทย์แผนจีนในเรื่องการดูแลสุขภาพหมอการมีคำแนะนำยังไงบ้าง ?

หมอกานต์ : ถ้าเป็นศาสตร์แพทย์แผนจีนในการดูแลสุขภาพปกติไม่ว่าจะเราป่วยแล้ว หรือยังไม่ป่วยดูแลจริงๆ ดูแลเหมือนกันหมด คือ ใช้ชีวิตตามธรรมชาติ ตำราจีนโบราณมันจะมีตำราหนึ่งที่ฮ่องเต้คุยกับหมอหลวง ฮ่องเต้ถามว่าทำยังไงให้เราแบบใช้ชีวิตแบบอย่างเป็นปกติ ได้อายุนานๆ อายุยืนเป็น 100 ปี หมอหลวงก็บอกให้ใช้ชีวิตตามหยินหยาง ก็คือใช้ชีวิตตามเวลาธรรมชาติ ตื่นเช้า กินข้าว พักผ่อน คือมีจังหวะชีวิตที่ดีมันก็ทำให้พลังงานของเรายืนยาว ถึงเวลาพระอาทิตย์ตกก็เข้าบ้าน ทำตามนาฬิกาชีวิต

Top of Form

Bottom of Form

 

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top