เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2563 เว็บไซต์ นสพ.The New York Times สหรัฐอเมริกา เสนอรายงานพิเศษ “Will We Die Hungry? A Teeming Manila Slum Chafes Under Lockdown” (หรือ “In a Manila Slum, Coronavirus Lockdown Hits Hard”) ว่าด้วยความยากลำบากของประชาชนระดับล่างที่อาศัยอยู่ในเขตชุมชนแออัดของประเทศฟิลิปปินส์ หลังรัฐบาลภายใต้การนำของประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตอเต (Rodrigo Duterte) ใช้มาตรการล็อกดาวน์ (Lockdown) ปิดเมืองและให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้านเพื่อสกัดการระบาดของไวรัสโควิด-19 บนเกาะลูซอน
ซาน โรเก (San Roque) เป็นชื่อเรียกชุมชนแออัดขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในเขตชานเมืองทางเหนือของเมืองเกซอน จังหวัดปริมณฑลที่อยู่ติดกับกรุงมะนิลา มีบ้านเรือนประมาณ 6,000 หลังคาเรือน ประชากรราว 35,000 คน ที่นี่มีสารพัดปัญหาไม่ว่าจะเป็นการขาดแคลนอาหาร อาชญากรรมเล็กๆ น้อยๆ ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ตลอดจนสุขอนามัยที่ไม่ดี ปัญหาสุขภาพกับชุมชนแห่งนี้จึงเป็นของคู่กันก่อนที่ไวรัสโควิด-19 จะมาเยือน
แต่เดิม ซาน โรเก ถูกระบุว่าเป็นถิ่นที่อยู่ของคนยากจนอยู่แล้ว การล็อกดาวน์เกาะลูซอนยิ่งทำให้คนที่นี่ยากจนลงไปอีก ซ้ำร้ายยังไม่สามารถทำให้มาตรการรักษาระยะห่างทางสังคม ((Social Distancing) ใช้ได้จริง เด็กๆ ที่มีน้ำมูกไหล ยังวิ่งเล่นกับเพื่อนๆ ในตรอกซอกซอยที่ดูเหมือนเขาวงกตในชุมชนแห่งนี้ ในยามปกติ ผู้คนที่ซาน โรเก ออกไปทำงานเป็นแรงงานก่อสร้างในเขตอื่นๆ กระทั่งการล็อกดาวน์ได้ตัดโอกาสดังกล่าวลง
ซูซานนา บัลโดซา (Susana Baldoza) หญิงวัย 59 ปี เรียกสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เป็นเหมือนฝันร้าย ตนรู้ดีว่าไวรัสโควิด-19 เป็นอันตราย แต่หลายคนอาจจะตายเพราะความหิวโหยเสียก่อน เพราะความช่วยเหลือของรัฐบาลมาอย่างล่าช้า ขณะนี้มีเพียงเพื่อนบ้านต่างช่วยเหลือกันเอง และคนในชุมชนพยายามหาอาหารมาแบ่งปันให้กับผู้อยู่อาศัยที่ยากจนที่สุด ที่น่าสนใจคือยังไม่มีผลการตรวจยืนยันการติดเชื้อโควิด-19 ที่ซาน โรเก แต่ตนเชื่อว่าน่าจะมีคนในชุมชนที่ติดเชื้อแล้ว
บัลโดซา เล่าต่อไปว่า ตนรับอาสาเป็นแม่ครัวทำอาหารเลี้ยงผู้คนในชุมชนซาน โรเก โดยได้รับวัตถุดิบมาจากโบสถ์คริสต์นิกายโรมันคาทอลิก รวมถึงเครือข่ายภาคประชาสังคมที่ต้องการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ในยามวิกฤติ เนื่องจากคนที่นี่ยากจนมาก ไม่มีเงินมากพอจะไปซื้อของในซูเปอร์มาร์เก็ต รัฐบาลก็ไม่ช่วยเหลือ ในสถานการณ์ที่คนในนี้ไม่สามารถออกไปทำงานได้ มีเพียงการบริจาคจากผู้คนภายนอกเท่านั้น
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า ความอดอยากยากจนได้นำไปสู่ความรุนแรง เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2563 ชาวชุมชนซาน โรเก หลายสิบคน รวมตัวกันบนถนนเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือพวกตนด้วย มีการปะทะกับตำรวจจนมีผู้ถูกจับกุมไป 21 คน ซึ่ง ปธน.ดูเตอเต ยังคงประกาศว่าจะไม่ยอมผ่อนปรนให้กับผู้ท้าทายอำนาจรัฐ พร้อมกับบอกอีกว่าถ้ามีความพยายามทำร้ายเจ้าหน้าที่ก็ให้ยิงทิ้งพวกก่อความวุ่นวายได้เลย ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ณ วันที่ 15 เม.ย. 2563 อยู่ที่ 5,453 คน และเสียชีวิต 349 ราย
บรรดาผู้นำในชุมชนของซาน โรเก พยายามเตือนไม่ให้ชาวชุมชนถ่มน้ำลาย ชาวชุมชนบางคนเริ่มหาหน้ากากอนามัยมาสวมใส่ แต่ส่วนใหญ่ไม่สวมด้วยเหตุผลว่าร้อนอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก และอีกหลายคนบอกว่าขอใช้เงินเล็กๆ น้อยๆ ไปกับค่าอาหารดีกว่า ยูมิ คาสติลโล (Yumi Castillo) อาสาสมัครช่วยเหลือสังคมขององค์กร Kadamay กล่าวว่า เป็นเรื่องยากที่จะอธิบายแนวคิดการเว้นระยะห่างทางสังคมกับผู้คนที่อยู่อาศัยในพื้นที่แออัด อีกทั้งในชุมชนยังไม่มีบริการด้านสาธารณสุข
อนาลิน มิคุน็อก (Analyn Mikunog) หญิงวัย 28 ปี เพื่อนบ้านของบัลโดซา กล่าวว่า แฟนหนุ่มของตนเป็นคนงานก่อสร้าง แต่งานล่าสุดที่เพิ่งได้รับการจ้างต้องหยุดลงเมื่อรัฐบาลใช้มาตรการล็อกดาวน์ เมื่อมองไปยังเด็กๆ 4 คนในครอบครัว ตนพยายามนึกให้ออกว่าจะอยู่รอดได้อย่างไร บางคนก็พูดคุยกับคนอื่นๆ ว่าการล็อกดาวน์จะดำเนินไปอีกนานแค่ไหน และจะอดตายหรือไม่
รายงานข่าวยังกล่าวอีกว่า ปธน.ดูเตอเต กล่าวหากลุ่ม Kadamay ว่าเป็นผู้ยุยงปลุกปั่นให้คนยากจนก่อความรุนแรง แม้กระทั่งคณะนักบวชที่เข้ามาช่วยเหลือคนในชุมชนก็ถูกกล่าวหาเช่นกันว่ามีองค์กรของพวกฝ่ายซ้ายอยู่เบื้องหลังเพื่อปลุกระดมคนให้ต่อต้านรัฐบาล เกิดความตึงเครียดระหว่างตำรวจปราบจลาจลและผู้ที่เข้ามาแจกจ่ายอาหาร แต่หลังการเจรจา ผู้บังคับหน่วยตำรวจนั้นก็ยอมให้แจกจ่ายอาหารได้แต่เสร็จแล้วต้องรีบแยกย้ายทันทีเพื่อรักษาระยะห่างทางสังคม
คิง การ์เซีย (King Garcia) บาทหลวงวัย 39 ปี กล่าวว่า พวกตนมาที่ชุมชนเพื่อช่วยเหลือชาวบ้านเท่านั้น เพราะรัฐบาลทิ้งคนเหล่านี้ไว้ที่ชายขอบในเวลาที่พวกเขาต้องการความช่วยเหลือมากที่สุด คนเหล่านี้ถ้าไม่ตายเพราะโรคระบาดก็คงตายเพราะความหิวโหย
ขอบคุณเรื่องจาก : https://www.nytimes.com/2020/04/15/world/asia/manila-coronavirus-lockdown-slum.html
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี