เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2563 เว็บไซต์ นสพ.South China Morning Post ของฮ่องกง เผยแพร่บทความ “In the protracted coronavirus fight, lockdown fatigue is the most serious market threat” ว่าด้วยการที่หลายประเทศเลือกใช้มาตรการ “ล็อกดาวน์ (Lockdown)” ปิดบ้าน-ปิดเมืองเพื่อสกัดการระบาดของไวรัสโควิด-19 แล้วพบว่าไม่อาจใช้ได้นาน เพราะจะยิ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมอย่างรุนแรง
อาทิ ในสเปน ที่ให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้าน กลุ่มผู้ประกอบการได้เตือนว่าการล็อกดาวน์ซึ่งเป็นมาตรการที่ไม่เคยใช้มาก่อน สุ่มเสี่ยงที่ธุรกิจและงานจะถูกทำลายครั้งใหญ่และสุดท้ายจะนำไปสู่วิกฤติของสังคม ในอิตาลี ซึ่งใช้มาตรการแบบเดียวกันกับสเปน และเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 สูงที่สุดในโลก นำไปสู่ความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ที่ประชาชนจำนวนมากเป็นแรงงานนอกระบบและเข้าไม่ถึงสวัสดิการ
แม้กระทั่งในสหรัฐอเมริกา โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ผู้ต้องจำใจประกาศมาตรการระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ก็ยังคาดหวังว่าจะทำให้ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติได้ภายในเทศกาลอีสเตอร์ (ราวเกลางเดือนเมษายน) ทั้งนี้การปิดตัวทำให้เศรษฐกิจโลกทรุดหนัก การคำนวณของ JP Morgan สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ พบว่าวิกฤติครั้งนี้ผลผลิตจะหดตัวร้อยละ 2.6 เท่ากับว่าเศรษฐกิจโลกในปี 2563 เป็นปีที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 (ปี 2484-2488)
การสำรวจของ IHS Markit บริษัทด้านข้อมูลข่าวสารสัญชาติอังกฤษ นับตั้งแต่กลางเดือน มี.ค. 2563 ที่บรรดาประเทศชั้นนำใช้มาตรการควบคุมการค้าและการท่องเที่ยว กิจกรรมทางเศรษฐกิจก็ทรุดลงอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่ตลาดการเงินนั้นได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง และขยายผลจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ แม้จะได้รับการสนับสนุนด้านการเงิน-การคลังจากธนาคารกลางและรัฐบาลประเทศชั้นนำทั่วโลก ดัชนีหุ้นทั่วโลกดิ่งเหวนับตั้งแต่วิกฤติทางการเงินเมื่อปี 2551 อาทิ S&P 500 ร่วงลงร้อยละ 26.7 ในเวลาเพียง 16 วัน และราคาน้ำมันลดต่ำที่สุดในรอบ 18 ปี
บทความกล่าวต่อไปว่า ไวรัสโควิด-19 ได้ทำให้รัฐบาลประเทศต่างๆ เผชิญความตึงเครียดระหว่างการรับมือเหตุฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ กับแรงกดดันว่ามาตรการปิดต่างๆ นั้นจะไม่ทำให้เศรษฐกิจเข้าสู่ถาวะถกถอยแบบยืดเยื้อ หากรัฐบาลเปิดเศรษฐกิจของประเทศเร็วเกินไปสุ่มเสี่ยงต่อการระบาดของโรค แต่การปิดอย่างยาวนานก็ยิ่งขยายความเสียหายด้านเศรษฐกิจให้รุนแรงขึ้น ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับวิถีของไวรัส ซึ่งสหรัฐฯ และยุโรปกลายเป็นศูนย์กลางการระบาด เป็นแหล่งที่นักลงทุนกังวล การเปิดหรือปิดที่ไม่ดีจะทำให้วิกฤติยิ่งลงลึก
ความกังวลเรื่องความเฉื่อยชาทางเศรษฐกิจรุนแรงพอๆ กับความกลัวโรคระบาด มันไม่ใช่เรื่องไร้เหตุผลที่จะตั้งคำถามว่าเศรษฐกิจจะถูกปิดได้อีกนานเท่าไรโดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายและทำให้ความตึงเครียดทางการเงินรุนแรงขึ้น ADM Investor Services International บริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำของอังกฤษ ออกรายงานให้ความเห็นว่า ตลาดจะไม่มีทางไว้วางใจจนกว่าการระบาดของไวรัสโควิด-19 จะชัดเจน และมาตรการปิดทั้งหลายจะถูกยกเลิกอย่างสมบูรณ์ ถึงกระนั้นก็ยังไม่ชัดเจนว่าความผันผวนในตลาดหุ้นเกิดจากความกังวลด้านโรคระบาดหรือต้นทุนทางเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนขณะนี้ไม่กล้าใช้เงินเนื่องจากยังมีสถานการณ์โรคระบาด ในขณะที่ยังมีความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับขนาดและความรุนแรงของภาวะเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการเสื่อมถอยอย่างรวดเร็วในตลาดแรงงานของสหรัฐฯ และอังกฤษ อนึ่ง ผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่เชื่อว่าการปิดกั้นการเข้มงวดเป็นมาตรการจำเป็นหากต้องการเอาชนะการระบาดของไวรัสโควิด-19 ให้ได้
ยังมีปัญหาอื่นๆ ในกรณีที่ยังไม่มีวัคซีน เช่น การตรวจคัดกรองให้ได้มากที่สุดและขีดความสามารถด้านสาธารณสุขที่เพียงพอ ซึ่งเป็นปัญหาของอังกฤษที่บุคลากรขาดอุปกรณ์ป้องกัน แต่เมื่อพิจาณาปัจจัยทั้งตลาดที่อ่อนแอและความไม่ชัดเจนในประสิทธิภาพของมาตรการปิดต่างๆ ทั้งหลาย ความเหนื่อยล้าจะกลายเป็นความกดดันในกรณีที่ไม่มีสัญญาณว่าการระบาดครั้งใหญ่กำลังถูกควบคุม
บทความทิ้งท้ายว่า ในขณะที่ความสนใจส่วนใหญ่พุ่งไปที่จีนซึ่งพยายามจะกลับมาเดินเครื่องเศรษฐกิจอีกครั้ง แต่สิ่งที่น่าจับตามองคืออิตาลีที่มีสถิติผู้ติดเชื้อสูงที่สุดหากไม่นับจีน เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อลดลงจึงเป็นไปได้ที่มาตรการปิดบ้าน-ปิดเมือง จะยังคงบังคับใช้ต่อไปอีกหลายสัปดาห์หรือนานกว่านั้น ทั้งนี้หากอิตาลีสามารถทำให้กราฟจำนวนผู้ติดเชื้อหันหัวลงได้ ประเทศอื่นๆ ในยุโรปก็จะเชื่อมั่นในมาตรการล็อกดาวน์ หาไม่แล้วไม่ใช่แต่ชาวอิตาลี แต่ตลาดทั้งหมดจะสูญเสียความเชื่อมั่นในการต่อสู้กับไวรัสโควิด-19 ในที่สุด
ขอบคุณเรื่องจาก : https://www.scmp.com/print/comment/opinion/article/3078076/protracted-coronavirus-fight-lockdown-fatigue-most-serious-market
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี