วอชิงตัน (เอเอฟพี/รอยเตอร์/บีบีซี นิวส์) –สื่อสหรัฐอ้างแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่สหรัฐว่าอยาตอลลาห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดอิหร่านเป็นผู้อนุมัติการใช้โดรนโจมตีโรงกลั่นน้ำมันซาอุดีอาระเบียเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ขณะที่ ซาอุดีอาระเบียโชว์หลักฐานชัดซากโดรนและชิ้นส่วนขีปนาวุธที่ยิงโจมตีโรงกลั่นน้ำมัน 2 แห่งในซาอุดีอาระเบียมาจากอิหร่าน
สถานีโทรทัศน์ซีบีเอสซึ่งไม่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งข่าวหรืออธิบายว่าได้ข้อมูลมาได้อย่างไร รายงานว่า คาเมเนอีอนุมัติการโจมตีดังกล่าวแต่ต้องดำเนินการโดยที่อิหร่านสามารถปฏิเสธได้ว่าไม่เกี่ยวข้อง หลักฐานชี้ชัดที่สุดว่าเป็นฝีมืออิหร่านคือ ภาพถ่ายดาวเทียมที่ไม่มีการเผยแพร่ เป็นภาพกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามกำลังเตรียมการโจมตีที่ฐานทัพอากาศอาห์วาซ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอิหร่าน เจ้าหน้าที่เพิ่งเห็นความเชื่อมโยงของภาพเหล่านี้ในภายหลัง ทำให้ตั้งตัวไม่ทัน
ด้านสื่อทางการอิหร่านว่า รัฐบาลได้ส่งสารถึงสหรัฐเมื่อวันจันทร์ผ่านสถานทูตสวิตเซอร์แลนด์ที่เป็นตัวแทนผลประโยชน์สหรัฐในอิหร่าน ปฏิเสธว่าอิหร่านไม่เกี่ยวข้องกับโจมตีในซาอุดีอาระเบีย และเตือนว่าจะตอบโต้หากมีฝ่ายใดดำเนินการกับอิหร่านก่อน กลุ่มฮูธีที่ยึดครองเยเมน ทางตอนใต้ของซาอุดีอาระเบียอ้างว่า เป็นคนลงมือ แต่ทั้งซาอุดีอาระเบียและสหรัฐไม่เชื่อ เจ้าหน้าที่สหรัฐคนหนึ่งเผยกับเอเอฟพีว่า รัฐบาลสรุปว่าอาวุธที่ใช้โจมตีเป็นขีปนาวุธนำวิถีจากอิหร่าน และจะเสนอหลักฐานต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติในสัปดาห์หน้า หลังจากกระทรวงกลาโหมซาอุดีอาระเบียโชว์ซากโดรนและชิ้นส่วนขีปนาวุธร่อน ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นข้อเท็จจริงว่า อิหร่านมีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีโรงกลั่นน้ำมัน 2 แห่ง ของซาอุดีอาระเบียเมื่อวันเสาร์ที่ 14 กันยายนที่ผ่านมา โดยโดรน 18 ลำ และขีปนาวุธร่อนอีก 7 ลูก ถูกยิงมาจากอีกทิศทางที่ไม่ใช่เยเมนอย่างที่กบฏฮูธี ซึ่งเป็นกลุ่มกบฏในเยเมนและได้รับการหนุนหลังจากอิหร่าน ออกมากล่าวอ้างว่าอยู่เบื้องหลังการโจมตีครั้งนี้
ขณะเดียวกัน นายฌอง-อีฟส์ เลอ ดริยงรัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส กล่าวผ่านทางสถานีโทรทัศน์ว่า ข้ออ้างของกลุ่มกบฏฮูธีที่ว่าอยู่เบื้องหลังการโจมตีโรงกลั่นน้ำมัน 2 แห่งของซาอุดีอาระเบียนั้นไม่น่าเชื่อถือ รวมถึงได้ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับความสามารถของกลุ่มกบฏฮูธีในปฏิบัติการโจมตีในลักษณะดังกล่าวจากเยเมน อย่างไรก็ตาม ฝรั่งเศสประกาศจะส่งผู้เชี่ยวชาญเดินทางไปยังซาอุดีอาระเบียเพื่อช่วยสอบสวนเรื่องนี้
ในอีกด้านหนึ่ง ประธานาธิบดีฮัสซัน โรว์ฮานี ผู้นำอิหร่าน อาจยกเลิกการเดินทางไปร่วมการประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติที่นครนิวยอร์ก ของสหรัฐ ในสัปดาห์หน้า หากสหรัฐยังไม่ออกวีซาให้เขาและนายโมฮัมหมัด จาวาด ซารีฟ รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน ภายในไม่กี่ชั่วโมงนี้ โดยภายใต้ข้อตกลงว่าด้วยสำนักงานใหญ่ของสหประชาชาติฉบับปี 2490 สหรัฐต้องอนุญาตให้นักการทูตต่างประเทศ เดินทางไปสำนักงานใหญ่ของสหประชาชาติได้ แต่สหรัฐตั้งแง่ว่าสหรัฐยังมีสิทธิปฏิเสธที่จะออกวีซ่าได้ ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง การก่อการร้าย และนโยบายต่างประเทศ
ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับอิหร่านยิ่งตึงเครียด หลังจากสหรัฐถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านเมื่อปีที่แล้ว และในช่วงสองสามเดือนมานี้ก็ยิ่งตึงเครียดลงไปอีก หลังมีเหตุโจมตีเรือบรรทุกน้ำมันในอ่าวเปอร์เซีย และล่าสุดเกิดการโจมตีโรงกลั่นน้ำมันของซาอุดีอาระเบีย ซึ่งสหรัฐกล่าวหาว่าอิหร่านอยู่เบื้องหลัง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี