เสียหาย4แสนล.
บึ้มเลบานอนดับ135-เจ็บ5พัน
หลายประเทศระดมช่วยเหลือ
ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุระเบิดที่กรุงเบรุตพุ่ง 135 ศพ บาดเจ็บกว่า 5 พันคนมูลค่าความเสียหาย 3-4 แสนล้านบาท รัฐบาลเลบานอนสั่งควบคุมตัวเจ้าหน้าที่การท่าเรือทุกคนซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับสารเคมี “แอมโมเนียมไนเตรท”น้ำหนัก 2,750 ตัน นานาประเทศระดมให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเบรุต ประเทศเลบานอน เมื่อวันที่ 6สิงหาคม ว่า จากเหตุระเบิดครั้งรุนแรงที่ท่าเรือไฮฟา ในกรุงเบรุต เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 4สิงหาคม ตามเวลาท้องถิ่น ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 135 คน และได้รับบาดเจ็บอีกมากกว่า 5,000 คน ขณะที่พื้นที่ส่วนใหญ่ของกรุงเบรุตอยู่ในสภาพ เสียหายราบเป็นหน้ากลอง ประเมินมูลค่าความเสียหายเบื้องต้น ประมาณ 10,000-15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 312,000-468,000 ล้านบาท
ประธานาธิบดีมิเชล อูน เดินทางไปยังบริเวณที่เกิดเหตุ เมื่อวันพุธ เพื่อสำรวจความเสียหายและสังเกตการณ์การทำงานของเจ้าหน้าที่ โดยยืนยันว่ารัฐบาลจะเร่งสอบสวนหาสาเหตุของการเกิดหายนะครั้งนี้ให้เร็วที่สุด และผู้เกี่ยวข้องตลอดจนผู้กระทำผิดต้องรับโทษสูงสุดตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม เขาปฏิเสธให้ความเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเด็นแอมโอเมเนียมไนเตรตน้ำหนักมากถึง 2,750 ตัน ที่คาดว่าเป็นต้นตอของเหตุระเบิดดังกล่าว ซึ่งถูกทางการยึดไว้ และนำเก็บไว้ที่นี่นานถึง 6 ปี แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กลับไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกต้องตามมาตรฐานความปลอดภัย
นายอับเดล ซาหมัด รมว.กระทรวงข่าวสารของเลบานอน แถลงว่านับจากนี้เป็นต้นไปจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง คำสั่งควบคุมตัวให้อยู่แต่ภายในเคหสถานมีผลกับ “เจ้าหน้าที่ทุกคน” ของการท่าเรือ ไม่ว่าจะเป็นบุคลากรปัจจุบันหรือในอดีต “หากมีส่วนเกี่ยวข้อง” กับการจัดการแอมโมเนียมไนเตรต ตามหลักฐานที่ปรากฏอยู่ในเอกสารย้อนหลังจนถึงปี 2557
ข้อมูลเบื้องต้นจากเอกสารที่รัฐบาลเลบานอนอ้างอิง ระบุว่าแอมโมเนียมไนเตรตทั้งหมดมาจากเรืองบรรทุกสินค้าชื่อโรซัส ติดธงชาติมอลโดวา ซึ่งเข้ามาเทียบท่าในกรุงเบรุตเพื่อขอรับการซ่อมแซมเครื่องยนต์ซึ่งขัดข้องกะทันหัน ระหว่างเดินทางจากจอร์เจียไปยังโมซัมบิก แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบกลับพบแอมโมเนียมไนเตรตจำนวนมาก จึงออกคำสั่งอายัดเรือไว้ หลังจากนั้นบริษัทเรือตัดสินใจทิ้งเรือกลางคัน และตามด้วยการต่อสู้กันทางกฎหมายของหลายฝ่าย
เวลาเดียวกัน นานาชาติทยอยส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมให้แก่เลบานอน ซึ่งส่วนใหญ่ความช่วยเหลือจากกลุ่มประเทศในโลกอาหรับจะถึงก่อน เนื่องจากอยู่ใกล้กัน อาทิ กาตาร์ที่จัดส่งโรงพยาบาลสนามเพื่อบรรเทาระบบสาธารณสุขของเลบานอนที่กำลังตึงเครียดจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 อีกทั้งยังนำเครื่องบินของกองทัพอากาศมาใช้จัดส่งเตียงพับได้ เครื่องปั่นไฟ แผ่นแปะบรรเทาอาการผิวหนังไหม้ ส่วนคูเวตได้จัดส่งเวชภัณฑ์เพื่อช่วยเหลือเลบานอน ขณะที่กรีซส่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายสิบคนไปยังกรุงเบรุต ด้วยเครื่องบินขนส่งทหาร C-130 ด้านแอลจีเรีย เตรียมใช้เครื่องบิน 4 ลำ และเรือขนาดใหญ่อีก 1 ลำ เพื่อขนส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ นักผจญเพลิง เสบียง และวัสดุก่อสร้าง ให้แก่เลบานอน
ขณะที่ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส ประเทศซึ่งเป็นอดีตเจ้าอาณานิคมของเลบานอน จะเดินทางไปยังกรุงเบรุตด้วยตัวเองในวันพฤหัสบดีที่ 6 สิงหาคมนี้ ตามเวลาท้องถิ่น พร้อมความช่วยเหลือเบื้องต้นจากรัฐบาลฝรั่งเศส ขณะที่การค้นหาผู้รอดชีวิตใต้ซากอาคารยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี