แรงงานเวียดนามในเกาหลีใต้ ขอไม่กลับบ้านแม้ต้องเผชิญ‘โควิด-19’
6 มีนาคม 2563 สำนักข่าว VnExpress ของเวียดนาม เสนอข่าว “Vietnamese workers choose to stay put in coronavirus-hit South Korea” ระบุว่า แม้เกาหลีใต้จะมีการระบาดของเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 อย่างรุนแรง แต่ชาวเวียดนามที่ไปทำงานในแดนกิมจิจำนวนไม่น้อยตัดสินใจไม่เดินทางกลับบ้านเกิด อาทิ กว็อก อานห์ (Quoc Anh) ที่เคยทำงานในโรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ กระทั่งเมื่อครึ่งเดือนก่อนโรคระบาดทำให้โรงงานปิดตัวลงและคนงานถูกเลิกจ้างโดยไม่ได้รับค่าชดเชย
โดยปัจจุบันตนยังพักอาศัยในห้องเล็กๆ ใกล้กับโรงงานดังกล่าว และจะออกไปหาซื้อสินค้าที่จำเป็นในตลาดสัปดาห์ละครั้งแล้วรีบกลับที่พักอย่างรวดเร็วเพราะต้องระมัดระวังไม่ให้ติดเชื้อ และแม้ว่าทางบ้านจะขอให้เดินทางกลับแต่ตนก็ปฏิเสธไป ซึ่งตลอด 3 ปีที่ตนมาทำงานในเมืองแดกู (Daegu) เงินเดือนส่วนใหญ่ถูกส่งกลับไปเลี้ยงพ่อแม่และภรรยาที่เวียดนาม แต่ทุกวันนี้เมื่อตกงานก็ต้องหยิบยืมเงินจากเพื่อนๆ ประทังชีวิตไปก่อน
“ผมไม่กลับบ้านเพราะตัดสินใจมาที่นี่เพื่อทำงานยกระดับฐานะทางเศรษฐกิจของครอบครัวที่บ้านเกิดให้ดีขึ้น โรคนี้น่ากลัวก็จริงแต่เราไม่ควรตื่นตระหนก มันจำเป็นต้องรู้วิธีที่จะอยู่ให้ได้อย่างปลอดภัย ชีวิตในเมืองแดกูเป็นเรื่องปกติที่จะมีเรื่องโกลาหลเล็กๆ น้อยๆ ร้านค้าและซูเปอร์มาร์เก็ตยังคงเปิดให้บริการแม้ลูกค้าจะลดลง ราคาสินค้าทั่วไปไม่ผันผวนมากนัก เว้นก็แต่หน้ากากอนามัยที่ขาดแคลน” อานห์ ระบุ
หนุ่มเวียดนามรายนี้ เล่าต่อไปว่า ทุกๆ วันตนจะได้รับข้อความแนะนำจากหน่วยงานสาธารณสุขท้องถิ่นถึงขั้นตอนการระมัดระวังไม่ให้ติดเชื้อ โดยหลังจากเกิดโรคระบาดตนก็ไมได้ไปร่วมพิธีทางศาสนาที่โบสถ์อีก รวมถึงเมื่อต้องออกจากบ้านจะต้องสวมหน้ากากทุกครั้งและพยายามหลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีผู้คนแออัด ทั้งนี้ แดกูเป็นเมืองใหญ่อันดับ 4 ในเกาหลีใต้ มีประชากร 2.5 ล้านคน การระบาดของโควิด-19 ทำให้โรงเรียนถูกสั่งปิด ห้างสรรพสินค้าแทบร้าง และงานกิจกรรมต่างๆ ในพื้นที่สาธารณะถูกยกเลิก
ขณะที่ ทราน ซู (Tran Xu) ชายชาวเวียดนามอีกรายที่ทำงานในเกาหลีใต้มา 9 ปี เล่าว่า โรงงานที่ตนทำงานอยู่ยังเปิดทำการ โดยเพื่อนร่วมงานชาวเกาหลีใต้มักจะบอกว่าพวกเขากลัวความอดอยากมากกว่าความตายจากโรคระบาดเสียอีก ส่วนตนเองนั้นได้ตุนเสบียงประกอบด้วยข้าวสาร 20 กก. เนื้อหมู 8 กก. เป็ด 4 ตัวและกะหล่ำปลี 3 หัว ทั้งหมดเพียงพอในการอยู่อาศัยโดยไม่ต้องออกจากที่พักเป็นเวลา 1 เดือน พร้อมกับย้ำว่าตนยังอายุน้อย ดังนั้นจึงต้องการอยู่ที่นี่และท้าทายกับช่วงเวลาอันยากลำบากในชีวิต เพื่อรอให้การระบาดของโรคสิ้นสุดลง
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า ข้อมูลจากกระทรวงการต่างประเทศของเวียดนาม ระบุมีแรงงานชาวเวียดนามอยู่ในเกาหลีใต้ประมาณ 2 แสนคน ในจำนวนนี้ 8,285 คนอยู่ในเมืองแดกู และ 18,502 คนในจังหวัดกย็องซังเหนือ (North Gyeongsang) ขณะเดียวกันมีรายงานว่าชาวเวียดนามนับพันคนทยอยเดินทางกลับประเทศและต้องถูกกักตัวในสถานที่ที่รัฐจัดไว้ เช่น ที่กรุงฮานอย ไซง่อนและดานัง ในจำนวนนี้มีชาวเวียดนามที่ไปศึกษาต่อในเกาหลีใต้ด้วย
แต่ก็เช่นเดียวกับแรงงาน มีนักศึกษาชาวเวียดนามที่ตัดสินใจไม่กลับบ้านเช่นกัน เหงียน นังห์ (Nguyen Nhung) หญิงชาวเวียดนามวัย 21 ปี กำลังศึกษาในมหาวิทยาลัยแดกู พร้อมๆ กับทำงานในร้านขายอาหารสำหรับคนขับรถบัส กล่าวว่า หลังทราบข่าวผู้ติดเชื้อในเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นตนก็ออกจากบ้านและหลบอยู่แต่ในที่พัก ดำรงชีพด้วยการสั่งอาหารทางออนไลน์และให้ผู้จัดส่งวางไว้ที่นอกประตู พร้อมกับหลีกเลี่ยงการพบปะกับเพื่อนๆ ชาวเกาหลีใต้ โดยตนหวังว่าในช่วงปลายเดือน มี.ค. 2563 จะได้กลับไปเรียนอีกครั้ง
คิว ตรัง (Kieu Trang) หญิงชาวเวียดนามวัย 30 ปี ที่แต่งงานกับชายชาวเกาหลีใต้และมีลูกด้วยกัน 2 คน เล่าว่า ครอบครัวของตนที่เวียดนามขอให้ตนเองกลับบ้านอยู่หลายครั้ง แต่ตนปฏิเสธด้วยเหตุผลว่ากลัวจะติดเชื้อที่สนามบินและเมื่อกลับไปเวียดนามก็เผชิญแรงกดดันให้ต้องป้องกันตนเองไม่ให้แพร่เชื้อไปสู่ญาติและคนอื่นๆ โดยปัจจุบันตนยังไปทำงานในบริษัทใกล้บ้าน
ส่วนลูกชายวัย 8 ขวบที่ควรจะเข้าเรียนชั้น ป.1 ก็ต้องเลื่อนไปก่อนเพราะโรงเรียนปิดทำการ ขณะที่สามีซึ่งประกอบอาชีพอิสระรับหน้าที่ดูแลลูกๆ ในระหว่างต้องหยุดงานเพื่อลดความเสี่ยงติดเชื้อ ทั้งนี้ตนเห็นว่าหนทางการมีชีวิตรอดในพื้นที่ศูนย์กลางการระบาดของโรคคือลดการออกไปนอกบ้านหรือที่ที่มีผู้คนแออัด หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ต้องสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง รักษาสุขอนามัย กินและทำใจให้สบาย
เหงียน ทิ โทน (Nguyen Thi Toan) ผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์ครอบครัวนานาชาติในเมืองแดกู กล่าวว่า ตั้งแต่มีการระบาดของโรคโควิด-19 มีหญิงชาวเวียดนามที่แต่งงานกับชายชาวเกาหลีใต้หลายรายมาขอคำแนะนำในการใช้ชีวิตในสถานการณ์นี้ และพวกเขาจำนวนไม่น้อยไม่ต้องการกลับบ้านที่เวียดนามเพื่อหลีกเลี่ยงการระบาดของโรค ขณะเดียวกันทางการเกาหลีใต้กำลังพยายามอย่างดีที่สุดในการควบคุมโรค ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับความตระหนักของแต่ละคนในการป้องกัน ตนเห็นว่าไม่ควรกังวลจนเกินไปและควรดูแลตนเอง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี