‘อัจฉริยะ’ลุยต่อ ยื่นจตร.-นายกฯ จี้เอาผิด‘ผบ.ตร.’ ปมซื้อขายเก้าอี้

‘อัจฉริยะ’ลุยต่อ ยื่นจตร.-นายกฯ จี้เอาผิด‘ผบ.ตร.’ ปมซื้อขายเก้าอี้

วันศุกร์ ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 21.22 น.

‘อัจฉริยะ’ลุยต่อ

ยื่นจตร.-นายกฯ

จี้เอาผิด‘ผบ.ตร.’

ปมซื้อขายเก้าอี้

 

“อัจฉริยะ” ยื่นหนังสือร้องจเรตำรวจเอาผิด ผบ.ตร. กรณีถูกพาดพิงว่ามีเกี่ยวข้องกับการซื้อขายตำแหน่งนายตำรวจ ก่อนไปดักพบ “นายกฯอนุทิน” พร้อมยื่นหนังสือให้ตรวจสอบ ผบ.ตร. มั่นใจหลักฐานชัดเจน ด้าน “รองจเรตำรวจแห่งชาติ” ยืนยันพร้อมสอบคดีซื้อขายตำแหน่งในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 4 ลั่น ก.ร.ตร. อิสระไม่ขึ้นตรง ผบ.ตร.


เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2568 เวลา 10.30 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ. พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รองจเรตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม จะเดินทางไปยื่นหนังสือร้องต่อประธานคณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ หรือ ก.ร.ตร.ที่สำนักงานจเรตำรวจ กรณีของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.กับพวกเกี่ยวข้องกับการซื้อขายตำแหน่งในพื้นที่ตำรวจภูธร ภาค 4โดยกล่าวว่า ทราบเรื่องแล้วจากข่าวหากได้รับมอบหมายหรือสำนักงานจเรตำรวจได้รับเรื่องร้องเรียนก็คงจะต้องมีการตรวจสอบอย่างจริงจัง ซึ่งในกระบวนการตรวจสอบตํารวจนอกเหนือจากในระบบของจเรตํารวจแล้วยังมีคณะ ก.ร.ตร. ถือเป็นองค์กรอิสระที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของผู้ถูกร้องหรือ ผบ.ตร. แต่อย่างใด

ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ นายทรงศัก สายเชื้อ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวถึงกรณีที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ออกมาเปิดเผยรายชื่อตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายโยกย้ายตำแหน่งตำรวจ ภาค 4 ปี 2567 และปรากฏชื่อ พลตำรวจโท สรายุทธ สงวนโภคัย ผู้ตรวจการแผ่นดินว่า ส่วนตัวยังไม่ทราบข่าว แต่ถ้ามีข้อมูล ก็ต้องดำเนินการไปตามกระบวนการกฎหมาย หากมีข้อมูลข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ผู้ตรวจการแผ่นดินก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอนตามกฎหมายตามหน้าที่ของเราส่วนคนที่ถูกกล่าวหาควรจะออกมาชี้แจงให้เกิดความชัดเจนใช่หรือไม่ นายทรงศัก กล่าวว่า ครับ แต่ตอนนี้ตนยังไม่ทราบข้อมูล ซึ่งจะต้องขอไปดูข้อมูลเรื่องนี้อีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันเดียวกันนี้ สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินได้มีพิธีรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรกระหม่อมแต่งตั้งประธานผู้ตรวจการแผ่นดินคนใหม่ ซึ่งพลตำรวจโท สรายุทธ สงวนโภคัย ก็ได้เข้าร่วมพิธีด้วย ภายหลังเสร็จสิ้นพิธีผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถาม และได้ให้เจ้าหน้าที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินประสานเพื่อขอสัมภาษณ์เรื่องดังกล่าว ซึ่งพลตำรวจโท สรายุทธได้ให้เจ้าหน้าที่มาแจ้งกับสื่อมวลชนว่า ขอให้ไปสอบถามกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

ที่สำนักงานจเรตำรวจ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ยื่นหนังสือร้อง พล.ต.ท.สรศักดิ์ เย็นเปรม ประธานคณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ หรือ ก.ร.ตร. ในตรวจสอบกรณีที่ก่อนหน้านี้มีแชทหลักฐานอ้างว่า เป็นการซื้อขายตำแหน่งข้าราชการตำรวจในพื้นที่ตำรวจภูธรภาคที่ 4 โดยขบวนการนี้มาบิ๊กตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย

นายอัจฉริยะ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่และละเอียดอ่อน เนื่องจากว่าเกี่ยวพันกับนายตำรวจระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งขณะนี้ยังมีอำนาจสูงสุดในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อีกทั้งยังเกี่ยวพันกับการแอบอ้างบุคคลชั้นสูง ฉะนั้นเรื่องนี้ก็ต้องทำทุกมิติ ไม่ว่าจะการร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีอาญากับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายตำแหน่งในกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ปี2567 รวมไปถึงคนจ่ายเงินซื้อตำแหน่งอย่างนายตำรวจ 4 นาย ซึ่งต้องพิจารณาเองว่าจะเป็นพยานหรือผู้ต้องหา สำหรับพยานที่นำมายื่นให้ ก.ร.ตร. ก็เป็นหลักฐานชุดเดียวกันกับที่เคยยื่นร้องทุกข์คดีอาญากับกรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งมีโทษสูงถึงขั้นจำคุกตลอดชีวิต

นายอัจฉริยะ ยังได้กล่าวถึงการให้สัมภาษณ์ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และได้ยกมือไหว้พร้อมบอกว่าต้องกราบขอโทษนายอนุทิน เรื่องที่ บอกว่าการออกมาแฉข้อมูลต่างๆ เป็นการทะเลาะกันระหว่างตำรวจ ซึ่งเป็นเรื่องที่ ผบ.ตร.สามารถแก้ไขได้ ทั้งที่การซื้อ-ขายตำแหน่งเชื่อมโยงไปถึงบิ๊กตำรวจ มีพยานบุคคล มีหลักการชัดเจนทั้งแชตไลน์ และคลิปเสียงชัดเจน ทำให้ตัวเองรู้สึกผิดหวัง นายอนุทินที่จะมาบริหารประเทศในวันข้างหน้าแต่กลับไม่ให้ความสำคัญ ทั้งที่ก่อนหน้านี้บอกว่าจะปราบปรามสิ่งผิดกฎหมาย และการทุจริต แต่ตอนนี้กลับเพิกเฉย ผ่านมาหลายวันยังไม่ให้คำตอบประชาชน และตำรวจชั้นผู้น้อยเกี่ยวกับการซื้อขายตำแหน่ง ซึ่งหลังจากนี้หากยังไม่เห็นความเคลื่อนไหวของนายอนุทิน วันจันทร์ ที่ 24 พ.ย.นี้ ตนจะไปยื่นเรื่องต่อนายอนุทิน ถึงกระทรวงมหาดไทยและหากหลังจากนั้นยังไม่ดำเนินการภายใน 30 วันก็จะยื่นเรื่องถึง ป.ป.ช. ให้เอาผิดนายอนุทิน ตาม ม.157 ฐานปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ พร้อมย้ำว่าการเป็นนายกรัฐมนตรีต้องไม่มีการเลือกปฏิบัติต้องมีการบังคับใช้กฎหมายกับเพื่อนร่วมงานหรือบุคคลใดก็ตามที่มีการกระทำความผิด

นายอัจฉริยะ กล่าวถึงกรณีที่จะเดินทางไปให้ข้อมูลกับ กมธ. ความมั่นคง ที่รัฐสภาในวันที่ 26 พ.ย.นี้ ว่า จะเปิดเผยข้อมูลการวิ่งเต้นตำแหน่งในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 8 ว่า มีใครเกี่ยวข้องบ้าง ซึ่งในดังกล่าว ตนจะเปิดชื่อให้หมดว่าใครเกี่ยวข้องบ้าง

ขณะที่ พลตำรวจโทสรศักดิ์ ระบุว่า จากนี้ ทาง ก.ร.ตร. จะต้องไปตรวจสอบในเชิงธุรการ และจะให้นิติกรประเมินเรื่องเพื่อที่จะเสนอต่อคณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ เพื่อที่จะมีมติในเรื่องนี้ว่ารับเรื่องไว้หรือไม่ หากรับอำนาจการไต่สวนข้อเท็จจริงด้วยวิธีการใด คงจะเหมือนกับทุกขั้นตอนที่เราเคยทำมาทุกอย่างเป็นไปด้วยความเป็นธรรม และรับฟังคำชี้แจงพยานหลักฐานต่างๆ และหลังจากนี้ต้องไปตรวจสอบหลักฐานด้านในอีกครั้ง

จากนั้น เวลา 13.30 น. นายอัจฉริยะ ได้เดินทางมาดักพบ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ที่กองบินตำรวจ หลังทราบว่า นายอนุทิน มีหมายกำหนดการจะมาขึ้นเฮลิคอปเตอร์ เพื่อไปภารกิจที่ จ.พิจิตร เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนเกี่ยวกับกรณีที่อ้างว่า ผบ. ตร. เกี่ยวข้องกับการโยกย้ายและซื้อขายตำแหน่งในพื้นที่ตำรวจภูธร ภาค 4 โดยทันทีที่นายอนุทินเดินทางมาถึง นายอัจฉริยะได้เข้าไปพบ พร้อมยื่นหนังสือให้ นายอนุทิน รับเรื่องดังกล่าวไว้

เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามนายอนุทินถึงกรณีดังกล่าว นายอนุทิน ไม่ได้ให้รายละเอียดในเรื่องนี้ โดยได้ตอบเพียงสั้นๆ ว่า “เดี๋ยวผมรีบไปครับ” เท่านั้น ก่อนขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปปฏิบัติภารกิจที่จังหวัดพิจิตร

ด้าน นายอัจฉริยะ เปิดเผยว่า อย่างน้อยในวันนี้หนังสือก็ถึงมือของนายกรัฐมนตรีแล้ว คิดว่าน่าจะมีความคืบหน้า และตัวเองมั่นใจว่าหลักฐานที่นำมามอบให้เป็นหลักฐานที่มีใบเสร็จพร้อม หลักฐานที่นำมามอบให้มีความชัดเจน คิดว่านายกรัฐมนตรีจะพิจารณาไปตามกรอบอำนาจหน้าที่

นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ส่วนตัวเชื่อมั่นในตัวนายกรัฐมนตรี ว่าจะไม่นำความเป็นเพื่อนวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นเดียวกันมา อยากให้มีการบังคับใช้กฎหมายให้เท่าเทียมกัน ส่วนกรอบระยะเวลาตัวเองไม่ได้กำหนด แต่นายกรัฐมนตรีคงทราบอะไรคือความเร่งด่วน เรื่องนี้เป็นเรื่องของการบังคับใช้กฎหมาย มันไม่ใช่เรื่องความขัดแย้งของตำรวจ แต่เป็นเรื่องของการ ทุจริตคอรัปชั่นไม่เคยมีผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนไหน กล้าทำแบบนี้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการซื้อขายตำแหน่งอย่างชัดแจ้งแบบนี้

ผู้สื่อข่าวถามว่าในฐานะที่นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.)มองเรื่องนี้สำคัญขนาดไหน นายอัจฉริยะ ระบุว่า เรื่องนี้มีการแอบอ้างบุคคลสำคัญอาจจะมีการระคายเบื้องสูงคาดว่านายกรัฐมนตรีจะต้องทำอย่างไร และเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่สำหรับตัวเองและเป็นเรื่องที่ข้าราชการตำรวจ 2 แสนนายไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ และหวังว่านายกรัฐมนตรีจะดำเนินการโดยเร่งด่วน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top