ปธน.บราซิลติดโควิด
เร่งติดตามผู้ใกล้ชิด
โดนัลด์ทรัมป์เอาจริง
ถอนสหรัฐพ้นWHO
ประธานาธิบดีบราซิล “ฌาอีร์ โบลโซนาโร” ออกมายืนยันว่าติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นมาก เจ้าหน้าที่เร่งติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดเข้ารับการตรวจอย่างเร่งด่วนประธานโครงการฉุกเฉินด้านสาธารณสุข องค์การอนามัยโลกระบุชี้ให้เห็นว่าทุกคนล้วนเป็นกลุ่มเสี่ยงสามารถติดเชื้อได้ตลอดเวลา ด้าน“ทรัมป์”ประกาศ สหรัฐฯ ถอนตัวจากสมาชิกองค์การอนามัยโลกแล้ว
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานจากเมืองเซาเปาโล ประเทศบราซิล เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ว่า ประธานาธิบดีฌาอีร์ โบลโซนาโร ผู้นำบราซิล เผยในระหว่างการให้สัมภาษณ์พิธีกรสถานีโทรทัศน์ “ทีวี บราซิล” ของทางการ ว่า เขาเริ่มรู้สึกไม่สลายเมื่อวันอาทิตย์ที่ 5 กรกฎาคม จึงรับประทานยาไฮดรอกซีคลอโรควิน ซึ่งเป็นยาต้านมาลาเรีย ที่ถูกนำมาใช้รักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และต่อมาในวันจันทร์ที่ 6 กรกฎาคม เขาเข้ารับการตรวจจากแพทย์ ปรากฎว่าผลตรวจเป็นบวก เขาติดเชื้อโควิด-19
ในเวลาต่อมา ผู้นำบราซิล กล่าวว่า เริ่มรู้สึกป่วยด้วยอาการรวมถึงมีไข้ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แต่อาการตอนนี้ “ดีขึ้นมาก” และเขารับประทานบาไฮดรอกซีคลอโรควิน ยาต้านโรคมาลาเรียที่ดับเบิลยูเอชโอและหน่วยงานวิจัยด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ทุกแห่งให้ความเห็นตรงกันว่า “ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัด” เกี่ยวกับประสิทธิภาพของยาตัวนี้ ในการรักษาอาการป่วยจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ และขอให้ระมัดระวังผลข้างเคียงด้วย
ก่อนหน้านี้โบลโซนาโร วัย 65 ปี ถูกวิจารณ์อย่างหนักจากหลายฝ่าย จากการแสดงท่าทีฝ่าฝืนมาตรการเข้มงวดต่อต้านไวรัสโควิด-19 รวมถึงการสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ แม้ว่าเขาจะถูกศาลสั่งให้ทำ เมื่อปลายเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา นอกจากนั้น โบลโซนาโรยังต่อต้าน กฎการรักษาระยะห่างทางสังคม ที่ได้รับการสนับสนุนจรากองค์การอนามัยโลก
ทั้งนี้ ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โบลโซนาโรเข้าร่วมงานสังคม และพีธีการหลายงาน รวมถึงการติดต่อใกล้ชิดกับ นายท็อดด์ แชปแมน เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำบราซิล ในระหว่างงานเลี้ยงฉลองวันชาติสหรัฐ 4 กรกฎาคม ซึ่งจากภาพถ่ายที่ปรากฎในสื่อต่างๆ แสดงให้เห็นว่า ทั้งสองคน ต่างก็ไม่ได้สวมหน้ากากอนามัย
ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขของบราซิลกำลังเร่งติดตามตัวบุคคลซึ่งสัมผัสใกล้ชิดกับโบลโซนาโรให้มาเข้ารับการตรวจเป็นการด่วน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ว่า นพ.เทดรอส แอดนาฮอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) กล่าวในช่วงหนึ่งของการแถลงเมื่อวันอังคารที่ 7 กรกฎาคม หลัง ประธานาธิบดีชาอีร์ โบลโซนาโร ผู้นำบราซิล เปิดเผยว่าติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ว่า ในนามของดับเบิลยูเอชโอขออวยพรให้ประธานาธิบดีบราซิลมีอาการดีขึ้นและหายขาดจากโรคในเร็ววัน
ขณะที่ นพ.ไมเคิล ไรอัน ประธานโครงการฉุกเฉินด้านสาธารณสุขของ ดับเบิลยูเอชโอ กล่าวเสริมว่าการที่ผู้นำโลกอีกหลายคนประสบกับภาวะแบบเดียวกับผู้นำบราซิล บ่งชี้ได้เป็นอย่างดีว่า เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ “ไม่มีข้อยกเว้น” ทุกคนถือเป็นกลุ่มเสี่ยงที่สามารถติดต่อโรคได้ตลอดเวลา
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐออกแถลงการณ์ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในหนังสือที่ส่งถึงนายอันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) แจ้งการนำสหรัฐลาออกจากการเป็นสมาชิกขององค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) โดยจะมีผลอย่างเป็นทางการในอีก 1 ปีนับจากนี้ คือวันที่ 6 กรกฎาคม 2564 อย่างไรก็ดี ในระหว่างนี้รัฐบาลวอชิงตันจะยังคงเดินหน้าผลักดันให้มีการปฏิรูปดับเบิลยูเอชโอ “อย่างมีประสิทธิภาพ”
ขณะที่โฆษกผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก สเตฟานี ดูจาร์ริก ยืนยันแล้วว่าได้รับหนังสือฉบับดังกล่าวแล้ว ตามรายงานของ AFP
กระบวนการดังกล่าวเป็นขั้นตอนแรกของการถอนตัวจากองค์การด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ ที่จะต้องใช้เวลา 1 ปีกว่าจะเสร็จสิ้น และต้องอาศัยแรงผลักดันจากสภาคองเกรส ซึ่งยังไม่มีความชัดเจนว่าจะได้รับการสนับสนุนให้ถอนตัวจากองค์กรระหว่างประเทศนี้หรือไม่
ด้านวุฒิสมาชิก โรเบิร์ต เมเนนเดส หนึ่งในคณะกรรมาธิการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ระบุว่า สภาสหรัฐฯได้รับทราบถึงแผนการถอนตัวจากองค์การอนามัยโลก และว่ามาตรการนี้ไม่ได้ช่วยปกป้องชีวิตหรือผลประโยชน์ให้กับชาวอเมริกันแต่อย่างใด ซ้ำยังเป็นการโดดเดี่ยวอเมริกาในด้านสาธารณสุขด้วย
สำหรับ ท่าทีของสหรัฐฯ มีขึ้นท่ามกลางสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในประเทศ ที่ยอดผู้ติดเชื้อทะยานเฉียด 3 ล้านคน และเสียชีวิตกว่า 1.3 แสนคน ตามรายงานของมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอพกินส์ ส่วนตัวเลขผู้ติดเชื้อทั่วโลกแตะ 12 ล้านราย เสียชีวิตเกือบ 5.4 แสนคน
ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนเมษายน ทรัมป์ ประกาศว่าจะระงับเงินสนับสนุนองค์การอนามัยโลก จากการบริหารงานที่ผิดพลาด และการปกปิดข้อมูลเกี่ยวกับการระบาดของโคโรนาไวรัส ก่อนที่จะประกาศตัดสัมพันธ์กับองค์การอนามัยโลกในเดือนถัดมา ด้วยเหตุผลว่าองค์การอนามัยโลกเข้าข้างจีนในหลายเรื่อง ทั้งที่จีนจะให้เงินสนับสนุนกับอนามัยโลกน้อยกว่าสหรัฐฯอยู่มาก
สถานการณ์การแพร่ระบาดล่าสุดของ ไวรัสโควิด-19 จากประเทศต่างๆ ทั่วโลก นับถึงช่วงเย็นวันที่ 8 กรกฎาคม 2563 มีผู้ติดเชื้อรวม 11,980,389 ราย ผู้เสียชีวิตรวม 547,321 ราย รักษาหายรวม 6,924,452 ราย สหรัฐ ติดเชื้อ 3,097,538 ราย เสียชีวิต 133,9911 ราย บราซิล ติดเชื้อ 1,674,655 ราย เสียชีวิต 66,868 ราย อินเดีย ติดเชื้อ 746,5000 ราย เสียชีวิต 20,684 ราย รัสเซีย ติดเชื้อ 700,972 ราย เสียชีวิต 10,667 ราย เปรู ติดเชื้อ 309,278 ราย เสียชีวิต 10,952 ราย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี