เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2562 สำนักข่าว BBC ของอังกฤษ เสนอข่าว “The Indian city where motorbike riders hate helmets” ว่าด้วยความพยายามของตำรวจเมืองปูเน แคว้นมหาราษฏระ (Pune , Maharashtra) ประเทศอินเดีย ในการกวดขันให้ประชาชนสวมหมวกกันน็อกขณะขี่มอเตอร์ไซค์ โดย สุนิล ตาที (Sunil Tathe) เจ้าหน้าที่ตำรวจรายหนึ่ง เปิดเผยว่า เดิมทีประชาชนที่นี่สวมหมวกกันน็อกถึงร้อยละ 70 แต่เมื่อเร็วๆ นี้ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปจากการแทรกแซงทางการเมือง เนื่องจากรัฐบาลของแคว้นมหาราษฏระ มีคำสั่งห้ามตำรวจเรียกผู้ขี่มอเตอร์ไซค์ที่ไม่สวมหมวกกันน็อกให้หยุดรถ
ก่อนหน้านี้ เดเวนทรา ฟัดนาวิส (Devendra Fadnavis) หัวหน้าคณะรัฐมนตรีของแคว้นมหาราษฏระ ได้ส่งหนังสือแจ้งหน่วยตำรวจในเมืองปูเน ให้ใช้วิธีส่งใบสั่งไปที่บ้านของผู้กระทำผิดแทนการเรียกให้หยุดรถบนถนน อันเป็นผลมาจากสมาชิกสภาแคว้น ตั้งกระทู้เรื่องนี้โดยระบุว่าการกวดขันของตำรวจให้ประชาชนสวมหมวกกันน็อกก่อความเดือดร้อนรำคาญให้ผู้ใช้รถใช้ถนน
แต่ตำรวจไม่เห็นด้วยกับแนวคิดเรื่องส่งใบสั่งไปที่บ้านแทนการจับกุม ซึ่งหน้าเมื่อพบผู้กระทำผิด ตาที กล่าวว่า การลงโทษผู้กระทำผิดโดยภาพจากกล้องวงจรปิดกระทำได้เฉพาะเมื่อมองเห็นเลขป้ายทะเบียนรถชัดเจนเท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมาตำรวจมักเจอผู้ที่พยายามลบหรืออำพรางป้ายทะเบียนอยู่เสมอ ทั้งนี้ปูเนมีประชากรที่ใช้มอเตอร์ไซค์เป็นพาหนะถึง 2.5 ล้านคน และเป็น 1 ใน 10 เมืองที่เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนสูงที่สุดในอินเดีย ในรอบ 5 ปีล่าสุดเมืองนี้มีผู้ขี่มอเตอร์ไซค์เสียชีวิตมากกว่า 1,000 คน แต่น่าสังเกตว่าในจำนวนนี้มีเพียง 3 คนที่สวมหมวกกันน็อก
รายงานของ BBC ยังกล่าวถึงสิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่ง คือดูเหมือนชาวปูเนจะไม่ชอบการสวมหมวกกันน็อกเอาเสียเลย อาทิ มีการชุมนุมประท้วงบนถนนแสดงสัญลักษณ์ด้วยคำขวัญ “helmet hatao, Punekar bachao” (get rid of helmets, save Pune's residents หรือ ‘กำจัดหมวกกันน็อกช่วยชาวปูเน’) ขณะที่บางคนประท้วงด้วยการจัดงานศพให้กับหมวกกันน็อก
เมื่อสอบถามถึงสาเหตุของการต่อต้านกฎหมายสวมหมวกกันน็อก ชาวปูเนบางรายให้เหตุผลว่า ในเมื่อผู้นับถือศาสนาซิกข์ซึ่งใช้ผ้าโพกหัวได้รับการยกเว้นจากกฎหมายนี้ แล้วเหตุใดคนอื่นๆ จะมีสิทธิเลือกบ้างไม่ได้ นอกจากนี้ยังมีนักการเมืองท้องถิ่นออกมาบอกว่าการสวมหมวกกันน็อกส่งผลกระทบต่อกระดูกสันหลัง ขณะที่ วิเวก เวลันการ์ (Vivek Velankar) หัวหน้ากลุ่มต่อต้านกฎหมายบังคับสวมหมวกกันน็อก กล่าวว่า การสวมหมวกกันน็อกทำให้ผู้ขี่มอเตอร์ไซค์รู้สึกถึงความปลอดภัย และทำให้คนเหล่านั้นขับขี่โดยประมาทมากขึ้น
อนิล เดชมุข (Anil Deshmukh) รองผู้บังคับการตำรวจเมืองปูเน ระบุว่า ชาวปูเนจำนวนมากมักมีเรื่องโต้เถียงกับตำรวจที่บังคับใช้กฎหมายสวมหมวกกันน็อกเสมอ และแม้จะไม่มีคำอธิบายที่สมเหตุสมผลเลยในบรรดาการโต้แย้ง แต่ที่ปูเน การต่อต้านดังกล่าวได้รับการอุปถัมภ์จากฝ่ายการเมือง ซึ่งก่อนหน้านี้ตั้งแต่ 1 ม.ค. 2562 ตำรวจมีมาตรการทั้งการจับกุมโดยเปรียบเทียบปรับผู้กระทำผิดไปแล้วไม่ต่ำกว่า 1 แสนคน และทั้งการให้รางวัลผู้ที่สวมหมวกกันน็อกสม่ำเสมอทุกครั้งเป็นคูปองส่วนลดในร้านอาหารหรือร้านค้า แต่ทุกอย่างต้องหยุดลงจากการเมืองข้างต้น
นิชาด กุลกามี (Nishad Kulkarni) สถาปนิกผู้อาศัยในเมืองปูเนมายาวนาน กล่าวว่า กระแสต่อต้านการบังคับสวมหมวกกันน็อกในปูเนมีสาเหตุมาจากเมืองมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วโดยที่ผู้คนยังไม่ตระหนักถึงข้อปฏิบัติในการใช้รถใช้ถนน โดยในช่วงทศวรรษ 1980s-1990s (ปี 2523-2542) ชาวปูเนส่วนใหญ่ยังใช้จักรยานเป็นพาหนะหลัก กระทั่งช่วงปลายทศวรรษ 1990s เมืองแห่งนี้มีการลงทุนสาธารณูปโภคเพื่อรองรับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) จนเจริญขึ้นมาก และนั่นทำให้ผู้คนหันมาขับรถยนต์หรือขี่มอเตอร์ไซค์กันมากไปด้วย
“ชาวปูเนจำนวนมากมองถึงความสะดวกสบายมากกว่าความปลอดภัย เมื่อใดก็ตามที่ตำรวจเรียกให้หยุดรถ ผู้ขับขี่จะเชื่อว่าตนเองรู้ดีกว่า อย่างครอบครัวของผมมี 30 คน ผมว่าคงไม่มีใครสวมหมวกนิรภัย” นิชาด กล่าว
ขอบคุณเรื่องจาก...https://www.bbc.com/news/world-asia-india-48879590
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี