อาเซียนระทม! จีนปิดประเทศสกัด‘ไวรัสอู่ฮั่น’ นักท่องเที่ยวแดนมังกรหายรายได้วูบ
28 มกราคม 2563 สื่อมวลชนหลายสำนักเสนอข่าวมาตรการห้ามพลเมืองเดินทางออกนอกประเทศของทางการจีน เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่มีต้นตอจากเมืองอู่ฮั่นของจีน ส่งผลกระทบต่อประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ที่พึ่งพาเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวชาวจีนเป็นหลัก อาทิ สำนักข่าวรอยเตอร์ เสนอรายงานพิเศษ “Bali to Bangkok: China virus threatens disaster for tourist hotspots” ว่าด้วยผลกระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยวในอินโดนีเซียและไทย
เช่น ที่เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งมีเทศกาล Kintamani อันเป็นประเพณีเฉลิมฉลองพิธีอภิเษกสมรสระหว่างกษัตริย์บาหลีกับเจ้าหญิงชาวจีนในสมัยโบราณ จัดขึ้นช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี ที่ผ่านมามีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวโดยเฉพาะชาวจีนมาเยือน แต่เทศกาลดังกล่าวในปี 2563 อาจมีนักท่องเที่ยวลดลง เคทัต อาร์ดานา (Ketut Ardana) รองประธานคณะกรรมการการท่องเที่ยวของบาหลี กล่าวว่า ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยวและธุรกิจขนาดเล็กในหมู่บ้านจะได้รับผลกระทบ
ไม่ต่างจากที่กรุงเทพฯ เมืองหลวงของประเทศไทย ธีรวัฒน์ บัวขาว (Teerawat Buakaw) ชายวัย 33 ปีที่ขายเสื้อผ้าในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง กล่าวว่า หากไม่มีนักท่องเที่ยวชาวจีนกิจการก็อาจไปไม่รอด ทั้งนี้ไทยเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมอันดับต้นๆ ของชาวจีน แต่การคาดการณ์ในปี 2563 เชื่อว่าจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนจะหายไปประมาณ 2 ล้านคน จากปี 2562 ที่มีนักท่องเที่ยวชาวจีนไปเยือนไทยถึง 11 ล้านคน
รายงานของรอยเตอร์ กล่าวต่อไปว่า จำนวนชาวจีนที่ออกไปท่องเที่ยวในประเทศต่างๆ ได้สร้างความเจริญเติบโตให้กับการเดินทางระหว่างประเทศอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ ซึ่งได้กลายเป็นแรงผลักดันให้เกิดธุรกิจมากมายเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ ในทศวรรษที่ 1980s (ปี2523-2532) มีชาวจีนเพียงน้อยนิดที่จะออกไปท่องเที่ยวในต่างแดน แต่ในปี 2562 พบว่ามีเพิ่มมากขึ้นถึง 160 ล้านคน
ราจีฟ พิศวัส (Rajiv Biswas) หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกขององค์กร IHS Markit กล่าวว่า กลุ่มที่ต้องเผชิญความเสี่ยงที่สุดในการระบาดของไวรัสอู่ฮั่นคือภาคการท่องเที่ยวโดยเฉพาะในเอเชียแปซิฟิก อาทิ เศรษฐกิจของประเทศไทยมีความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับมาตรการจำกัดการเดินทางของชาวจีน อนึ่ง ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของไทยในวันที่ 28 ม.ค. 2563 ปรับตัวต่ำลงต่ำสุดในรอบ 3 ปี ต่อเนื่องจากวันที่ 27 ม.ค. 2563 ที่ปรับตัวลดลงร้อยละ 3
ด้านการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย คาดหวังว่าจะมีนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่นเดินทางมาท่องเที่ยวเพื่อชดเชยการหายไปของนักท่องเที่ยวชาวจีน ท่ามกลางสถานการณ์ที่ทางการไทยต้องรับมือไวรัสอู่ฮั่น ซึ่งปัจจุบันพบจำนวนผู้ติดเชื้อเป็นอันดับ 2 รองจากในประเทศจีน โดยไทยนั้นมีรายได้จากนักท่องเที่ยวชาวจีนราว 1.8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 5.4 แสนล้านบาทในปี 2562 ขณะที่ประเทศอื่นๆ เช่น ญี่ปุ่น มีนักท่องเที่ยวชาวจีนไปเยือน 10 ล้านคน หรือเวียดนามที่มีนักท่องเที่ยวชาวจีนไปเยือน 5 ล้านคน
นอกจากไทยกับอินโดนีเซีย ประเทศฟิลิปปินส์ที่ทางการประกาศงดให้วีซ่ากับชาวจีนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสดังกล่าว ก็ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจที่กำลังเติบโตเช่นกัน รวมถึงประเทศมาเลเซียที่ในปี 2562 มีนักท่องเที่ยวชาวจีนไปเยือนราว 5 ล้านคนในปี 2562 และในปี 2563 คาดหวังว่าจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดไปอยู่ที่ 30 ล้านคน และยังคงหวังว่าจะทำได้ตามเป้า
เช่นเดียวกับเว็บไซต์ นสพ. Khmer Times ของกัมพูชา เสนอข่าว “Novel Coronavirus threat to tourism industry” ระบุว่า หลังจากมีรายงานยืนยันพบผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่รายแรกในกัมพูชา เป็นชาวจีนที่เดินทางจากเมืองอู่ฮั่นของจีนไปเมืองสีหนุวิลล์ของกัมพูชา เมื่อวันที่ 27 ม.ค. 2563 ทางกระทรวงการท่องเที่ยวของกัมพูชา กังวลว่าโรคระบาดที่มีต้นตอจากประเทศจีนจะส่งผลกระทบต่อจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังกัมพูชา
ชุก ชุมนอร์ (Chuk Chumnor) โฆษกกระทรวงการท่องเที่ยวของกัมพูชา กล่าวว่า นักท่องเที่ยวชาวจีนเป็นกลุ่มใหญ่ในแวดวงการท่องเที่ยว ดังนั้นโรคระบาดย่อมส่งผลกระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยวทั่วโลก ทั้งนี้ ในปี 2562 มีชาวจีนเดินทางไปเยือนกัมพูชาจำนวน 2.5 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 25 เมื่อเทียบกับปี 2561 และคาดว่าในปี 2563 จะเพิ่มขึ้นเป็น 3 ล้านคน อย่างไรก็ตาม ทางกระทรวงฯ ได้ทำงานร่วมกับภาคเอกชนเพื่อรักษาเสถียรภาพในช่วงวิกฤติโคโรนาไวรัส รวมถึงมาตรการจูงใจเพื่อกระตุ้นกลุ่มนักท่องเที่ยวในประเทศ
เข็ก โนรินดา (Khek Norinda) ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารและประชาสัมพันธ์ของการท่าอากาศยานกัมพูชา กล่าวว่า เที่ยวบินของสนามบินหลักทั้ง 3 ของกัมพูชาในส่วนทั้งขาไปและขากลับเมืองอู่ฮั่นของจีนถูกระงับ แม้จะยังเร็วไปที่จะเข้าใจผลกระทบของสถานการณ์นี้ แต่ก็คาดเดาได้ว่าจะส่งผลต่อการเดินทางของผู้โดยสาร ทั้งนี้ การระบาดของเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ เกิดขึ้นในฤดูกาลท่องเที่ยวของชาวจีนพอดี โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่จะมีชาวจีนกว่า 7 ล้านคนเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี