วอชิงตัน (เอเอฟพี/รอยเตอร์) - ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ให้สัมภาษณ์เผยความจริง เขาต้องการลอบสังหารประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด ของซีเรีย ในปี 2560 แต่ถูกพลเอกเจมส์ แมททิส รัฐมนตรีกลาโหมขณะนั้นคัดค้าน

ประธานาธิบดีทรัมป์ยอมรับว่า สหรัฐมีโอกาสที่จะกำจัดประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด ผู้นำซีเรียในปี 2560 แต่ก็ไม่ได้ดำเนินการ เนื่องจากพลเอกเจมส์ แมททิส อดีตรัฐมนตรีกลาโหม คัดค้านความคิดดังกล่าว โดยทรัมป์ให้สัมภาษณ์กับรายการฟ็อกซ์ แอนด์ เฟรนด์ส รายการข่าวของฟ็อกซ์นิวส์ว่า เขาไม่รู้สึกเสียใจที่จะทำเช่นนั้น เขามองว่าอัสซาดไม่ใช่คนดีขณะที่ก่อนหน้านี้ นายบ๊อบ วูดเวิร์ด นักข่าวคนดัง เคยรายงานในหนังสือเรื่อง Fear ของเขาในปี 2561 ว่า ทรัมป์มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะลอบสังหารผู้นำซีเรีย หลังจากอัสซาดถูกกล่าวหาว่าใช้อาวุธเคมีโจมตีฝ่ายตรงข้ามในปี 2560 ซึ่งเป็นคำกล่าวอ้างหนึ่งที่ทรัมป์ประณามว่า เป็นเรื่องโกหกทั้งเพ แต่เมื่อวันอังคาร เขากลับออกมาให้สัมภาษณ์ยอมรับ

ในการให้สัมภาษณ์ฟ็อกซ์ ซึ่งเน้นหนักเรื่องตะวันออกกลาง เกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมงก่อนทรัมป์เปิดทำเนียบขาวให้สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ หรือยูเออี และบาห์เรน ลงนามในข้อตกลงกระชับความสัมพันธ์ในระดับปกติกับอิสราเอล ซึ่งเป็นการปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ของบรรดาประเทศในตะวันออกกลางที่ต่อต้านอิทธิพลของอิหร่าน โดยทรัมป์เป็นเจ้าภาพ ทำพิธีดังกล่าวในทำเนียบขาว ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล, ชี้ค อับดุลเลาะห์ บิน ซาเยด อัล-นาห์ยาน รัฐมนตรีต่างประเทศ ของยูเออี และอับดุลลาติฟ อัล ซายานี รัฐมนตรีต่างประเทศของบาห์เรน ร่วมลงนามในข้อตกลงดังกล่าว ทำให้ยูเออีและบาห์เรน เป็นชาติอาหรับประเทศที่ 3 และ ที่ 4 ที่ปรับความสัมพันธ์ทางการทูตขั้นปกติกับอิสราเอลต่อจากอียิปต์และจอร์แดน โดยอิสราเอลบรรลุข้อตกลงปรับระดับความสัมพันธ์ทางการทูตกับยูเออีวันที่ 13 ส.ค. ก่อนบรรลุข้อตกลงกับบาห์เรน เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว

ทรัมป์จะลงสู้ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ในวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้ ข้อตกลงสันติภาพครั้งนี้ อาจช่วยให้เขาซึ่งเป็นคนกลางไกล่เกลี่ย และประกาศว่าเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญในนโยบายต่างประเทศ ได้เสียงสนับสนุนในกลุ่มผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งชาวคริสเตียนที่สนับสนุนอิสราเอล ซึ่งถือเป็นฐานเสียงสำคัญของเขา