It’s party time! กับอัลบั้มใหม่ล่าสุดจาก DJ Snake โกลบอลดีเจและโปรดิวเซอร์ซูเปอร์สตาร์จากฝรั่งเศสที่แฟน ๆ ชาวไทยหลายคนรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ เพราะนอกจากจะเต็มไปด้วยเพลงแนว EDM สไตล์ DJ Snake ที่ไม่ว่าจะปล่อยเพลงไหนออกมาก็ถูกจริตคนไทยตลอดเวลาอยู่แล้ว ในอัลบั้ม Nomad นี้เขายังได้พาทุกคนไปสัมผัสกับแนวดนตรีที่หลากหลายมากขึ้น เหมือนได้ออกท่องเที่ยวไปทั่วโลก ผ่านเสียงดนตรีที่ไร้ขีดจำกัดทางวัฒนธรรม ภาษา และแนวดนตรีโดยแท้จริง

แทร็กที่สร้างความตื่นเต้นให้กับแฟน ๆ ไม่น้อย คงหนีไม่พ้น “In The Dark” ที่ได้หนุ่ม ๆ Stray Kids บอยกรุ๊ปเคป็อปชื่อดังมาร่วมงานด้วย สร้างสรรค์เพลง EDM ซาวด์เท่ที่คงไว้ซึ่งสไตล์เพลงหม่น ๆ แต่ยังมีรายละเอียดทางดนตรีที่น่าสนใจ ผสมผสานดนตรีแนวตะวันตกและตะวันออกได้อย่างลงตัว ฟังง่ายกว่าที่ใครหลายคนคิด ทำลายกำแพงทางความคิดไปได้เลยว่าเพลง EDM จะต้องแดนซ์กันมันหยดเพียงอย่างเดียว แต่ยังสามารถเป็นเพลงที่นั่งฟังเงียบ ๆ ท่ามกลางบรรยากาศสลัว ๆ ตามชื่อเพลงได้สบายมาก เชื่อว่าใครฟังก็ต้องเซอร์ไพรส์ แล้วกดเซฟเข้าเพลย์ลิสต์เพลงโปรดกันในทันทีแน่นอน

DJ Snake พูดถึงการทำเพลงร่วมกับ Stray Kids ว่า “พวกเราพบกันในงาน 2024 Gala des Pièces Jaunes ที่ปารีส เรารู้ทันทีว่าต้องมีอะไรตามมาอีกแน่นอน ผมประทับใจวงการ K-Pop มานานแล้ว ดังนั้นการได้มาร่วมงานกับพวกเขา ที่เป็นศิลปินที่สร้างอิทธิพลอย่างมากให้กับแนวเพลงนี้ ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับผม”

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของ DJ Snake ในการร่วมงานกับศิลปิน K-Pop เพราะก่อนหน้านี้ในปี 2021 เขาได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ทางดนตรี ด้วยการปล่อยเพลง “SG” ที่ฟีทเจอริ่งกับ ลิซ่า BLACKPINK พร้อมกับ Megan Thee Stallion และ Ozuna จนแฟน ๆ ทั่วโลกพร้อมใจกันเรียกว่าเป็นเพลง collaboration แห่งปี ทำเอาตื่นเต้นกันไปทั้งวงการเพลงตะวันตก และวงการเพลง K-Pop ในคราวเดียวกัน

นอกจากเพลง “In The Dark” แล้ว DJ Snake ยังได้ร่วมงานกับศิลปินมากมายหลากหลายแนวเพลง ไม่ว่าจะเป็น Travis Scott, Future, Don Toliver, J Balvin, Peso Pluma, Dillon Francis, Amadou & Mariam, Damian “Jr. Gong” Marley เป็นต้น ทำให้ทั้ง 17 แทร็กในอัลบั้ม Nomad เปรียบเสมือนผลงานศิลปะ ที่ผสมผสานความแตกต่างของแนวดนตรี จากทั่วทุกมุมโลกเอาไว้ในอัลบั้มเดียว เป็นเหมือนจุดเริ่มต้นใหม่ของ DJ Snake ที่ได้ขยายขอบเขตความสามารถทางดนตรีให้กว้างไกลมากขึ้นอีกระดับ

DJ Snake พูดถึงอัลบั้ม Nomad ว่า “ผมเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่รายล้อมไปด้วยผู้คนจากอินเดีย แคริบเบียน แอฟริกา และตะวันออกกลาง ความหลากหลายนั้นได้หล่อหลอมทุกอย่างที่ผมได้ยินมา ‘Nomad’ คือการคารวะต่อการเติบโตแบบนั้น ที่ต้องเคลื่อนไหวอยู่เสมอ เรียนรู้อยู่เสมอ และผสมผสานสิ่งต่าง ๆ ที่โลกมีให้เสมอ ‘Nomad’ เป็นมากกว่ารายชื่อเพลงในอัลบั้ม แต่มันคือถ้อยแถลงทางวัฒนธรรมที่ชัดเจนจากผม”

นอกจากอัลบั้ม Nomad ที่เป็นผลงานที่น่าติดตามมากที่สุดอัลบั้มหนึ่งในปีนี้แล้วนั้น DJ Snake ยังสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ให้กับตัวเอง ด้วยการเป็นศิลปิน EDM คนแรกที่สามารถขายบัตรคอนเสิร์ตเดี่ยวที่ Stade de France ในฝรั่งเศสได้หมดเกลี้ยง เชื่อว่าอัลบั้ม Nomad ที่ผสมผสานไปด้วยดนตรีหลากหลายแนวทั้งอิเล็กทรอนิกส์ เรกเกตัน ตะวันออกกลาง ไปจนถึงไบเล ฟังก์ สามารถนำเสนอความคิดสร้างสรรค์ และวัฒนธรรมอันหลากหลายของเขาได้เป็นอย่างดี และจะเป็นอีกหนึ่งอัลบั้มที่แฟน ๆ ของ DJ Snake สามารถเปิดวนฟังตั้งแต่ต้นจบได้ตลอดปลายปีนี้

Nomad Tracklist:

1. Nomad

2. Noventa (with J.Balvin)

3. Monte Carlo

4. Company (with Bantu)

5. Paradise (with Bipolar Sunshine)

6. In The Dark (with Stray Kids)

7. Something Wrong (with Don Toliver)

8. Tsunami (with Future & Travis Scott)

9. Patience (with Amadou & Mariam)

10. Bring The House Down (with Dillon Francis & Trxggx)

11. RELOADED (with Space Laces)

12. Bam Bam (with Damian Marley)

13. Cairo Express

14. KIKI2000

15. You Are My High

16. Teka (with Peso Pluma)

17. Final Fantasy (with The Outlaw)