สื่อสหรัฐฯตีข่าวยธ.ไทยผลักดัน‘ร่างพ.ร.บ.คู่ชีวิต’ รับรองสิทธิคู่รักเพศเดียวกัน
23 สิงหาคม 2562 สำนักข่าว Voice of America(VOA) สหรัฐอเมริกา เสนอข่าว “Thailand's New Government Revives Proposal for Same-Sex Unions” กล่าวถึงการที่รัฐบาลชุดใหม่ของไทย กำลังผลักดันร่างกฎหมายรับรองการแต่งงานของคนรักเพศเดียวกัน ที่เรียกว่า “ร่าง พ.ร.บ.คู่ชีวิต” ซึ่งก่อนหน้านี้ในเดือน ธ.ค. 2561 รัฐบาลทหารโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้รับรองหลักการไว้ แต่สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้หมดวาระลงเสียก่อนเนื่องจากมีการจัดการเลือกตั้งในเดือน มี.ค. 2562
สมศักดิ์ เทพสุทิน (Somsak Thepsutin) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (ยธ.) ของไทย กล่าวว่า ชะตากรรมของร่างกฎหมายฉบับนี้อยู่ที่ความรู้สึกของสาธารณชน ซึ่งในเดือน ก.พ. 2562 มีการสำรวจโดย YouGov กลุ่มตัวอย่างประมาณ 1,000 คน ร้อยละ 63 ระบุว่าเห็นด้วยหากจะมีกฎหมายดังกล่าว มีเพียงร้อยละ 11 ที่ระบุว่าไม่เห็นด้วย ส่วนที่เหลือไม่แน่ใจหรือไม่มีความเห็น
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ครั้งล่าสุดเมื่อเดือน มี.ค. 2562 มี ส.ส. ที่เป็นกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ (LGBT) เข้าไปในสภาถึง 4 คน โดยทั้งหมดมาจากกลุ่มการเมืองหัวก้าวหน้าอย่าง พรรคอนาคตใหม่ (Future Forward Party) อาทิ ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ (Tunyawaj Kamolwongwat) กล่าวว่า ในอดีตหลายคนเชื่อว่ามนุษย์มีแค่ 2 เพศคือชายกับหญิงเท่านั้น แต่ปัจจุบันสื่อมวลชนไม่ว่าสื่อหลักหรือสื่อออนไลน์ต่างพูดถึงประเด็นความหลากหลายทางเพศมากขึ้น ดังนั้นตนเชื่อว่าทุกอย่างจะเปลี่ยนไป
ธัญวัจน์ เล่าว่า ก่อนหน้านี้เพื่อนฝูงที่เป็นคนรักเพศเดียวกันนั้นเล่าว่าเคยถูกพ่อแม่และนักบำบัด “หาทางทำให้กลับเป็นปกติ (หมายถึงกลับเป็นคนรักต่างเพศ)” แต่ตอนนี้พวกเขากำลังเรียนรู้ที่จะเข้าใจและยอมรับ เพราะการเป็นคนรักเพศเดียวกันไม่ถือเป็นอาการเจ็บป่วยอีกต่อไป อย่างไรก็ตามภายใต้นิยาม “ดินแดนแห่งรอยยิ้ม (The Land of Smiles)” ที่ประเทศไทยถูกเรียนขานนั้น ก็มีบางอย่างซ่อนอยู่ลึกลงไป
พงษ์พร ชาญเลิน (Pongphorn Chanlearn) ชายหนุ่มที่ยอมรับว่าตนเองเป็นชายรักชาย (Gay) กล่าวว่า หลายคนมองเห็นประเทศไทยเป็นสวรรค์สำหรับคนรักเพศเดียวกัน แต่สำหรับตนนั้นยังเป็นคำถาม เพราะเห็นว่าในสังคมไทยยังมีการเลือกปฏิบัติต่อคนรักเพศเดียวกัน เพียงแต่ไม่ค่อยปรากฏอย่างกว้างขวางในทางสาธารณะ ซึ่งทั้ง พงษ์พร และ ธัญวัจน์ ยกตัวอย่างเรื่องการหางานทำและความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน
แม้ร่างกฎหมายที่รัฐบาลชุดใหม่เสนอขึ้นมาจะรับรองสิทธิการจัดการทรัพย์สิน หนี้สิน การรับมรดก รวมถึงการรับเป็นผู้คุ้มครองกรณีอีกฝ่ายเป็นผู้ไร้ความสามารถ แต่ธัญวัจน์และอีกหลายคน มองว่ายังไม่ใช่การรับรองสิทธิการแต่งงานอย่างสมบูรณ์ รวมถึงการรับบุตรบุญธรรม พงษ์พร ระบุว่า ร่างกฎหมายฉบับปัจจุบันดูจะเป็นการควบคุมเสียมากกว่าเปิดเสรีในการแต่งงาน โดยแยกคนรักเพศเดียวกันออกจากกระแสหลักและไม่สนับสนุนอย่างเท่าเทียมกัน สิ่งที่ต้องการที่การแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โดยเปลี่ยนนิยามการแต่งงานจากชายกับหญิงเป็นบุคคล
แต่อีกด้านหนึ่ง ระพีพันธ์ จอมมะเริง (Rapeepun Jommaroeng) ที่ปรึกษาสมาคมฟ้าสีรุ้ง (Rainbow Sky Association of Thailand) มองว่า ร่างกฎหมายคู่ชีวิต (Life Partnership Bill) ในหลายประเทศคือก้าวแรกของการเดินไปสู่การแก้ไขกฎหมายว่าด้วยการแต่งงานในที่สุด ซึ่งเราสามารถศึกษาทั้งข้อจำกัดและโอกาส เช่น วันหนึ่งหากคนรักเพศเดียวกันมีลูกอะไรจะเกิดขึ้น ดังนั้นมันจึงให้โอกาสในการที่เราจะได้เดินไปข้างหน้า ทั้งนี้ ระพีพันธ์ กล่าวอีกว่า ร่างกฎหมายคู่ชีวิตได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มผู้นับถือศาสนาคริสต์และอิสลาม แต่คัดค้านกรณีการแต่งงาน
เช่นเดียวกับ นรีลักษณ์ แพชัยภูมิ (Nareeluc Pairchayapoom) ผู้อำนวยการกองสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ในฐานะหัวหอกหลักผู้ผลักดันร่างกฎหมายคู่ชีวิต ที่กล่าวว่า การค่อยๆ เคลื่อนที่ไปนั้นจะลดเสียงคัดค้านจากฝ่ายอนุรักษ์นิยม เราต้องการเวลาในการทำให้ผู้คนตระหนักถึงสิทธิของกลุ่มคนหลากหลายทางเพศ เพราะต้องยอมรับความจริงด้วยว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะเห็นด้วยกับเรื่องนี้ ทั้งนี้ร่าง พ.ร.บ. คู่ชีวิต น่าจะได้เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาในช่วงปลายปี 2562
ที่มา : https://www.voanews.com/east-asia-pacific/thailands-new-government-revives-proposal-same-sex-unions
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี