วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2563 สำนักข่าว CNN สหรัฐอเมริกา เสนอข่าว “Joaquin Phoenix calls for equality and quotes his brother in Oscar speech” ว่าด้วยควันหลงงานประกาศผลรางวัลออสการ์ครั้งที่ 92 เมื่อวันที่ 9 ก.พ. 2563 ที่ผ่านมาตามเวลาของสหรัฐฯ ซึ่งรางวัลนักแสดงนำชายนั้นเป็นไปตามคาดสำหรับ วาคิน ฟินิกส์ (Joaquin Phoenix) จากภาพยนตร์ “โจ๊กเกอร์ (Joker)” ในบทบาท อาเธอร์ เฟล็กซ์ (Arthur Fleck) ชายผู้มีปัญหาทางจิตแถมยังถูกบีบคั้นจากสังคม จนค่อยๆ เปลี่ยนตัวเองกลายเป็นจอมวายร้ายในคราบตัวตลกสุดสะพรึง
โดยรายงานข่าวระบุว่า เมื่อ ฟินิกส์ ขึ้นรับรางวัลออสการ์ ได้กล่าวถึงปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม ว่าตนกำลังพูดถึงการที่ประเทศใดประเทศหนึ่ง บุคคลคนใดคนหนึ่ง เชื้อชาติใดเชื้อชาติหนึ่ง เพศใดเพศหนึ่ง หรือเผ่าพันธุ์ใดเผ่าพันธุ์หนึ่ง เชื่อว่าตนเองหรือพวกของตนเองมีสิทธิในการควบคุมบงการและแสวงหาประโยชน์จากคนหรือสิ่งอื่นๆ โดยไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ ทั้งนี้ตนหวังว่าทุกๆ คนจะได้รับในสิ่งที่ตนได้รับมาก่อน นั่นคือชีวิตที่ดีขึ้น
ฟินิกส์ ยังกล่าวขอบคุณบรรดาคนที่เคยร่วมงานด้วย ว่าบางครั้งตนก็ทำตัวร้ายๆ และเห็นแก่ตัว ตนจึงรู้สึกซาบซึ้งที่ใครหลายคนมอบโอกาสที่สองในชีวิตให้ ดังนั้นนี่คือสิ่งที่เราทำได้ดีที่สุด เมื่อเราสนับสนุนไม่ใช่ยกเลิกซึ่งกันและกันสำหรับความผิดพลาดในอดีต เมื่อเราช่วยเหลือซึ่งกันและกันให้เติบโต เมื่อเราให้การศึกษาแก่กันและกัน เมื่อเราแนะนำกันถึงการไถ่บาป นั่นคือสิ่งที่ดีที่สุดของมนุษยชาติ ก่อนจะสรุปความด้วยเนื้อเพลงท่อนหนึ่งที่ ริเวอร์ ฟินิกส์ (River Phoenix) พี่ชายของตนที่เสียชีวิตเมื่อตนอายุ 17 ปี ที่ว่า “วิ่งเข้าช่วยด้วยรัก..สันติจักตามมา”
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า ก่อนหน้านี้ ฮีธ เลดเจอร์ (Heath Ledger) ได้รับรางวัลนักแสดงสมทบชายในบทโจ๊กเกอร์จากภาพยนตร์ “แบทแมน อัศวินรัตติกาล (The Dark Knight)” ซึ่งเข้าฉายในปี 2551 แต่ในปี 2552 ที่ประกาศผลรางวัลนั้น นักแสดงหนุ่มผู้นี้ได้เสียชีวิตไปแล้ว และหากย้อนไปในการประกาศผลรางวัลออสการ์ครั้งที่ 78 เมื่อปี 2549 ฟินิกส์และเลดเจอร์มีโอกาสเข้าชิงรางวัลดารานำชายพร้อมกัน แต่ผู้ที่ได้รางวัลนำชายปีนั้นคือ ฟิลิป ซีมัวร์ ฮอฟฟ์แมน (Philip Seymour Hoffman) จากภาพยนตร์ “คาโพที (Capote)”
อนึ่ง ย้อนไปในปี 2515 มาร์ลอน แบรนโด (Marlon Brando) ได้รับรางวัลนักแสดงนำชายจากบท วีโต คอร์เลโอเน (Vito Corleone) จากภาพยนตร์เจ้าพ่อมาเฟียระดับตำนาน “เดอะก็อทฟาเธอร์ (The Godfather)” และในปี 2517 โรเบิร์ต เดอ นีโร (Robert De Niro) ซึ่งเริ่มเป็นนักแสดงดาวรุ่งในขณะนั้น ได้รับรางวัลสมทบชายจากบทเดียวกันใน The Godfather II โดยเป็นเรื่องราวของ วีโต คอร์เลโอเน ในวัยหนุ่ม
ขอบคุณเรื่องจาก : https://edition.cnn.com/2020/02/09/entertainment/joaquin-phoenix-oscar-joker/index.html
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี