บราซิลตายพุ่ง
วันเดียวเฉียด1,200ราย
ยอดรวมทะลุ2หมื่นคน
ติดเชื้อใกล้แซงรัสเซีย
อินเดียป่วยรายวัน6พัน
ทรัมป์ยันไม่ปิดประเทศ
ผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกมากกว่า 5.2 ล้านคน เสียชีวิตเกือบ 335,000 คน บราซิลวิกฤติผู้เสียชีวิตรายวัน ทำสถิติใหม่สูงสุดถึง1,188 คน ส่งผลตัวเลขผู้เสียชีวิตทั่วประเทศทะลุ 20,082 คน ขยับขึ้นประเทศที่ 6 ของโลก ส่วนผู้ติดเชื้อขยับใกล้แซงรัสเซียแล้ว ขณะที่อินเดียยังวิกฤติเช่นกัน ยอดผู้ติดเชื้อรายวันพุ่งทะลุ 6 พันราย
รายงานสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลก ประจำวันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม จากเว็บไซต์มหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ ของสหรัฐ ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 แล้ว 5,212,172 คนส่วนยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 334,915 คน
วันนี้มีการเปลี่ยนแปลงสำคัญ เกี่ยวกับประเทศที่มียอดผู้เสียชีวิตโควิด19 สูงสุดในโลก โดยบราซิล มียอดผู้เสียชีวิตล่าสุดเกินระดับ 20,000 คนแล้วเป็นประเทศที่ 6 ของโลก ในขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อสะสมในบราซิล มากกว่า 310,000 คน เป็นอันดับ 3 ของโลก
โดย 6 ประเทศแรกที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุดในโลก และเกินระดับ 20,000 คน มีดังนี้คือ อันดับ 1 สหรัฐ 94,702 คน อันดับ 2 อังกฤษ 36,124 คน อันดับ 3 อิตาลี 32,486 คน อันดับ 4 ฝรั่งเศส 28,218 คน อันดับ 5 สเปน 27,940 คน อันดับ 6 บราซิล 20,047 คน
ส่วนประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมสูงที่สุดในโลก และเกิน 100,000 คน มี 12 ประเทศดังนี้คือ อันดับ 1 สหรัฐ 1,577,147 คน อันดับ 2 รัสเซีย 317,554 คน อันดับ 3 บราซิล 310,087 คน อันดับ 4 อังกฤษ 252,246 คน อันดับ 5 สเปน 233,027 คน อันดับ 6 อิตาลี 228,006 คน อันดับ7 ฝรั่งเศส 151,951 คน อันดับ 8 เยอรมนี 179,021 คน อันดับ 9 ตุรกี 153,548 คน อันดับ10 อิหร่าน 129,341 คน อันดับ 11 อินเดีย 118,226 คน อันดับ 12 เปรู 108,769 คน
บราซิลทุบสถิติเสียชีวิตรายวันมากที่สุด
ทั้งนี้ บราซิลทำสถิติผู้เสียชีวิตรายวันจากโควิด-19 สูงที่สุดในวันพฤหัสบดี อยู่ที่ 1,188 คน ทำให้ผู้เสียชีวิตทั่วประเทศพุ่งเกิน 20,000 คนไปเรียบร้อย และผู้ติดเชื้อก็เพิ่มเป็น 310,087 คน หลังผู้ติดเชื้อเพิ่มอีกวันเดียวมากกว่า 18,500 คน จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งตัวเลขที่แท้จริงน่าจะสูงกว่านี้ เพราะบราซิลไม่ได้ทำการตรวจหาเชื้อในวงกว้าง ขณะเดียวกัน ผู้ติดเชื้อไวรัสในบราซิลก็มีแนวโน้มว่าจะแซงรัสเซียขึ้นเป็นประเทศศูนย์กลางการระบาด อันดับ 2 รองจากสหรัฐแล้ว เนื่องจากตัวเลขผู้ติดเชื้อห่างจากรัสเซียไม่กี่พันคนเท่านั้น ซึ่งรัสเซียมีผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 317,554 คน
ประธานาธิบดี ชาอีร์ โบลโซนาโร ของบราซิล ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างหนักกรณีการจัดการกับการระบาดของไวรัสอย่างไร้ประสิทธิภาพ ซึ่งกำลังทำลายเศรษฐกิจของบราซิล และเป็นภัยคุกคามต่อความหวังในการลงเลือกตั้งอีกสมัยของเขาด้วย เขาคัดค้านมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมชนิดหัวชนฝา และยังเดินหน้าให้ใช้ยาคลอโรควีน เป็นยารักษาโควิด-19 แม้ว่าบรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข ออกมาเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงของการใช้ยาต้านมาลาเรียชนิดนี้
ความสัมพันธ์ของประธานาธิบดีโบลโซนาโร และบรรดาผู้ว่าการรัฐและนายกเทศมนตรี ตึงเครียดมากขึ้น เนื่องจากนายโบลโซนาโร ไม่พอใจมาตรการล็อคดาวน์ของรัฐต่าง ๆ เพื่อชะลอการระบาดของไวรัส และแย้งว่า การเดินหน้าเปิดเศรษฐกิจเป็นสิ่งสำคัญมากกว่า อย่างไรก็ตาม เขาบอกว่า จะอนุมัติโครงการเยียวยาจากงบประมาณส่วนกลางให้แก่รัฐและเมืองต่าง ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัส เป็นเงิน 10,720 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 340,000 ล้านบาท ในวันพฤหัสบดีหรือวันศุกร์นี้ตามเวลาท้องถิ่น แต่เรียกร้องให้บรรดาผู้ว่าการรัฐสนับสนุนเพิ่มรายจ่ายภาครัฐให้มากขึ้น
ทรัมป์สั่งลดธงไว้อาลัยผู้เสียชีวิต
ด้าน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ ประกาศจะไว้อาลัยผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เป็นเวลา 3 วัน โดยจะมีการลดธงชาติสหรัฐลงครึ่งเสา ตามอาคารสถานที่ราชการทั้งหมด รวมไปถึงอนุสาวรีย์แห่งชาติทุกแห่งด้วย เพื่อรำลึกถึงผู้เสียชีวิตจากโควิด19 ในสหรัฐ ซึ่งรวมไปถึงทหารของกองทัพสหรัฐที่เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาด้วย การลดธงครึ่งเสาจะเริ่มตั้งแต่วันจันทร์ที่จะถึงนี้ ซึ่งตรงกับ วันเมมโมเรียล เดย์ พอดี คือวันรำลึกถึงทหารและประชาชนชาวอเมริกันที่สละชีพเพื่อชาติ
การประกาศของทรัมป์เกิดขึ้นหลังจาก นางแนนซี่ เพโลซี ประธานสภาผู้แทนสหรัฐ และวุฒิสมาชิกชาร์ลส์ ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภาสหรัฐ ได้ทำจดหมายเปิดผนึกถึงทรัมป์ เรียกร้องให้มีการลดธงครึ่งเสาทั่วสหรัฐ หากยอดผู้เสียชีวิตจากโควิด19 ในสหรัฐ แตะระดับ 100,000 คน เพื่อแสดงความเสียใจต่อผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนในสหรัฐต้องการเห็น ขณะที่ก่อนหน้านี้ นายโจ ไบเดน เต็งหนึ่งว่าที่ผู้สมัครประธานาธิบดีสหรัฐพรรคเดโมแครตส์ เป็นคนแรกที่เรียกร้องเรื่องการลดธงครึ่งเสาตั้งแต่เมื่อหลายสัปดาห์ก่อน
ทั้งนี้ ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในสหรัฐล่าสุด ยังไม่ถึง 100,000 คน โดยอยู่ที่เกือบ 95,000 คน ส่วนผู้ติดเชื้อสะสมโควิด19 ล่าสุดในสหรัฐ มีมากกว่า 1.57 ล้านคน โดยสหรัฐเริ่มรายงานพบผู้เสียชีวิตจากโควิด19 รายแรก ตั้งแต่วันที่ 29 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี ทรัมป์ ยืนยันว่า จะไม่มีการใช้มาตรการล็อกดาวน์อีก ถึงแม้ว่าโควิด-19 อาจกลับมาระบาดใหม่เป็น โดยเขาเชื่อว่าสามารถจะรับมือได้ โดยไม่ต้องปิดประเทศหรือล็อกดาวน์อีกครั้ง ขณะนี้ทั้ง 50 รัฐของสหรัฐได้ผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์แล้ว
อินเดียพบติดเชื้อกว่า6พันรายใน1วัน
ขณะที่ กระทรวงสาธารณสุขของอินเดีย รายงานการตรวจพบผู้เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่ม 148 ราย และพบผู้ที่มีผลตรวจเป็นบวกเพิ่มอีก 6,088 ราย นับตั้งแต่วันพฤหัสบดี ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 3,583 ราย และผู้ป่วยในประเทศรวมอยู่ที่ 118,447 ราย
รายงานระบุว่าตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่ 6,088 รายนี้ เป็นตัวเลขผู้ป่วยรายวันที่สูงที่สุด นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศอินเดีย ขณะเดียวกันอินเดียมีผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาจนหายดีและออกจากโรงพยาบาลแล้ว 48,534 ราย ขณะที่จำนวนผู้ป่วยที่ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลอยู่ที่ 66,330 ราย
สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของ ไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก นับจนถึงช่วงเย็นวันที่ 22 พฤษภาคม 2563 พบว่า มีผู้ติดเชื้อสะสมรวม 5,212,172 ราย ผู้เสียชีวิตรวม 334,915 ราย รักษาหายรวม 2,093,466 ราย สหรัฐ มีผู้ติดเชื้อ 1,621,196 ราย เสียชีวิต 96,359 ราย รัสเซีย มีผู้ติดเชื้อ 326,448 ราย เสียชีวิต 3,249 ราย บราซิล มีผู้ติดเชื้อ 310,921 ราย เสียชีวิต 20,082 ราย สเปน มีผู้ติดเชื้อ 280,117 ราย เสียชีวิต 27,940 ราย อังกฤษ มีผู้ติดเชื้อ 250,908 ราย เสียชีวิต 36,042 ราย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี