8 มิ.ย. 62 เว็บไซต์ นสพ.Nekkei Asian Review ของญี่ปุ่น เสนอรายงานพิเศษ "Prayuth's return as prime minister takes Thailand back to 1980s" ระบุว่า การดำรงอยู่ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เปลี่ยนสถานะจากผู้นำในระบอบเผด็จการทหารตลอด 5 ปีที่ผ่านมา สู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจากการเลือกตั้ง ดูคล้ายกับยุค "ประชาธิปไตยครึ่งใบ (half-democratic)" ช่วงทศวรรษที่ 1980s (ระหว่างปี 2523 - 2532)
สืบเนื่องจากนับตั้งแต่หลังเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี 2475 ประเทศไทยก็สลับช่วงไป - มา ตลอดระหว่างรัฐบาลประชาธิปไตยมีการเลือกตั้งกับรัฐบาลเผด็จการทหาร กระทั่งในปี 2523 ทุกสิ่งก็เปลี่ยนไปเมื่อ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ผู้ซึ่งได้รับการเคารพนับถือจากกองทัพ เลือกที่จะใช้กระบวนการรัฐสภาในการตั้งรัฐบาล และแม้จะถูกเรียกว่ายุคประชาธิปไตยครึ่งใบ แต่ประเทศไทยสมัยรัฐบาล พล.อ.เปรม เศรษฐกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว กระทั่งในปี 2531 พล.อ.เปรม จึงวางมือแล้วส่งไม้ต่อให้นายกรัฐมนตรีคนถัดไปที่มาจากการเลือกตั้ง เข้าสู่ยุคประชาธิปไตยเต็มใบ
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า รัฐธรรมนูญไทยฉบับ 2540 กำหนดให้นายกรัฐมนตรีต้องมาจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เพื่อปิดทางที่กองทัพจะเข้าแทรกแซงทางการเมือง แต่ในปี 2544 เมื่อ ทักษิณ ชินวัตร เข้ารับตำแหน่งนายกฯ ได้บริหารประเทศแบบอำนวจนิยมซึ่งขับเคลื่อนด้วยเงินทุน นำไปสู่ความขัดแย้งในสังคมไทยระหว่างกลุ่มผู้มีแนวคิดอนุรักษ์นิยมกับกลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาลทักษิณ ที่ส่วนใหญ่เป็นคนระดับล่างในชนบทซึ่งได้รับประโยชน์จากนโยบายระหว่างที่เขาเป็นนายกฯ
พรรคการเมืองฝ่ายทักษิณ ชินวัตร ชนะการเลือกตั้งตลอดมา แม้จะถูกรัฐประหารในปี 2549 และ 2557 ความขัดแย้งในสังคมไทยบานปลาย จนปัจจุบันมีทั้งการปรากฏขึ้นของพรรคการเมืองที่สนับสนุนรัฐบาลทหาร และการยุบพรรคของฝ่ายทักษิณ ช่วงก่อนการเลือกตั้งครั้งล่าสุด รวมถึงการที่รัฐธรรมนูญฉบับ 2560 ระบุว่านายกฯ ไม่จำเป็นต้องมาจาก ส.ส. การให้สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่รัฐบาลทหารแต่งตั้งร่วมเลือกนายกฯ นำพาประเทศไทยเข้าสู่ยุค "รัฐบาลพลเรือนเทียม (pseudo-civilian government)"
รายงานของสื่อญี่ปุ่นยังกล่าวอีกว่า แม้ความขัดแย้งทางการเมืองจะเป็นเรื่องปกติของทั่วโลก แต่ประเทศไทยโดดเด่นตรงที่มักใช้วิธีการทำรัฐประหารหรือการชุมนุมประท้วงแทนการอภิปรายถกเถียงกันในรัฐสภาทั้งที่เป็นกลไกตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่ง ศ.อิคุโอะ อิวาซากิ (Prof.Ikuo Iwasaki)อดีตนักวิชาการมหาวิทยาลัยทะคุโชคุ (Takushoku University) ให้ความเห็นว่า สังคมไทยยังเข้าใจน้อยมากกับธรรมเนียมที่หากแพ้เลือกตั้งก็ควรยอมรับและถอยออกไป
ศ.อิคุโอะ กล่าวต่อไปว่า นอกจากไทยแล้วยังพบพฤติกรรมลักษณะเดียวกันในอินโดนีเซีย ที่การเลือกตั้งครั้งล่าสุดมีการชุมนุมประท้วงจนมีผู้เสียชีวิต 8 ศพ จากสาเหตุที่ฝ่ายแพ้เลือกตั้งไม่ยอมรับในชัยชนะของ โจโก วิโดโด (Joko Widodo) ที่ได้เป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2 อนึ่ง แม้การจัดอันดับของธนาคารโลก (World Bank) ในเรื่องความเป็นประชาธิปไตย ไทยจะลดจากอันดับ 80 เมื่อ 20 ปีก่อน ลง มาอยู่อันดับ 161 ในปัจจุบัน ขณะที่อินโดนีเซียขึ้นจากอันดับ 160 มาเป็น 101 ในช่วงเวลาเดียวกัน แต่ทั้ง 2 ชาติ ได้แสดงออกถึงความด้อยพัฒนาในเรื่องนี้
ขอบคุณเรื่องจาก : https://asia.nikkei.com/Spotlight/Comment/Prayuth-s-return-as-prime-minister-takes-Thailand-back-to-1980s
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี