วันที่ 12 ตุลาคม 2562 สำนักข่าวอัลจาซีราของกาตาร์ เสนอข่าว “US defence chief: We're not abandoning the Kurds in Syria” ระบุว่า มาร์ค เอสเปอร์ (Mark Esper) รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา ชี้แจงกรณีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กรณีรัฐบาลสหรัฐฯ กำลังจะถอนกำลังทหารของตนออก ซึ่งเท่ากับทิ้งให้ชาวเคิร์ดที่เคยร่วมรบกับกองทัพสหรัฐฯ ในสงครามปราบปรามกลุ่มก่อการร้ายรัฐอิสลาม (IS หรือ ISIS หรือ ISIL) ในอิรักและซีเรีย ต้องเผชิญการรุกรานจากตุรกีโดยลำพัง ว่าไม่เป็นความจริง กองทัพสหรัฐฯ จะยังคงอยู่กับชาวเคิร์ดต่อไปในส่วนอื่นๆ ของซีเรีย
เอสเปอร์ กล่าวต่อไปว่า ส่วนกรณีตุรกีภายใต้การนำของประธานาธิบดี เรเจพ ทายยิพ เออร์โดกาน (Recep Tayyip Erdogan) ยกกองทัพประชิดชายแดนภาคเหนือของซีเรีย ซึ่งปัจจุบันเป็นเขตปกครองตนเองของชาวเคิร์ด ทำให้สหรัฐฯ ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก ทั้งนี้แนวคิดการถอนทหารสหรัฐฯ ออกจากซีเรียนั้นมาจาก โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ปธน.สหรัฐฯ และถูกตำหนิอย่างหนักจากนักการเมือง 2 พรรคใหญ่ ทั้งต้นสังกัดของทรัมป์อย่างรีพับลิกัน และเดโมแครตที่เป็นคู่แข่ง
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า ตุรกีนั้นไม่ต้องการให้ชาวเคิร์ดมีฐานที่มั่นในซีเรีย เพราะอาจเป็นการสนับสนุนกลุ่มนักรบชาวเคิร์ดที่ต้องการแยกดินแดนออกจากตุรกี ซึ่งรัฐบาลตุรกีจัดให้กลุ่มดังกล่าวเป็นกลุ่มก่อการร้าย ขณะที่ ลินซีย์ เกรแฮม (Lindsey Graham) สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) จากพรรครีพับลิกัน กล่าวในเชิงประชดประชันว่า ขอให้หลังจาก ปธน.ทรัมป์ ถอนทหารสหรัฐฯ ออกจากซีเรียแล้ว กลุ่มรัฐอิสลามฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่ด้วยเถิด นอกจากนี้เขายังเป็นตัวตั้งตัวตีในการเสนอมาตรการคว่ำบาตรตุรกีหากทำอะไรเกินเลย
สตีเฟน มนูชิน (Steven Mnuchin) รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ เปิดเผยว่า รัฐบาลสหรัฐฯ มีแผนลงโทษทางเศรษฐกิจต่อตุรกีหากรัฐบาลตุรกีในสิ่งที่เกินเลย และขณะนี้ ปธน.ทรัมป์ อนุมัติให้ร่างมาตรการคว่ำบาตร ซึ่งรัฐบาลสหรัฐฯ สามารถใช้ได้หากจำเป็น อย่างไรก็ตาม ดั๊ก บันโดว์ (Doug Bandow) อดีตผู้ช่วยพิเศษของ ปธน.โรนัลด์ เรแกน (Ronald Reagan) มีท่าทีสนับสนุนแนวคิดของ ปธน.ทรัมป์ โดยมองว่า การคงกำลังทหารสหรัฐฯ ไว้ในซีเรียเพื่อช่วยสร้างประชาธิปไตยและคานอำนาจกับอิหร่านนั้นเป็นแนวคิดที่ไม่มีเหตุผล
บันโดว์ กล่าวอีกว่า หากคิดว่า ตุรกี ซีเรีย อิหร่านและอิรัก อันเป็น 4 ประเทศที่มีชาวเคิร์ดอาศัยอยู่ จะปล่อยให้ชาวเคิร์ดแบ่งดินแดนไปตั้งประเทศของตนเอง และกองทัพสหรัฐฯ ก็จะต้องอยู่ในตะวันออกกลางเพื่อปกป้อง นี่เป็นเรื่องที่ค่อนข้างพิเศษ ส่วน พลจัตวา มาร์ค คิมมิตต์ (Mark Kimmitt) อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ไม่ได้ลงนามข้อตกลงระยะยาวกับชาวเคิร์ด
คิมมิตต์ กล่าวว่า ข้อตกลงระหว่างชาวเคิร์ดกับสหรัฐฯ เป็นเพียงเรื่องในสนามรบเท่านั้น แต่ไม่ได้รับรองไปถึงขั้นเป้าหมายการก่อตั้งประเทศใหม่ในตอนเหนือของซีเรีย ซึ่ง ปธน.ทรัมป์ ก็เห็นด้วยเช่นกัน โดยกล่าวว่า ชาวเคิร์ดต่อสู้กับกลุ่มรัฐอิสลามก็เพื่อหวังจะมีดินแดนเป็นของตนเอง ไม่ได้ต้องการช่วยสหรัฐฯ นอกจากนี้ยังกล่าวย้อนไปถึงช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ชาวเคิร์ดไม่ได้ช่วยฝ่ายสัมพันธมิตรในศึกยกพลขึ้นบกที่นอร์มังดี ถึงกระนั้น ทรัมป์ก็แสดงท่าทีไม่เห็นด้วยกับการรุกรานชาวเคิร์ดของตุรกี
ด้าน ปธน.เออร์โดกาน ย้ำจุดยืนของตุรกีว่าจะไม่หยุดโจมตีดินแดนปกครองตนเองของชาวเคิร์ดในซีเรีย ไม่ว่าใครจะทักท้วงอย่างไรก็ตาม ซึ่งดูเหมือนว่าคำพูดประชดของ ส.ว.เกรแฮม จะเป็นความจริง เพราะทันทีที่รัฐบาลสหรัฐฯ ปล่อยให้ชาวเคิร์ดเผชิญชะตากรรมโดยลำพัง กลุ่มรัฐอิสลามได้ออกมาอ้างว่า กรณีเหตุมือระเบิดฆ่าตัวตายโจมตีเมือง Qamishli ทางตะวันออกเฉียงเหนือของซีเรีย เป็นพลงานของพวกตน
ทิม คอนสแตนติน (Tim Constantine) นักจัดรายการทอล์คโชว์แนวอนุรักษ์นิยมในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. กล่าวว่า ไม่ว่า ปธน.ทรัมป์ จะตัดสินใจทำหรือไม่ทำอะไร เชื่อว่าฝ่ายตรงข้ามอย่างพรรคเดโมแครตก็คงหาเรื่องวิพากษ์วิจารณ์อยู่ดี แต่ก็ยอมรับว่า การรับรู้เรื่องราวของชาวเคิร์ดถูกทอดทิ้งให้เผชิญชะตากรรมตามลำพังในตะวันออกกลาง ไม่ได้ทำให้ชาวอเมริกันรู้สึกดีนัก
ขอบคุณเรื่องจาก : https://www.aljazeera.com/news/2019/10/defence-chief-abandoning-kurds-syria-191011141042010.html
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี