คุยกับ ‘มาริโอ้ เมาเร่อ’ เผยคาแร็กเตอร์ใหม่ ยอมรับเป็นบทที่โหดที่สุดในชีวิต

คุยกับ ‘มาริโอ้ เมาเร่อ’ เผยคาแร็กเตอร์ใหม่ ยอมรับเป็นบทที่โหดที่สุดในชีวิต

วันพุธ ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 07.15 น.

แจ้งเกิดระดับตำนานจากภาพยนตร์โรแมนติกดราม่าเรื่อง รักแห่งสยาม” (2550) จนทำให้นักแสดงหนุ่มหล่ออารมณ์ดี มาริโอ้ เมาเร่อ ฮอตข้ามคืนโด่งดังข้ามประเทศ และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลด้านการแสดง รวมถึงกวาดรางวัลนักแสดงชายยอดเยี่ยมจากหลากหลายสถาบันทั้งในและต่างประเทศมาครอง หลังจากนั้นก็มีผลงานภาพยนตร์ที่น่าจดจำออกมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ สิ่งเล็กเล็กที่เรียกว่ารัก” (2553), “อุโมงค์ผาเมือง” (2554), “พี่มากพระโขนง” (2556) และ “Low Season สุขสันต์วันโสด” (2563) เขาได้ร่วมงานกับผู้กำกับ โขม ก้องเกียรติ อยู่หลายเรื่องจนเข้าขากันได้ดีอย่าง “Take Me Home สุขสันต์วันกลับบ้าน” (2559), “ขุนแผน ฟ้าฟื้น” (2562) และ “ขุนพันธ์ 3” (2566)

หนุ่มนักแสดงขึ้นหิ้งรายนี้ยังคงมีผลงานการแสดงอย่างสม่ำเสมอ และยังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ยังเป็นเจ้าของช่องยูทูบ Mario World กับรายการโอ้ลั้นลา” (Oh Lunla)  ที่เผยถึงตัวตน งานอดิเรก และความสนุกสนานของเขาได้เป็นอย่างดี 


ล่าสุด กลับมารับบท เสือมเหศวร ที่เขาบอกว่าโหดที่สุดในชีวิตในภาพยนตร์แอ็กชันฟอร์มยักษ์เรื่อง เสือ” (2568) ที่ครั้งนี้จะบู๊หนักรักสนุก คลุกวงในความโหดยิ่งกว่าเดิมอย่างแน่นอน

พอรู้ว่ามีโปรเจกต์เรื่อง “เสือ” ภาคแยกของ “ขุนพันธ์” ความรู้สึกแรกเป็นยังไงบ้าง

รู้สึกท้อนะครับ (หัวเราะ)  รู้สึกว่ามันต้องเหนื่อยแน่ เราเจอ ขุนพันธ์ มาแล้ว เรารู้ว่ามันโหด เป็นกองถ่ายที่ทำงานกันหนักสุดในทุกด้าน แต่พอได้อ่านบท เสือ” แล้วรู้สึกตื่นเต้น อยากรู้ว่าจะออกมาในรูปแบบไหน จะเป็นช่วงเวลาไหนของเสือที่เขาจะเอามาเล่าในโปรเจกต์ แล้วจะได้มาเจอกับ พี่เป้”, “พี่โน่”, “พี่เวียร์มันไม่ได้แล้ว ยังไงก็ต้องเล่นครับ 

บทบาท-คาแร็กเตอร์

“เสือมเหศวร” ภายนอกจะดูนิ่งๆ แต่เป็นคนมีไหวพริบดี มีทักษะค่อนข้างเยอะหลากหลายสกิลหลบเลี่ยง คล่องแคล่วว่องไว มีคาถาแคล้วคลาด ที่ต้องอมพระมเหศวรเวลาต่อสู้ ทำให้หลบหลีกหลบหนีอาวุธของคู่ต่อสู้ได้อย่างพลิ้วไหว มีวิชาลิงลมที่ทำให้เขาเป็นคนค่อนข้างว่องไวมาก และสามารถจะเปลี่ยนคาแร็กเตอร์ตัวเองได้หลากหลายแบบไม่ซ้ำเดิม เชี่ยวชาญการปลอมตัว ประดิษฐ์อุปกรณ์การต่อสู้ อุปกรณ์ลับ ซ่อนกลไก ดัดแปลง พัฒนาต่อยอดสิ่งของต่างๆ ได้ตลอด เพื่อเพิ่มออปชันให้ตัวเองตลอดเวลา เป็นคนที่ฉลาด วางแผนเก่ง

ภาคนี้จะมีส่วนของการใช้ศิลปะการต่อสู้มากกว่าเดิม มีความพร้อมในการกลับมาในครั้งนี้ยังไงบ้าง ต้องเตรียมพร้อมเยอะมากเลยครับ เพราะภาคนี้จะมีคิวบู๊หลายแบบ หลายฉาก 4 เสือต้องสู้กันเอง สู้กับคนอื่น และเทคนิคการถ่ายทำใหม่ๆ ของ พี่โขม” (ก้องเกียรติ โขมศิริ-ผู้กำกับ) ที่เพิ่มเข้ามา พวกเราทั้ง 4 เสือเลยต้องมีการซ้อมกันอยู่เป็นประจำ ต้องคอยฟิตร่างกายเอาไว้ตลอด ไปยืดเส้นซ้อมกันล่วงหน้ากับพี่สตันต์พี่เป้พี่โน่พี่เวียร์ และอย่างที่บอกครับ ผมไม่เคยเห็นเทคนิคใหม่ของพี่โขมที่เราถ่ายทำกันในเรื่อง เสือ นี้มาก่อน พี่ตากล้องมาบอกว่า โอ้อย่าเพิ่งตกใจกับวิธีการนะ มันเป็นเทคนิคใหม่ที่เรายังไม่เคยลองมาก่อน การจะบู๊ของโอ้มันจะฝืนจากความจริง ค่อยๆ เรียนรู้ไปพร้อมกัน การเล่นทั้งสโลว์ เล่นแบบสปีด การรอจังหวะร่วมกันของเราและกล้อง โอ้ผ่านคิวบู๊ยากๆ มาเยอะแล้วนะครับ แต่อันที่ยากสำหรับโอ้คือความแคล้วคลาดของเสือมเหศวร นี่แหละครับ 

มีฉากไหนเท่ๆ ของ “เสือ” บ้าง 

เท่สุดก็ต้องเป็น “ฉากขี่ม้า” ด้วยกัน แต่เป็นฉากที่ไม่สบายตูดเลยครับ เพราะต้องวิ่งควบม้ากันมาแบบเร็วมาก มีการซ้อมกันหลายครั้งเหมือนกัน พื้นตรงที่วิ่งก็มีหลุม เขามีสิทธิ์ที่จะตกลงไปในหลุมแล้วเกิดอุบัติเหตุได้ ลื่นหญ้าด้วยอีก ม้าเขาเก่งอยู่แล้วเพราะเขาถ่ายหนังประจำ แต่กับผมไม่ค่อยได้ขี่ม้ามานานมากแล้ว วันนั้นกดดันหมด พระอาทิตย์ก็กำลังจะตกดิน ต้องถ่ายให้ได้ช็อตขี่ม้าสวยๆ ก่อนจะมืดอีก หลายอย่างเลยครับ ม้าก็ต้องวิ่งไปกลับกันอยู่หลายรอบจนกว่าภาพจะได้ แต่คุ้มค่าครับ เป็นฉากเท่ๆ ของเสือ เป็นการเสี่ยงที่สนุกและได้ภาพออกมาอย่างที่ตั้งใจครับ และอีกหลายๆ

ฉากที่อลังการสำหรับโอ้

“ฉากงานฤดูหนาว ครับ ในเรื่องเป็นเหตุการณ์ที่จัดงานฤดูหนาวกันแบบงานกาชาดสมัยก่อน จะมีคนมาร่วมงานกันเยอะมากๆ ทั้งประชาชน และการออกงาน ร้านค้า มีวงโยธวาทิตมาเข้าเปิดงานอีก เรียกว่าวันนั้นคนเข้าฉากร่วมกันหลายร้อยชีวิตมากครับ ในเหตุการณ์วันนั้นก็จะมีเสือหลากหลายทิศมาเจอกันแล้วตะลุมบอนยิงกันกลางงาน ชุลมุนกันไปหมด ฉากเดือดมากครับ ยิงกันนัว เอฟเฟกต์ระเบิดเต็มไปหมด เป็นการทำงานที่คิวเยอะมาก คนเยอะมาก “พี่โขม อยากได้ภาพกว้างๆ เห็นบรรยากาศหมด ส่งโดรนบินถ่ายจนไม่มีที่ให้หลบ เวลาวิ่งไปทางไหน ก็ต้องเล่นให้เต็มทุกพื้นที่ เดือดตั้งแต่เช้ายันเย็นฉากนี้ฉากเดียว แต่ที่เดือดกว่านั้นคืออากาศในวันนั้นครับ เป็นการจำลองงานฤดูหนาวที่ร้อนสุดยอดเลย เสื้อผ้าใส่กันจัดเต็มแขนยาวหนาแบบใส่ในฤดูหนาวเลย ต้องปรบมือให้ทีมงานหลายชีวิตวันนั้นมาก แค่จำนวนเสื้อผ้าของนักแสดงร่วมในวันนั้นราวแชวนเสื้อผ้ามาต่อกันยาวเลย มีกล้อง 4 ตัวเพื่อฉากนี้ฉากเดียวครับ

แต่ถ้าพูดถึงความอลังการในความโหดของการถ่ายทำ มันหลายฉากมากครับ เพราะซีนใหญ่ทุกซีน หนักทุกซีน อันนี้ผมแค่ยกตัวอย่างหนึ่งในหลายฉากที่เราจะได้ชมกันว่าแต่ละฉากถ่ายกันโหดหินไม่ได้ผ่านมันมาง่ายๆ เลยครับ มันมีความเจ๋ง มีความบ้า ผมจำได้ว่ามันมีฉากที่เป็นฉากใหญ่ไคล์แมกซ์ของเรื่อง เราเรียกมันว่า ซีนทุ่งระเบิด โอ้โห...เนรมิตเขาทั้งลูกครับ จากลานหินโล่งๆ บนเขา พี่โขมเอาใบไม้มาถมให้เป็นทุ่งแห้ง ผมมาถึงกองคือลานหินหายไปแล้วกลายเป็นใบไม้ทั้งทุ่ง ฝังเอฟเฟกต์ไว้ในพื้นใบไม้ เพื่อทำให้มีระเบิดนาปาล์มมาลง เป็นลูกไฟใหญ่ๆ เรียกว่าระเบิดกันทั้งทุ่งครับ ทีมเอฟเฟกต์เขาเก่งมากครับ มีทั้งระเบิด ควัน ลม มีเพิ่มควันจากเครื่องอีก เหมือนเครื่องฉีดไล่ยุงเครื่องใหญ่ๆ แต่ความหินที่สุดของ เสือ ถ้าเทียบกับ ขุนพันธ์ 3” ก็คือความร้อนระอุ เพราะฉากที่ว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในฤดูหนาว แต่งตัวแฟชั่นหน้าหนาวสุด แล้วสู้กันท่ามกลางอากาศร้อนสุดๆ ครับ โหดหมดทุกทางเลยครับ

มีฉากต่อสู้กับ “รสริน” นางเอกของเรื่องด้วย

ใช่ครับ เป็นฉากที่ต้องสู้กันในรถของ เสือมเหศวร” กับ “รสริน” (หลิน มชณตเป็นบู๊แบบใกล้ชิดกันที่ถูกดีไซน์คิวบู๊โดย “พี่ท็อป” (วีระพล ภูมาตย์ฝน - แอ็กชันดีไซน์) เขาก็ช่างคิดนะที่ให้พวกเราไปสู้กันในรถคันเล็กนิดเดียว ออกแนวสนุกเซ็กซี่นิดๆ ระหว่างการสู้แบบชายหญิง เรามีไปซ้อมคิวนี้โดยเฉพาะกันมาก่อนล่วงหน้าก่อนจะมาเข้าฉาก เราใช้รถอีกคันหนึ่งที่เป็นรถยาวกว่านี้หน่อย แต่พอมาเจอกันวันจริง รถที่เข้าฉากเป็นรถโบราณคันเล็กกว่าที่เคยซ้อมกันมา ตอนบู๊กันแรกๆ ก็ไม่มีอะไร คิวได้เป๊ะเลย แต่จังหวะที่รสรินต้องสวนกลับด้วยขา หลินเขาเป็นนางแบบขายาว กะระยะผิด ตอนหลบขาเขาหัวผมก็ปักไปกับเหล็กของตัวรถ รถโบราณมันจะเป็นเหล็กแข็งใช่ไหมครับ หัวเกือบแตก ต้องประคบน้ำแข็งเลยซีนนั้น แต่สนุกครับอยากให้ไปดูความสนุกและแปลกใหม่ของเสือที่ต้องสู้กับผู้หญิง

การร่วมงานกันครั้งนี้กับเสืออื่นๆ ด้วยกัน

นอกจากเรื่องนี้เราจะได้เจอกันเองระหว่าง “4 เสือในตำนาน อย่าง เสือใบ”, “เสือดำ”, “เสือฝ้าย และ “เสือมเหศวร” แล้ว ก็ยังมีเสืออื่นๆ และแก๊งโจรอีกเยอะมากนะครับที่จะมาร่วมวงปะทะกันในเรื่องนี้ กับ พี่เป้” ที่เล่นเป็นเสือใบ เรื่องนี้เราก็จะได้เห็นเสน่ห์ของความเป็นเสือใบที่เรายังไม่เคยเห็นเขามุมนี้มาก่อน เห็น เสือฝ้าย ที่มีบารมีคุมชุมเสือได้อย่างน่าเกรงขามที่สุดโดยผ่านมุมมองของ พี่เวียร์เห็น เสือดำ ในอีกรูปแบบหนึ่ง อีกแง่มุมที่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อนกับแบ็กกราวด์ของตัวเสือดำ และแน่นอนกับ เสือมเหศวร” เองก็จะมีการเล่าถึงอดีตของเขาด้วยส่วนหนึ่ง 

การร่วมงานกันในเรื่องนี้ก็ดีใจมากครับที่ได้มาเล่นกับทุกคน คนแรกคือ คุณเป้ อารักษ์เขาเป็นรุ่นพี่แถวบ้านผม เราโตมาด้วยกันในหมู่บ้านเดียวกัน เป็นรุ่นพี่ที่ผมเคารพอยู่แล้ว เป็นพี่ที่สนิทกันมาตั้งแต่เด็ก แฮปปี้มากครับที่ได้มาเล่นด้วยกันซักทีในเรื่องนี้ ตอนที่เล่น ขุนพันธ์ 3” เราก็ไม่ได้เจอกัน เราถ่ายกันคนละวันแต่กับ เสือใบ 

ในเรื่องนี้เหยียบเข้ากองถ่ายวันแรกก็เจอเพื่อนบ้านคนนี้ทันที บางทีผมก็รู้สึกผิดเหมือนกันที่ไปต่อยเขาผิดคิวบ้าง โดนหน้าโดนขา แต่คนที่เจ็บตัวกลายเป็นผม เพราะแขนขาคุณอารักษ์เขาแข็งมากอย่างที่เล่าไป นอกจากที่เราจะต้องมาสู้กันอย่างดุเดือดแล้ว เราจะได้เห็นความสัมพันธ์ของ เสือมเหศวร” กับเสือใบในมุมที่ไม่ค่อยจะถูกกันเท่าไหร่ และต้องมาชิงทำภารกิจเดียวกันอีก ได้วัดสกิลการต่อสู้กันในทุกๆ ด้าน แม้กระทั่งในความเป็นแฟชันนิสตาของหนัง อย่างเสือใบเขาจะมีเทสต์เรื่องหน้าผมเต็มที่ มีความเป็นคาสโนวา เป็นนักดนตรี แต่เราเป็นเสือสังคม เป็นสายนักข่าวการเมือง เจอคนระดับรัฐบาลจนถึงชาวบ้าน การแต่งตัวเสื้อผ้าหน้าผมก็จะเนี้ยบทันสมัย ลุคผู้ดี อีกสองเสืออย่าง เสือดำ” และ “เสือฝ้าย ก็มีสไตล์การแต่งตัวเท่ๆ ไปอีกแบบ แต่ผมมองว่าไม่มีเสือไหนที่จะเป็นแนวแฟชันนิสตาได้เท่าเสือมเหศวรกับเสือใบแล้วครับ

กับ พี่เวียร์ ก็ตื่นเต้นมาก ผมไม่เคยได้เล่นเรื่องไหนกับพี่เวียร์เลย เป็นครั้งแรกเหมือนกันครับ รู้สึกว่าแค่เขาแต่งตัวเดินมาก็รู้สึกว่านี่คือเสือฝ้าย” และมีความน่าเกรงขาม มีความเป็นแบบสุขุม มีความนุ่มลึก หนวดเขา บอดี้เขาอย่างกับประธานาธิบดีของอเมริกามาเลย ชุดเขาเท่มาก กับการแสดงและคิวการต่อสู้ไม่มีอะไรต้องห่วงเลย พี่เวียร์เป๊ะมากมืออาชีพอยู่แล้ว ในคิวบู๊ คิวอารมณ์ พี่เวียร์เอาอยู่หมด และสิ่งที่น่ากลัวของพี่เวียร์คือขาเขานี่แหละครับ ขาพี่เวียร์ยาวมากเหมือนขาเสือมเหศวร 2 ขาต่อกัน จังหวะที่เขาบู๊ขาเขาจะมาก่อน ถ้าเขาถีบเรากระเด็นแน่ครับทั้งที่เรายังไม่ถึงตัวเขาเลย ไหนจะปืนอีก เสือฝ้ายใช้ปืนยาว ควงเก่งอีก จังหวะควงนี่ต้องหลบให้ดีเลยครับ มีแผลแตกแน่นอน ก็จะเป็นเรื่องแซวกันในกองถ่ายกับ เสือดำ ผมชอบคาแร็กเตอร์ของ พี่โน่ ในเรื่องนี้มากนะครับ มันพลิกความเป็นเสือดำอย่างที่เราเคยเห็นใน ขุนพันธ์ และเชื่อว่ายังไม่มีใครเคยได้เห็นมุมนี้ของเขา มันยังคงความเท่ห์ ความเฟี้ยว แต่มีมุมความน่ารักของเสือดำ มุมที่ไม่ตึงของเขาอย่างที่เราเคยเห็น สำหรับที่ผ่านมาในการทำงานครั้งนี้ รู้สึกแฮปปี้มากครับที่พวกเราได้มาเจอกัน ได้มาทำงานร่วมกัน มันเหนื่อยครับ แต่ก็เหนื่อยเหมือนกันทุกคน เป็นการทำงานกที่รู้สึกถึงความเป็นทีมเวิร์กที่ดีมากสำหรับโอ้ครับ

  ความน่าสนใจโดยรวม

อย่าง เสือมเหศวร” ใน “ขุนพันธ์ 3” เราได้เห็นเขาเป็นยังไง เขาก็ยังเป็นแบบนั้น แต่ในเรื่อง เสือ จะเล่าถึงเรื่องราวที่ผ่านมาของเขาชัดเจนยิ่งขึ้น เห็นถึงอุดมการณ์ต่างๆ ของเสือแต่ละตัวอย่างจริงจัง การทำงานในสายข่าว การที่อยากจะเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้น ที่เขาต้องมาเป็นโจรเป็นเสือมันเพราะอะไร เขามาถึงยังจุดนี้ได้ยังไง และความมันส์ของ “4 เสือ ที่ต้องมาสู้กันเอง กับการต่อสู้ในทุกรูปแบบทั้งอาคม สกิลการต่อสู้ อาวุธ จัดเต็มมากครับ ก็ขอฝากภาพยนตร์เรื่อง เสือ ด้วยนะครับ ทั้งนักแสดง ทีมงาน ผู้กำกับ ทุกคนตั้งใจกับงานนี้มาก ไม่อยากให้พลาดครับ 23 ตุลาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top