สหรัฐวิกฤติ!
25รัฐประกาศเคอร์ฟิว
รวบฝ่าฝืนกว่า4พันคน
จลาจลรุนแรงลาม75เมือง
เหตุจลาจลในสหรัฐจากชนวนเหตุการณ์เสียชีวิตของ“จอร์จ ฟลอยด์” ชายผิวสีขณะถูกตำรวจควบคุมตัวยังคงทวีความรุนแรง ขยายไป 75 เมือง เกิดเหตุปะทะเจ้าหน้าที่จนต้องยิงกระสุนเตือน โดยได้ประกาศเคอร์ฟิว 25 รัฐ แต่ผู้ชุมนุม ยังออกมาเคลื่อนไหว เบื้องต้นจับกุมผู้ฝ่าฝืนกว่า4พันคน “ทรัมป์”ประกาศว่าจะขึ้นบัญชีดำ ให้ขบวนการเคลื่อนไหว”แอนติฟา”เป็นกลุ่มก่อการร้าย
เมื่อวันที 1 มิถุนายน 2563 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน ประชาชนในหลายพื้นที่ของสหรัฐ เกิดเหตุจลาจลจากความไม่พอใจการตายของจอร์จ ฟลอยด์ ชายผิวสี ลุกลามหนัก ยังคงปักหลักชุมนุมเพื่อแสดงความไม่พอใจโดยหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สรายงานว่า มีการชุมนุมประท้วงใน 75 เมืองเป็นอย่างน้อย จากสถานการณ์ดังกล่าว ได้มีการประกาศใช้เคอร์ฟิวแล้ว ในอย่างน้อย 25 เมือง แต่การประกาศเคอร์ฟิว กลับไม่สามารถหยุดยั้งการประท้วงรุนแรงได้ จนต้องส่งกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิเข้ารักษาความสงบเรียบร้อยในกว่า 10 รัฐ
เหตุจลาจลในสหรัฐ ยังคงดำเนินต่อไป โดยที่นครลอสแอนเจลิส มีร้านค้าปลีกถูกปล้นหลายร้าน มีผู้ประท้วงถูกจับกุมไปแล้วหลายร้อยคน ทางการสหรัฐต้องประกาศห้ามประชาชนในนครลอสแอนเจลิสและนครซานฟรานซิสโก ออกนอกเคหสถานตั้งแต่เวลา 20.00-05.30 น. รวมทั้ง อีกหลายพื้นที่ โดยผู้ประท้วงในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.ได้ปะทะกับตำรวจ ใกล้ทำเนียบขาว ทำให้เจ้าหน้าที่ ต้องยิงกระสุนเตือน ส่วน ที่นิวยอร์ก ผู้ประท้วงได้พากันชุมนุมตามสถานที่ ที่มีชื่อเสียง เช่นในย่านไทม์สแควร์
ล่าสุด กรุงวอชิงตันดีซีเมืองหลวง ต้องประกาศคำสั่งห้ามออกนอกเคหสถานในตอนกลางคืน หรือเคอร์ฟิวแล้ว โดยนายกเทศมนตรี ดิสตริกท์ ออฟ โคลัมเบีย ได้ออก คำสั่งเคอร์ฟิว ตั้งแต่เวลา23.00น. ของคืนวันอาทิตย์ไปจนถึง 06.00น.ของเช้าวันจันทร์ ตามเวลาท้องถิ่น พร้อมได้เรียกกองกำลังพิทักษ์ชาติ เข้ามาช่วยสนับสนุนการปฏิบัติงานของตำรวจแล้ว หลังผู้ประท้วงยังคงชุมนุมกันที่ใกล้ทำเนียบขาวและเกิดการกระทบกระทั่งกับตำรวจ
มีรายงานจาก นิวยอร์ก ไทมส์ ว่าเมื่อคืนวันศุกร์ เจ้าหน้าที่ ต้องรีบนำตัว ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไปหลบที่บังเกอร์ ใต้ดินภายในทำเนียบขาว เมื่อมีผู้ประท้วงหลายร้อยคนพยายามเข้าประชิดรั้วของทำเนียบขาว ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องยิงกระสุนเตือน
ด้านเจ้าหน้าที่ เปิดเผยว่าการปะทะกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจ บาดเจ็บ 33 นาย และ รถตำรวจอย่างน้อย 47 คัน ได้รับความเสียหายหรือถูกทำลาย และตำรวจนิวยอร์ก ควบคุมตัวผู้ประท้วงไว้กว่า 300 คน
ส่วนที่เมืองฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย มีการเผชิญหน้าระหว่างตำรวจกับกลุ่มผู้ชุมนุม สถานการณ์ตึงเครียด จนถึงขั้นที่ตำรวจต้องยิงระเบิดควันและแก๊สน้ำตาเพื่อสลายการชุมนุม
ในส่วนตามเมืองใหญ่เช่นลอสแอนเจลิส ฮิวสตัน และ มินนิแอโพลิส ก็มีการประกาศเคอร์ฟิวเช่นกัน แต่ผู้ประท้วง ยังออกมาก่อเหตุจลาจล ติดต่อกันทุกคืนในกว่า30เมือง บางแห่งรุนแรงถึงขั้นจุดไฟเผารถยนต์ และทุบกระจกร้านค้าเข้าไปขโมยสิ่งของ ทำให้ตำรวจต้องยิงแก๊สน้ำตาและระเบิดเสียงเพื่อสลายผู้ประท้วง ที่ฝ่าฝืนเคอร์ฟิวออกมา มีผู้ประท้วงถูกจับไปแล้วอย่างน้อย 4,100 คน
มีรายงานว่า ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.เมืองหลวงของสหรัฐฯพบว่า แลนด์มาร์ก ชื่อดังในเมืองจำนวนมากที่ อยู่รายล้อมพื้นที่ เนชันนัล มอลล์ (National Mall) ตอนกลางของเมือง ถูกพ่นสีเป็น ภาพกราฟฟิตี เกิดความเสียหายกับสถานที่ต่างๆรอบเนชันนัล มอลล์ จำนวนมากและศูนย์บริการอุทยานแห่งชาติ (National Park Service) เมื่อวันอาทิตย์ ข้อความพ่นสีที่ระบุว่า“ทหารผ่านศึกผิวดำก็รวมด้วยหรือเปล่า?”ปรากฏไปทั่วอนุสรณ์สถานสงครามโลกครั้งที่ 2 (World War II Memorial) และมีข้อความพ่นสีว่า“ยังไม่เหนื่อยกันอีกหรือ?”ปรากฏที่อนุสรณ์สถานลินคอล์น (Lincoln Memorial)
“เนชันนัล มอลล์ เป็นสถานที่สำคัญที่ประชาชนของชาติมารวมตัวกันเพื่อแสดงออกโดยไร้ความรุนแรงมาหลายชั่วอายุคน เราจึงขอให้ประชาชนรักษาธรรมเนียมดังกล่าวสืบไป”ศูนย์ฯทวีตข้อความ
ขณะเดียวกัน เกิดเหตุน่าตกใจในระหว่างการประท้วงในหลายเมืองที่เมืองมินนิแอโพลิส รถบรรทุกกึ่งพ่วงคันหนึ่งพุ่งฝ่าฝูงชนบนสะพานใกล้ย่านใจกลางเมือง แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ แต่คนขับรถบรรทุกถูกผู้ประท้วงทำร้ายบาดเจ็บและถูกจับกุมไป
ส่วนที่เมืองวิซาเลีย รัฐแคลิฟอร์เนีย รถจี๊ปคันหนึ่ง ได้ชนผู้หญิงที่ยืนประท้วงอยู่กลางถนน จนล้มลงก่อนที่จะไปชนผู้ประท้วงอีกคน ต่อมา ผู้หญิงคนดังกล่าว ทวีตข้อความว่าเธอไม่เป็นอะไรและพวกเธอออกมาประท้วงอย่างสงบ และที่ย่าน บรูคลิน ในนครนิวยอร์ก รถยนต์ตำรวจคันหนึ่งได้พุ่งเข้าใส่กลุ่มผู้ประท้วงที่ยืนขวางอยู่บนถนน จนผู้ประท้วง ต้องยอมให้รถตำรวจผ่านไปในที่สุด
สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน จากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่1มิถุนายนว่าประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ทวีตข้อความเมื่อวันอาทิตย์ว่า รัฐบาลวอชิงตัน จะขึ้นบัญชีดำ “แอนติฟา”ซึ่งเป็นหนึ่งในขบวนการเคลื่อนไหวที่มีจุดยืนทางการเมืองซ้ายจัด”เป็นองค์กรก่อการร้าย” โดยยังไม่มีการให้รายละเอียดเพิ่มเติม และผู้นำสหรัฐ ยังกล่าวถึงแอนติฟา อย่างเป็นทางการครั้งแรกเมื่อวันเสาร์ ที่ผ่านมาโดยใช้คำว่า”พวกซ้ายจัด และ ต่อต้านฟาสซิสต์แบบตกขอบ”อยู่เบื้องหลังการปลุกระดมประชาชนให้ลุกฮือก่อความรุนแรงและความวุ่นวายทั่วประเทศ โดยเฉพาะตามเมืองใหญ่ของประเทศ
ด้านนายเบนจามิน ครัมป์ ทนายความให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ซีบีเอส(CBS)ว่านายดีเรค โชฟวิน วัย 44ปี ตำรวจที่ถูกไล่ออก พร้อมตำรวจอีก 3 นายถูกตั้งข้อหาฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา มีโทษจำคุกสูงสุด25ปีและข้อหาทำให้คนตายโดยประมาท มีโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี แต่สิ่งที่กระทำเป็นการฆ่าคนตายโดยไตร่ตรองล่วงหน้า เพราะมีเจตนาใช้เข่ากดคอนานเกือบ 9 นาทีทั้งที่นายฟลอยด์ร้องบอกว่าหายใจไม่ได้ แต่นายโชฟวินก็ใช้เข่ากดคอนายฟลอยด์เกือบ 3 นาทีหลังจากเขาหมดสติไปแล้ว จึงไม่เข้าใจ เหตุใดจึงไม่ถูกตั้งข้อหาฆ่าคนตายโดยไตร่ตรองล่วงหน้า และเหตุใดตำรวจทั้ง 4 นายจึงไม่ถูกจับกุม พร้อมกันนี้ ยังเผยว่าได้หลักฐานเป็นเสียงบันทึกจากกล้องติดตัวตำรวจได้ยินตำรวจนายหนึ่งพูดว่านายฟลอยด์ นิ่งไปแล้ว ควรพลิกตัวเขาขึ้นมาไหม แต่นายโชฟวิน ตอบปฏิเสธว่า ต้องกดเขาไว้ในท่านี้ต่อไป แสดงให้เห็นว่ามีเจตนา
ในขณะที่ผู้คนในแวดวงกีฬาอเมริกันต่างออกมาร่วมเคลื่อนไหวเรียกร้องให้เกิดความเปลี่ยนแปลง “ไมเคิล จอร์แดน”อดีตนักบาสเกตบอลดาวดังของ สมาคมบาสเกตบอลแห่งชาติของสหรัฐ หรือเอ็นบีเอ (NBA) วัย 57ปี ที่แทบไม่เคยแสดงความเห็นประเด็นสังคม ช่วงเล่นบาสเกตบอลอาชีพ ได้ออกถ้อยแถลงว่า “เสียใจอย่างยิ่ง เจ็บปวดอย่างแท้จริงและโกรธอย่างชัดเจน เขาขออยู่เคียงข้างผู้เรียกร้องให้ขจัดการเหยียดผิวที่ฝังรากลึกและการใช้ความรุนแรงต่อคนผิวสี(people of color) ในประเทศนี้ เพราะทนมามากพอแล้ว ทุกคนจะต้องแสดงออกอย่างสันติเพื่อต่อต้านความอยุติธรรมและเรียกร้องความรับผิดชอบต่อไป”
“นายอดัม ซิลเวอร์”ผู้อำนวยการบริหาร เอ็นบีเอ ส่งบันทึกภายใน ถึงเจ้าหน้าที่ในเอ็นบีเอว่าการประท้วงที่เกิดขึ้นทั่วประเทศ ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ย้ำเตือนว่าบาดแผลในประเทศนี้ไม่เคยได้รับการเยียวยา การเหยียดผิว ความโหดร้ายของตำรวจและความอยุติธรรมทางเชื้อชาติยังคงเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำของชาวอเมริกัน ที่ไม่สามารถเพิกเฉยได้
“เซเรนา วิลเลียมส์”นักเทนนิสหญิงชื่อดังโพสต์คลิปเด็กหญิงแอฟริกันอเมริกันที่พยายามข่มอารมณ์สะเทือนใจขณะปราศรัยต่อชุมชน ก่อนเค้นคำพูดที่ออกมาจากความรู้สึกว่า พวกเราเป็นคนดำ และพวกเราไม่ควรต้องรู้สึกแบบนี้ เช่นเดียวกับ“นาโอมิ โอซากะ”เจ้าของแกรนด์สแลมสองสมัยที่มีมารดาเป็นชาวญี่ปุ่นบิดาเป็นชาวเฮติโพสต์เตือนว่า การที่มันยังไม่เกิดขึ้นกับเรา ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีโอกาสเกิดขึ้นเลย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี