เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2563 เว็บไซต์ นสพ.South China Moring Post ของฮ่องกง เสนอข่าว "In Bangkok, street food and takeaway alcohol are back on the menu but nightlife stays on ice" ระบุว่า แม้ปัจจุบันประเทศไทยจะเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ (Lockdown) หลังจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ลดลงเหลือจำนวนน้อยตลอดหลายวันที่ผ่านมา โดยให้ร้านตัดผม-เสริมสวย และร้านอาหารกลับมาเปิดทำการ รวมถึงให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ในลักษณะนำกลับไปดื่มที่บ้าน แต่จุดขายหนึ่งของไทยอย่าง "แสงสียามราตรี (Nightlife)" ยังต้องรอไปก่อน
ย้อนไปเมื่อปี 2562 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาของไทย เสนอให้ขยายเวลาเปิดสถานบันเทิงยามค่ำคืน จากเดิม 01.00 น.ไปเป็นเวลา 04.00 น.โดยหวังว่าจะดึงดูดเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นร้อยละ 25 แต่แล้วเมื่อเกิดเหตุการณ์ระบาดใหญ่ของไวรัสโควิด-19 เมื่อต้นเดือน มี.ค.2563 ซึ่งถูกระบุว่ามาจากสถานบันเทิงย่านทองหล่อ กรุงเทพฯ สถานบันเทิงต่างๆ ที่เคยสร้างเศรษฐกิจชาติผ่านรายได้ที่ส่งเข้ารัฐในนามภาษี อีกทั้งยังสร้างงานให้กับคนนับล้านคนจึงถูกสั่งปิด ตามด้วยการออกข้อห้ามออกจากเคหสถาน หรือเคอร์ฟิว ตั้งแต่เวลา 22.00 - 04.00 น.
Panisara Palas ผู้บริหาร Cafe Amber ย่าน ถ.สุขุมวิท กรุงเทพฯ เล่าว่า ก่อนหน้านี้ร้านของตนเป็นทินิยมของนักท่องเที่ยว แต่ปัจจุบันตนไม่สามารถจ่ายค่าเช่าสถานที่ได้ และแม้จะขอเจรจาให้จ่ายเป็นส่วนแบ่งรายได้ร้อยละ 40 แต่ก็ถูกปฏิเสธ และตนก็ไม่กล้าขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบบให้ซื้อกลับบ้าน เพราะไม่อยากมีความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้นในกรณีที่ซื้อสินค้ามาตุนแล้วรัฐบาลมีประกาศห้ามขายอีกครั้ง
เช่นเดียวกับ Pongphan Suepsangthai บาร์เทนเดอร์ที่ทำงานมานานถึง 22 ปี ที่กล่าวว่า บาร์เทนเดอร์ราว 10,000 คน ทั่วประเทศไทยคงไม่มีงานทำไปอีกนาน โดยบาร์เล็กๆ แห่งหนึ่งจะจ้างบาร์เทนเดอร์ไว้อย่างน้อย 5 คน หากเป็นโรงแรมจะมีประมาณ 40 คน หมุนเวียนทำงานเป็นกะ หากอนุญาตให้ร้านอาหารที่กลับมาเปิดอีกครั้งสามารถเสิร์ฟเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านได้ จะทำให้ร้อยละ 40 ของบาร์เทนเดอร์มีงานทำ อีกทั้งการดื่มในสถานที่ซึ่งผู้ใช้บริการต้องแสดงตัวตนตามมาตรการระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) จะควบคุมการระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Khunpreeyapron Thongsiripongpuk ผู้จัดการสถานบันเทิงแห่งหนึ่งบนถนนข้าวสาร หมุดหมายสำคัญในกรุงเทพฯ ของนักท่องเที่ยวประเภทสะพายเป้ (Backpackers) เล่าว่า นักดนตรีบางคนหันไปรับจ้างส่งสินค้าเพื่อหารายได้ แต่ร้านของตนไม่มีห้องครัวจึงไม่สามารถขายอาหารแบบจัดส่งได้ ไม่ต่างจาก Parkin Wattanavekin ดีเจรับเปิดเพลงตามสถานบันเทิง งานแต่งงานและงานเลี้ยงสังสรรค์ต่างๆ ที่บอกว่า ดีเจคงไม่มีงานทำไปราว 1-2 ปีจนกว่าจะมีวัคซีน ซ้ำร้ายยังไม่อยู่ในฐานข้อมูลอาชีพที่ได้รับการเยียวยาจากมาตรการของรัฐ
"เราไม่ได้ของานที่เคยทำคืน เรารู้ว่าเราเป็นคนส่วนน้อย หากเราทำงานและทำให้คนอื่นเสี่ยงชีวิตมันก็ไม่คุ้ม แต่เราอยากถามว่ารัฐบาลจะทำอะไรเพื่อช่วยเหลือเราบ้าง?" Parkin กล่าว
ขอบคุณเรื่องจาก : https://www.scmp.com/print/week-asia/economics/article/3082984/bangkok-street-food-and-takeaway-alcohol-are-back-menu
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี