แดนสนธยา! สื่อฮ่องกงกระพือ‘ทหารกับธุรกิจ’ ส่อเป็นชนวนเหตุกราดยิง

แดนสนธยา! สื่อฮ่องกงกระพือ‘ทหารกับธุรกิจ’ ส่อเป็นชนวนเหตุกราดยิง

วันพฤหัสบดี ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563, 09.06 น.

แดนสนธยา! สื่อฮ่องกงกระพือ‘ทหารกับธุรกิจ’ ส่อเป็นชนวนเหตุกราดยิง

13 กุมภาพันธ์ 2563 เว็บไซต์ นสพ.South China Morning Post ของฮ่องกง เสนอข่าว “Business dealings by Thai army personnel under scrutiny after mass shooting” ว่าด้วยการทำธุรกิจเป็นอาชีพเสริมของทหารและการที่กองทัพเป็นแดนสนธยาที่คนภายนอกไม่สามารถรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้น อาจเป็นที่มาของเหตุการณ์กราดยิงในพื้นที่ จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมา


คดีนี้ถูกพูดถึงอย่างมากกรณีที่ จ.ส.อ.จักรพันธ์ ถมมา (Jakrapanth Thomma) ผู้ก่อเหตุมีความโกรธแค้นครอบครัวของผู้บังคับบัญชาในประเด็นการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ สืบเนื่องจากก่อนเกิดเหตุ จ.ส.อ.จักรพันธ์ ได้ไปเจรจากับนายทหารระดับสูงและแม่ยายของนายทหารคนดังกล่าวก่อนจะจบลงด้วยการใช้อาวุธปืนยิงทั้ง 2 เสียชีวิต จากนั้นจึงลุกลามกลายเป็นเหตุสังหารหมู่ตั้งแต่ในวัดไปจนถึงศูนย์การค้า กระทั่งผู้ก่อเหตุถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจวิสามัญฆาตกรรมในท้ายที่สุด

นอกจากนี้ผู้ก่อเหตุยังโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว ระบุว่า “พวกเขาจะนำเงินไปใช้จ่ายในนรกได้หรือ (Do they think they can take money to spend in hell?)” ทั้งหมดนี้นำไปสู่การตั้งคำถามถึงกรณีบุคลากรในกองทัพเข้าไปมีบทบาทด้านธุรกิจ

พอล แชมเบอร์ (Paul Chambers) นักวิชาการด้านการเมืองจากมหาวิทยาลัยนเรศวร กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติที่นายทหารระดับสูงจะมีบทบาทในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทของไทย เจ้าหน้าที่หลายคนมักหารายได้เสริมนอกจากเงินเดือนอันน้อยนิดของพวกเขาด้วยการใช้อำนาจในฐานะทหาร

รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า จากเหตุสะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นซึ่งผู้ก่อเหตุเป็นบุคลากรในกองทัพ ทำให้ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ (Apirat Kongsompong) ผู้บัญชาการทหารบก แถลงข่าวขอโทษประชาชน พร้อมกับยอมรับว่า จ.ส.อ.จักรพันธ์ ก่อเหตุเพราะมีแรงจูงใจจากการถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมโดยผู้บังคับบัญชาและครอบครัว รวมถึงการแสวงหาผลประโยชน์ต่างๆ จากระบบสวัสดิการของกองทัพ โดยหลังจากนี้จะตั้งสายด่วนรับเรื่องร้องเรียนในเรื่องนี้ รวมถึงจัดการกับนายทหารตั้งแต่ระดับนายพันถึงนายพลที่เกี่ยวข้องภายใน 3 เดือน

สำหรับข้อตกลงการซื้อ-ขายอสังหาริมทรัพย์ของ จ.ส.อ.จักรพันธ์ ยังไม่ชัดเจน เรื่องราวที่ปรากฏในสื่อระบุว่า เขามีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อบ้านจากแม่ยายของ พ.อ.อนันต์ฐโรจน์ กระแส (Anantharot Krasae) ผู้บังคับบัญชาของเขา และติดตามทวงเงิน 1,600 เหรียญสหรัฐ หรือราว 5 หมื่นบาท แต่ครอบครัวของผู้บังคับบัญชาบอกว่าได้ให้เงินกับนายหน้าไปแล้วแต่ จ.ส.อ.จักรพันธ์ ยังไม่ได้รับ ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าวรอยเตอร์ พยายามขอสอบถามครอบครัวของนายทหารผู้นี้ แต่ยังไม่สามารถติดต่อได้

อย่างไรก็ตาม นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ (Atchariya Ruangrattanapong) ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เชื่อว่าจำนวนเงินที่มีปัญหาน่าจะมากถึง 12,000 เหรียญสหรัฐ หรือ 375,000 บาท นอกจากนี้ยังได้รับเรื่องร้องเรียนจากทหารอีกหลายนายว่ามีปัญหาคล้ายกับกรณีของ จ.ส.อ.จักรพันธ์ ขณะที่ พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ (Kongcheep Tantrawanit) โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ได้รับรายงานเรื่องเจ้าหน้าที่หากำไรจากข้อเสนอพิเศษ แต่ก็ย้ำว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาเฉพาะ

ถึงกระนั้น กองทัพก็เป็นหน่วยงานที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องความโปร่งใสมากกว่าหน่วยงานอื่นๆ จึงง่ายที่จะเกิดการเอารัดเอาเปรียบขึ้นซึ่ง รศ.ดร.อนุสรณ์ อุณโณ (Anusorn Unno) อาจารย์สาขามานุษยวิทยา คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้ความเห็นว่า กองทัพเปรียบเสมือนแดนสนธยา หากไม่มีการอนุญาตให้ตรวจสอบโดยหน่วยงานภายนอก กองทัพก็จะยังคงมีความเสี่ยงในการดำเนินการอย่างน่าสงสัยต่อไป

ที่มา : https://www.scmp.com/print/news/asia/southeast-asia/article/3050335/business-dealings-thai-army-personnel-under-scrutiny-after

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top