'สื่อญี่ปุ่น'เผยแพร่บทความนักวิชาการไทย ‘เศรษฐกิจvsความมั่นคง’เมื่อยอดนทท.พุ่ง

'สื่อญี่ปุ่น'เผยแพร่บทความนักวิชาการไทย ‘เศรษฐกิจvsความมั่นคง’เมื่อยอดนทท.พุ่ง

วันอังคาร ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2562, 14.20 น.

10 ก.ย. 2562 เว็บไซต์ นสพ. Nikkei Asian Review เผยแพร่บทความ “Thailand worries mass tourism is bringing security troubles” ซึ่งเขียนโดย กวี จงกิจถาวร (Kavi Chongkittavorn) นักวิจัยอาวุโส สถาบันความมั่นคงและนานาชาติ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และอดีตสื่อมวลชน ว่าด้วยปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น ทำให้ทางการไทยเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบมากขึ้นด้วย โดยในปี 2561 มีชาวต่างชาติมาเยือนไทย 38.3 ล้านคน ซึ่งจำนวนผู้มาเยือนนั้นเพิ่มสูงแตะระดับ 30 ล้านคนต่อปีมาตั้งแต่ปี 2556 ส่วนใหญ่เป็นชาวจีน

ในด้านหนึ่ง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง มีการวางระบบเก็บฐานข้อมูลชีวภาพ (Biometric Identification System) ของชาวต่างชาติที่เดินทางมาประเทศไทย แต่อีกด้านหนึ่ง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กลับมีแนวคิดให้ชาวจีนและอินเดียไม่ต้องขอวีซ่าเข้าประเทศไทย ด้วยความหวังว่าจะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวเป็น 40 ล้านคนต่อปี เพื่อให้รายได้ในส่วนนี้มาชดเชยเศรษฐกิจภาคการส่งออกที่ชะลอตัว จากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน รวมถึงการแข็งค่าของเงินบาทซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 30.7 บาทต่อ 1 เหรียญสหรัฐ

ประเทศไทยได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวชาวจีนและอินเดีย เนื่องจากทำเลที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ค่าเดินทางด้วยเครื่องบินไม่แพง รวมถึงมีวัฒนธรรมของทั้ง 2 ชาติผสมผสานอยู่ เป็นภาพสะท้อนความยิ่งใหญ่ของมหาอำนาจทั้ง 2 ในโลกยุคโบราณ ในปี 2562 คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวชาวจีน 11 ล้านคน และอินเดียอีก 2 ล้านคน เดินทางมาเยือน ทั้งนี้ในปัจจุบัน ชาวต่างชาติ 19 ประเทศรวมถึงจีนและอินเดีย สามารถขอวีซ่าได้เมื่อมาถึงประเทศไทย โดยเสียค่าธรรมเนียมเพียง 2,000 บาท

อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอของกระทรวงท่องเที่ยวฯ ที่ต้องการให้ไม่ต้องขอวีซ่านั้นไกลเกินไปสำหรับความคิดของคนไทยส่วนใหญ่ สื่อบางสำนักถึงกับใช้คำว่า “ขายอธิปไตยให้ต่างชาติ” นำมาสู่ท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (Prayuth Chan-ocha) นายกรัฐมนตรี ที่ปฏิเสธแนวคิดดังกล่าวด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง และนี่เป็นครั้งแรกที่รัฐบาลไทยยอมรับว่าจำนวนนักท่องเที่ยวที่มากขึ้นอาจนำปัญหาตามมา

พล.อ.ประยุทธ์ อดีตผู้บัญชาการทหารบก ผู้ทำรัฐประหารในปี 2557 และเป็นนายกฯ รัฐบาลทหารมาจนถึงปี 2562 ก่อนจะเปลี่ยนสถานะมาเป็นนายกฯ ในรัฐบาลพลเรือน เรียกร้องให้เฝ้าระวังชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยมากขึ้น โดยอ้างคำเตือนจากสำนักข่าวกรองของโลกตะวันตก ว่าประเทศไทยกำลังกลายเป็น “จุดนัดพบ” ของบรรดาผู้ก่อการร้ายและผู้นิยมความรุนแรง

เช่นเดียวกับ ดอน ปรมัตถ์วินัย (Don Pramudwinai) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่กล่าวว่า ประเทศไทยจำเป็นต้องปรับปรุงทั้งโครงสร้างพื้นฐานรวมถึงกระบวนการบังคับใช้กฎหมายก่อนจะพิจารณาถึงการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว นอกจากนี้สำหรับการบูรณาการทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ควรให้ความสำคัญกับ “การป้องกันการแทรกซึมเข้าดินแดนไทยอย่างง่ายๆ” ในการดำเนินกิจกรรมที่อาจสร้างปัญหาให้กับมิตรประเทศและประเทศเพื่อนบ้าน

ผู้เขียนบทความยังยกตัวอย่างประเทศรัสเซีย ในปี 2546 เมื่อไทยยกเว้นการขอวีซ่า ส่งผลให้จำนวนชาวรัสเซียที่เดินทางมาประเทศไทยเพิ่มขึ้นจากเดิม 1 แสนคนต่อปี เป็น 1.5 ล้านคนต่อปี ปัจจุบันสามารถพบเห็นชุมชนชาวรัสเซียขนาดใหญ่ได้ที่พัทยา เมืองชายหาดทางภาคตะวันออกของไทย แม้บรรยากาศระหว่างชุมชนผู้มาเยือนกับชุมชนชาวไทยท้องถิ่นจะดูสงบสุขดี แต่ก็กังวลกันว่าจะมีทั้งทหารรับจ้างและผู้กระทำผิดหลบหนีคดีซึ่งเป็นชาวรัสเซียรวมถึงกลุ่มประเทศอดีตสหภาพโซเวียต แฝงตัวเข้ามาประกอบอาชญากรรมต่างๆ บนแผ่นดินไทย

ตัวอย่างหนึ่งคือกรณีของ วิคเตอร์ บูท (Viktor Bout) พ่อค้าอาวุธสงครามชาวรัสเซีย เขาถูกจับที่พัทยาในปี 2551 และรัสเซียไม่พอใจอย่างมากเมื่อไทยตัดสินใจส่งตัวให้กับสหรัฐฯ ตามหมายจับในข้อหามีส่วนร่วมกับการก่อการร้าย ซึ่งมีโทษจำคุก 25 ปี ตั้งแต่นั้นมาทางการไทยจึงเพิ่มความระมัดระวังในการตัดสินใจว่าจะให้หรือไม่ให้สิทธิไม่ต้องขอวีซ่ากับชาติใดๆ ทั้งนี้โจทย์สำคัญของภาครัฐไทย คือจะทำอย่างไรกับการรักษาสมดุลระหว่างเม็ดเงินจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว การไม่เลือกปฏิบัติกับชาติใดชาติหนึ่ง และระบบตรวจสอบคนเข้าเมืองที่มีประสิทธิภาพ
 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top