ตูนิส (เอพี/รอยเตอร์/บีบีซี นิวส์) - ประธานาธิบดีเบจี คาอิด เอสเซบซีของตูนิเซียประกาศจะทำสงครามปราบปรามการก่อการร้ายอย่างไร้ความปรานี หลังกลุ่มคนร้ายก่อเหตุกลางวันแสกๆ สังหารนักท่องเที่ยว 17 คน ชาวตูนิเซีย 2 คนในพิพิธภัณฑ์แห่งชาติกลางกรุงตูนิส

ประธานาธิบดีเอสเซบซีกล่าวขณะเยี่ยมผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาลในกรุงตูนิสว่า อยากให้ประชาชนตระหนักว่าตูนิเซียกำลังทำสงครามกับการก่อการร้าย และคนป่าเถื่อนจำนวนน้อยนี้ไม่สามารถทำตูนิเซียหวาดกลัวได้ ตูนิเซียจะต่อสู้กับผู้ก่อการร้ายอย่างไร้ความปรานีจนกว่าจะหมดลมหายใจ ทางการตูนิเซียแจ้งตัวเลขผู้บาดเจ็บว่ามีมากกว่า 40 คน ประกอบด้วยคนหลายสัญชาติ ส่วนตัวเลขผู้เสียชีวิตของแต่ละชาติยังมีรายงานที่ไม่ตรงกัน แต่ที่ยืนยันคือเป็นนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น อิตาลี โคลอมเบีย ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส และสเปน ตำรวจสังหารมือปืนได้ 2 คน และกำลังตามล่าหาผู้ต้องสงสัยคนอื่นๆ ที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้อง มีรายงานว่าขณะเกิดเหตุโจมตีพิพิธภัณฑ์แห่งชาติซึ่งอยู่ภายในบริเวณรัฐสภาตูนิเซียนั้น กำลังมีการประชุมสภา ซึ่งกำลังถกกันเรื่องกฎหมายต่อต้านการก่อการร้ายอยู่ ทำให้ต้องอพยพสมาชิกรัฐสภาออกไป แต่หลังเหตุสงบ รัฐสภาตูนิเซียได้ประชุมกันต่อ

กระทรวงมหาดไทยเผยว่า ผู้ก่อการร้ายอย่างน้อย 2 คนพร้อมปืนเอเค47 หรือปืนอาก้าตั้งใจก่อเหตุที่พิพิธภัณฑ์ดังกล่าวขณะมีนักท่องเที่ยวเดินชมโบราณวัตถุอยู่ราว 100 คน หน่วยปราบปรามก่อการร้ายบุกเข้าไปจัดการคนร้ายได้เรียบร้อยใน 4 ชั่วโมง และว่าเหตุโจมตีครั้งนี้ เป็นการส่งสัญญาณว่าคนร้ายมุ่งเป้าโจมตีสถานที่สำคัญ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทางการและแสดงให้เห็นว่า การก่อการร้ายในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงรูปแบบการโจมตีไปจากเดิม ขณะนี้ยังไม่มีกลุ่มใดอ้างตัวเป็นผู้ก่อเหตุ ซึ่งทางการตูนิเซียเตรียมประกาศไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิต

ตูนิเซียมีกลุ่มสุดโต่งเกิดขึ้นมากมายนับตั้งแต่ประธานาธิบดีซีน เอล อาบิดีน เบน อาลี ถูกประชาชนลุกฮือขับไล่ในปี 2554 และเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติในโลกอาหรับหรืออาหรับสปริงส์ นอกจากนี้ยังมีปัญหาเยาวชนถูกล้างสมองให้มีความคิดรุนแรง ทางการคาดว่ามีชาวตูนิเซียไปร่วมรบกับกลุ่มติดอาวุธในซีเรีย อิรักและลิเบียมากถึง 3,000 คน และเดินทางกลับประเทศมาแล้วประมาณ 500 คน