วอชิงตัน (เอพี/รอยเตอร์/ซีเอ็นเอ็น) - การประท้วงต่อต้านการเหยียดสีผิวในสหรัฐ ยังคงลุกลามไม่มีทีท่าว่าจะยุติ มีการทำลายรูปปั้นสำคัญไปแล้วหลายแห่ง รวมทั้งความพยายามที่จะทำลายรูปปั้นของอดีตประธานาธิบดีแอนดรูว์ แจ็กสัน ที่อยู่ใกล้ทำเนียบขาว และรูปปั้นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องทาสในสหรัฐ จากเดิมที่ได้รับการเคารพนับถือและห้ามแตะต้อง
กระแสการต่อต้านการเหยียดสีผิวที่เกิดขึ้นทั่วสหรัฐ หลังการเสียชีวิตของนายจอร์จ ฟลอยด์ ชายผิวดำ วัย 46 ปี ที่ถูกตำรวจผิวขาวใช้เข่ากดคอจนขาดอากาศหายใจในเมืองมินนีแอโปลิสยังคงไม่มีทีท่าว่าจะยุติ ตอนนี้เกิดกระแสทำลายรูปปั้นบุคคลสำคัญในอดีตของสหรัฐที่เกี่ยวข้องกับเรื่องทาส เหยียดผิว และจักรวรรดินิยมในสหรัฐ โดยเมื่อวันจันทร์ กลุ่มผู้ประท้วงพากันปีนขึ้นไปบนรูปปั้นของอดีตประธานาธิบดีแอนดรูว์ แจ็กสัน ที่จัตุรัสลาฟาแยต ใกล้ทำเนียบขาวในกรุงวอชิงตัน ระหว่างความพยายามทำลายรูปปั้นสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่ถูกมองว่า สนับสนุนการแบ่งแยกผิว หรือสร้างความแตกแยก แต่ถูกตำรวจปราบจลาจลสกัดกั้น
สำหรับอดีตประธานาธิบดีแจ็กสัน เป็นประธานาธิบดีสหรัฐ คนที่ 7 เขาเป็นอดีตนายทหารยศนายพล ก่อนผันตัวเข้าสู่การเมือง อดีตประธานาธิบดีแจ็กสัน ซึ่งสังกัดพรรคเดโมแครตถูกนักเคลื่อนไหวชาวอเมริกันพื้นเมืองวิพากษ์วิจารณ์จากการที่ลงนามในกฎหมายว่าด้วยการโยกย้ายชาวอินเดียน ระหว่างดำรงตำแหน่งตั้งแต่ปี 2372 - 2380 ซึ่งส่งผลให้ชาวพื้นเมืองหลายพันคนถูกขับไล่จากที่ดินของตนเอง และต้องพากันอพยพไปทางตะวันตก แต่ชนพื้นเมืองหลายพันคน ต้องเสียชีวิตลงก่อนจะถึงจุดหมายปลายทาง
การโค่นล้มรูปปั้นในสหรัฐเริ่มจากรูปปั้นนายพลฝ่ายสมาพันธรัฐหรือฝ่ายใต้ เพราะเป็นฝ่ายปกป้องการมีทาส แต่ขณะนี้เริ่มลุกลามไปถึงรูปปั้นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์แม้แต่ผู้ก่อตั้งประเทศอย่างโทมัส เจฟเฟอร์สัน ประธานาธิบดีคนที่สาม จอร์จ วอชิงตัน ประธานาธิบดีคนแรก และทีโอดอร์ รูสเวลต์ ประธานาธิบดีคนที่ 26 เจฟเฟอร์สัน เป็นหนึ่งในผู้ร่วมประกาศเอกราชสหรัฐ แต่ข้อมูลในเว็บไซต์พิพิธภัณฑ์ของเขาที่ดัดแปลงมาจากไร่ในรัฐเวอร์จิเนียระบุว่า เขามีทาสกว่า 600 คน และมองว่าคนดำด้อยกว่าคนขาว ขณะที่วอชิงตัน มีทาสราว 100 คนในไร่เมานท์เวอร์นอน รัฐเวอร์จิเนีย ส่วนรูสเวสต์ ทางการนครนิวยอร์ตัดสินใจย้ายรูปหล่อโลหะของเขาออกจากทางเข้าพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติอเมริกาแม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ไม่เห็นด้วย ทางการให้เหตุผลว่า รูปปั้นเขานั่งบนหลังม้า มีคนดำและคนพื้นเมืองยืนขนาบข้าง บ่งบอกถึงการควบคุมและเหนือกว่าอย่างชัดเจน
แคโรลีน กัลลาเฮอร์ อาจารย์มหาวิทยาลัยอเมริกันในกรุงวอชิงตันมองว่า การประท้วงขณะนี้เป็นการทำสงครามกับประวัติศาสตร์อเมริกันที่เล่าขานสืบต่อกันมาในรูปของอนุสาวรีย์ การตั้งอนุสาวรีย์ในที่สาธารณะเป็นรูปแบบหนึ่งของการให้ความเคารพนับถือ คนเริ่มตั้งคำถามว่าเหตุใดจึงเคารพคนที่เป็นเจ้าของทาส เธอเองซึ่งเติบโตในเวอร์จิเนีย เป็นรัฐทางตะวันออกเฉียงใต้และอดีตหนึ่งใน 13 สมาพันธรัฐมองว่า ประชาชนไม่ได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์จากรูปปั้น เพราะฉะนั้นคนก็ยังสามารถศึกษาเรื่องจอร์จ วอชิงตันได้แม้ไม่มีรูปปั้นแล้ว ด้านแดเนียล โดมินิกส์ อาจารย์ประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยไรซ์ในเมืองฮิวตัน รัฐเทกซัส ชี้ว่า การทำลายรูปปั้นไม่สามารถลบล้างอดีตได้ แต่ควรมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์อเมริกันที่ถูกบันทึกไว้ในหนังสือและพิพิธภัณฑ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี