เป็นครอบครัว ‘คนบันเทิง’ที่ช่วยเหลือสังคมอยู่ตลอดไม่ว่าพี่น้องประชาชนชาวไทยจะเจอเหตุการณ์ใดก็ตาม เหล่าแฟนคลับมักเห็นกำลังใจดีๆ จากครอบครัว ‘ศิลาชัย’ ลงพื้นที่ ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอยู่บ่อยครั้ง จัดเต็มกำลังกายและกำลังใจ จนทำให้ถูกมองว่าเกาะกระแส ทำดีสร้างภาพ  ล่าสุดในงาน“ไหทองคำแฟร์..มัน ม่วน แซ่บ” กลางศูนย์การค้า เซ็นทรัล นครสวรรค์  แม่‘จูน กษมา ศิลาชัย’ ภรรยาคนเก่งของ “เปิ้ล นาคร”  และคุณแม่คนสวยของ 4ออ ยืนหัวแถวหน้าบูธรับคิวลูกค้า “หม้อแม่จูน” แบบไม่ได้นั่งพักที่ งานนี้ ‘ทีมข่าวบันเทิงแนวหน้า’ เลยต้องขอเข้าไปอัพเดทชีวิต และอาการคอเคล็ด จนน้ำตาเล็ด นั่งรถเข็นเมื่อวานก่อน และสอบถามถึงกระแสตอบรับของธุรกิจ รวมถึงดราม่าต่างๆ ที่ถาโถม

โหมงานหนักจนร่างกายเริ่มไม่ไหวจริงไหม?

 “อันนี้ยอมรับ ด้วยอายุด้วย พักผ่อนน้อย นอนน้อย เพราะว่าเราก็ 40 อัพแล้วนะ มันก็มาเตือนแหละ กลัวนะกลัวจะวูบกลางอากาศ แต่พออยู่หน้างานมันก็ไม่กลัวก็ต้องเต็มที่ อย่างวันนี้ก็ต้องยอมขับรถมานครสวรรค์ เพราะลูกค้าทุกคนมาหาเรา ดังนั้นเราก็ต้องเซอร์วิสเขา เพราะเขาเอาเงินมาให้เรา ส่วนมากถ้าเป็นงานแฟร์จะพยายามไปเองทุกที่”

กระแสตอบรับดี วางแผนการตลาดไว้ยังไง ?

“คือเราปรับทุกวัน เพราะว่าอาหารมันต้องปรับทุกชั่วโมงอยู่แล้ว เราพยายามจะเก็บให้หมด เราไม่ได้ทำคนเดียวเรามีทีมงานด้วย เรามีครัวกลาง ถึงมันจะไม่ใช่อุตสาหกรรม แต่เราก็รองรับพนักงานก็ 30 กว่าคนเราเคยเปิดร้านอาหารไม่ใช่ว่าพึ่งมาเริ่มทำ เราพอเข้าใจสเต็ปก็ค่อยๆ ก้าวไม่ใช่ว่าก้าวทีเดียว”

มาจับธุรกิจอาหารกลัวเจอปัญหาเรื่องราคาบ้างไหม ?

“คือเราบวกทุกอย่างไว้หมดแล้วในหม้อของเรา ค่าส่ง ค่าตู้เย็น ค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าพนักงาน ซึ่งบวกไว้หมดแล้ว แต่เราไม่ได้บวกเยอะ คุณภาพของเราเต็มร้อยแน่นอน อยากให้ลองเปิดใจอยากให้ลองทานดูว่าเราใส่อะไรบ้าง เพราะตอนนี้ของทุกอย่างขึ้นราคาวัตถุดิบก็ขึ้น มันเป็นการทำมือ ใช้ของสด  แล้วเราจริงจังมาก ไม่ใช่เอะอะอยากจะทำก็ทำ”

อนาคตจะขยายธุรกิจอย่างไรบ้าง ?

“ตอนนี้ก็มีเข้าห้างอยู่หลายสาขา กำลังดิวกับทั้งเซ็นทรัลและเครือโลตัส เพราะว่าเราอยากให้ทุกคนได้ชิมหม้อแม่จูน คือเข้าใจว่ามันเป็นออนไลน์แต่มันจะไปออพไลน์ยังไง ก็พยายามจะไปให้ถึงทุกที่”

งานจิตอาสาก็ไม่คิดจะทิ้งใช่ไหม ?

“อันนั้นคือเราทำอยู่แล้วเลย เพราะมันเป็นฝั่งของพี่เปิ้ล อย่างที่เราช่วยเรื่องชายแดนก็ตลอดอยู่แล้ว และเพิ่งไปช่วยน้ำท่วมที่อยุธยา มันคือหน้าที่ของเราที่จะต้องทำ ไม่ใช่ว่าหน้าที่รับผิดชอบนะ แต่เราอยากลงมือทำ เพราะในเรื่องของน้ำท่วมหน้าพี่เปิ้ลเขาลอยมาอยู่แล้ว ในส่วนของชายแดนทหารก็ไปมอบถังน้ำ 1200 ถัง เพื่อกระจายไปที่ชายแดน มันก็เป็นประโยชน์และได้ใช้จริง”

แต่ก็โดนแซะว่าทำดีเพราะสร้างภาพ ?

“ถ้าทำเอาภาพคงไม่เห็นเรา 10 กว่าปี รู้สึกว่ามันไม่เหนื่อยเลย มันเป็นการทำบุญอย่างหนึ่ง แต่การทำของเรามันมีหลายอย่างมาก แต่อันนี้เราทำเพราะว่าอยากให้อะไรกับสังคม แล้วสังคมจะให้กลับคืน ยังคุยกับพี่เปิ้ลตลอดว่าการช่วยเหลือสังคมจะไม่มีขาด และถ้ายิ่งน้ำท่วมจะมีหน้าพี่เปิ้ลลอยมาตลอด เพราะเขาขับเจ็ตสกี แต่อย่างพี่ทหารเราไปไหนมาไหนกันตลอด เพราะว่าจะสื่อสารเรื่อย ๆ”

เรื่องของเงินบริจาคกลัวเกิดปัญหาไหม ?

“ไม่เคยกลัวเลย เพราะส่วนใหญ่พี่เปิ้ลออกไปก่อนเยอะมาก แต่เราก็ไม่ได้มาโพสต์เรียกรับเงิน ใครจะมองว่าอะไร ทุกคนมีสิทธิ์คิดได้ แต่ให้มันอยู่ที่ผลงานดีกว่า”

ที่ประกาศปลดพนักงานเพราะอะไร ?

“ก็เรื่องจริง แต่อันนั้นเป็นพนักงานแอดมิน ก็ไม่มีอะไร ก็คุยเคลียร์กันรู้เรื่อง ก็เรื่องเงินไม่เข้าใครออกใครเท่านั้นเอง แต่ดีว่าเราจับได้ก็คุยกับน้องเขารู้เรื่องแล้ว น้องยังเด็กเราก็ไม่ได้ว่าอะไร เราก็เลยบอกว่าอย่าไปทำอีกนะ หนูก็ไปทำงานของหนูที่เหลือก็มาเคลียร์กันและจบกันด้วยดี”

หลังจากนี้จะต้องระวังหรือเลือกรับคนทำงานไหม ?

“ก็ต้องสแกนและระวัง แต่เราเข้าใจว่าสิ่งแบบนี้มันห้ามไม่ได้ แต่พอมันเกิดขึ้นมาเราก็ต้องระวังมากขึ้น ซึ่งเราก็ห่วงทุกอย่าง เพราะเป็นคนแอคทีฟอยากจะทำเอง ชอบทำงานด้วยตัวเองมันสบายใจกว่า”