อิสตันบูล (เอเอฟพี/รอยเตอร์/บีบีซี นิวส์) – ตุรกีเปลี่ยนพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในโลกอย่าง ฮาเกีย โซเฟีย เป็นมัสยิด ตามคำพิพากษาของศาลสูงสุด ท่ามกลางเสียงทัดทานจากหลายฝ่าย เนื่องจากพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ เดิมทีถูกสร้างขึ้นเป็นโบสถ์ของชาวคริสต์

ประธานาธิบดีเรเจป ทาย์ยิป เออร์โดอัน ผู้นำตุรกี ประกาศเปลี่ยนฮาเกีย โซเฟีย (Hagia Sophia) พิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกแห่งนครอิสตันบูลไปเป็นมัสยิด หลังจากศาลสูงสุดของประเทศมีคำพิพากษาว่า การเปลี่ยนอาคารแห่งนี้เป็นพิพิธภัณฑ์โดยรัฐบุรุษผู้สถาปนาตุรกียุคใหม่ เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย โดยฮาเกีย โซเฟีย เริ่มแรกถูกสร้างขึ้นเป็นโบสถ์ของศาสนาคริสต์และยังเป็นต้นแบบสถาปัตยกรรมโบสถ์ของคริสต์ศาสนิกชนตะวันตก ยุคไบเซนไทน์ (Byzantine) โบสถ์แห่งนี้ทำหน้าที่เป็นวิหารของพระราชาคณะแห่งคอนสแตนติโนเปิล เป็นโบสถ์ของนิกายไบแซนไทน์ในเวลาเดียวกันนานกว่า 1,000 ปีแต่เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม ค.ศ.1453 หรือ พ.ศ.1996 สุลต่านแห่งตุรกี บุกยึดเมืองหลวงและดัดแปลงทุกสิ่งอย่างภายในโบสถ์ และท้ายที่สุดก็แปลงเป็นมัสยิดของมุสลิม

ประธานาธิบดีเออร์โดอัน ประกาศเปลี่ยนพิพิธภัณฑ์ชื่อก้องโลกแห่งนี้เป็นมัสยิด เพียงหนึ่งชั่วโมงหลังมีคำตัดสินของศาล แม้ว่าจะมีคำเตือนจากนานาชาติว่าอย่าเปลี่ยนสถานะของอนุสรณ์เก่าแก่อายุเกือบ 1,500 ปีแห่งนี้ ซึ่งถือเป็นที่เคารพนับถือของทั้งชาวคริสต์และมุสลิม

การตัดสินใจที่ลงนามโดยผู้นำตุรกีระบุว่า เอกสารการตัดสินใจดังกล่าวได้ถูกมอบให้ฝ่ายบริหารจัดการของมัสยิด อายาโซฟีอา เพื่อส่งต่อให้คณะกรรมการกิจการศาสนา และเปิดพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นศาสนสถานแล้ว ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีเออร์โดอันเคยเสนอให้คืนสถานะมัสยิดมรดกโลกแห่งนี้ ซึ่งเป็นศูนย์กลางของทั้งชาวคริสต์นิกายไบแซนไทน์และอาณาจักรมุสลิมออตโตมัน และขณะนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดในตุรกี ขณะที่สหรัฐ กรีซ และบรรดาผู้นำทางศาสนา แสดงความกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนสถานะของอาคารขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 6 แห่งนี้ซึ่งถูกเปลี่ยนไปเป็นพิพิธภัณฑ์ในยุคแรกของตุรกีสมัยใหม่ภายใต้การนำของมุสทาฟา เคมัล อาตาเติร์ก ผู้ก่อตั้งตุรกีและประธานาธิบดีคนแรก