ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในเมียนมา ยังพุ่งไม่หยุด เพิ่มสถิติรวมมากกว่า 3,600 คนแซงไทย ขึ้นเป็นที่ 5 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่รัฐบาลยืนกรานไม่เลื่อนเลือกตั้งทั่วไป 9 พฤศจิกายนนี้ ส่วนอินเดียยอดป่วยทะลุ 5 ล้านคนแล้ว ด้าน“ทรัมป์” สร้างความฮือฮา หลังเปิดเผยว่าวัคซีนสู้ไวรัสร้าย พร้อมใช้ใน 1 เดือน
เมื่อวันที่ 16 กันยายน สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองย่างกุ้ง ประเทศเมียนมาว่า กระทรวงสาธารณสุขของเมียนมารายงานว่า เมื่อช่วงเช้าตามเวลาท้องถิ่น สถิติผู้ป่วยสะสมจากโรคไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 ในเมียนมามีอย่างน้อย 3,636 คน เพิ่มขึ้นอีก 134 คน แซงไทยขึ้นสู่อันดับ 5 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งมีผู้ป่วยสะสมมากที่สุด รองจากฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และมาเลเซีย
ขณะที่ สถิติสะสมของผู้ที่หายป่วยมีอย่างน้อย 872 คน เพิ่มขึ้น 42 คน ส่วนสถิติสะสมของผู้เสียชีวิตอยู่ที่อย่างน้อย 39 คน เพิ่มขึ้น 4 คน โดยผู้เสียชีวิตทุกคนเป็นชาวเมียนมาและมีโรคประจำตัว ทั้งนี้ เมียนมายืนยันผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตคนแรกเมื่อช่วงปลายเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา แต่สถานการณ์ทวีความรุนแรงและแพร่ระบาดเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็ว นับตั้งแต่พบผู้ติดเชื้อจากภายในประเทศ ที่รัฐยะไข่ เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม โดยสถิติผู้ป่วยสะสมผ่านหลัก 2,000 คน เมื่อวันที่ 10 กันยายน เพียงสัปดาห์เดียวหลังผู้ป่วยพุ่งเป็นมากกว่า 1,000 คน เมื่อวันที่ 3 กันยายน ที่ผ่านมา
ทางด้านเมืองเมียวดี ซึ่งเป็นเมืองเอกของรัฐกะเหรี่ยง เป็นเมืองใหญ่แห่งล่าสุดของเมียนมาที่ประกาศเคอร์ฟิวอย่างไม่มีกำหนด มีผลตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน ที่ผ่านมา ส่วนรัฐยะไข่อยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ตั้งแต่วันที่ 20 สิงหาคม ตามด้วยเกือบทุกเขตของเมืองย่างกุ้ง ตั้งแต่วันที่ 2 กันยายน ส่วนกรุงเนปิดอว์ซึ่งเป็นเมืองหลวงยกระดับมาตรการกักตัว และจำกัดการเดินทางเข้าออก
ขณะที่ กระทรวงสาธารณสุขของเมียนมาเตือนประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มคนหนุ่มสาว ว่าวิกฤติโรคระบาดครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น และโควิด-19 ไม่ใช่โรคหวัดธรรมดา ทุกคนมีสิทธิ์ติดเชื้อไม่ว่าจะมีอายุเท่าใด หรือมีสุขภาพพื้นฐานแข็งแรงแค่ไหนก็ตาม โดยภายในระยะเวลาเพียง 1 เดือน อัตราการติดเชื้อในเมียนมาเพิ่มขึ้น 3 เท่าหรือมากกว่า 700% จาก 365 คน เมื่อปลายเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา เป็นมากกว่า 3,000 คน ในสัปดาห์นี้ และจนถึงตอนนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถค้นพบ แหล่งกำเนิดแท้จริง ที่ทำให้เมียนมาเผชิญกับการแพร่ระบาดระลอกสอง นับตั้งแต่พบผู้ติดเชื้อภายในประเทศ ที่รัฐยะไข่ เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เมียนมา มีกำหนดจัดการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 8 พฤศจิกายนนี้ แต่รัฐบาลเมียนมาและคณะกรรมการการเลือกตั้งยังไม่มีท่าทีชัดเจนต่อข้อเรียกร้องซึ่งเพิ่มมากขึ้นจากพรรคฝ่ายค้าน 23 พรรครวมถึงแกนนำคือพรรคสหสามัคคีและการพัฒนา (ยูเอสดีพี ) ว่าให้เลื่อนการเลือกตั้งออกไปก่อน เนื่องจากยังไม่สามารถร่วมกันคุมสถานการณ์โควิด-19 ได้ แต่คณะกรรมการการเลือกตั้งยังคงยืนกรานปฏิเสธ
ทางด้าน กระทรวงสาธารณสุขอินเดียแจ้งว่า ยอดผู้ป่วยสะสมโรคโควิด-19 ในอินเดียขณะนี้อยู่ที่ 5.02 ล้านคน เป็นรองเพียงสหรัฐที่มีผู้ป่วยสะสม 6.59 ล้านคน โดยในวันนี้พบผู้ป่วยใหม่กว่า 90,000 คน และเสียชีวิตมากที่สุด 1,290 คน หนังสือพิมพ์ไทมส์ออฟอินเดียระบุว่า อินเดียใช้เวลา 167 วันจึงมีผู้ป่วย 1 ล้านคนแรก แต่มีผู้ป่วย 1 ล้านคน ล่าสุดในเวลา 11 วันเท่านั้น คาดว่าผู้ป่วยอีก 1 ล้านคน ถัดไปจะตรวจพบในเวลา 21 วัน เป็นอัตราผู้ป่วยใหม่เร็วกว่าสหรัฐและบราซิล ขณะที่มีการตรวจหาเชื้อกับประชาชนวันละ 1 ล้านคน แต่ผู้เชี่ยวชาญมองว่า ยังน้อยเกินไป เชื่อว่ายอดผู้ป่วยที่แท้จริงจะสูงกว่าตัวเลขของทางการ สภาวิจัยการแพทย์อินเดียซึ่งเป็นหน่วยงานด้านโรคระบาดชั้นนำของประเทศเผยเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า ผลการสำรวจบ่งชี้ว่า อินเดียมีผู้ป่วยโรคโควิด-19 แล้ว 6.5 ล้าน8o
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐอเมริกา สร้างความฮือฮาปนความประหลาดใจให้แก่ประชาชน ด้วยการให้สัมภาษณ์ตอบคำถามของชาวอเมริกันในเมืองฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งออกอากาศผ่านสถานีโทรทัศน์ข่าวเอบีซีนิวส์ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่นว่า สหรัฐฯ อาจมีวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโควิด-19 แบบพร้อมใช้งานภายใน 1 เดือนนี้ หรือราว 3–4 สัปดาห์ข้างหน้า
ก่อนหน้านั้น เพียงไม่กี่ชั่วโมง ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านสถานีโทรทัศน์ฟอกซ์นิวส์ว่า ประเทศจะมีวัคซีนพร้อมใช้งานป้องกันเชื้อไวรัสโควิดฯ ในอีก 4–8 สัปดาห์ นับจากนี้ พร้อมกันนี้ เขายัง กล่าวย้ำว่า ถ้าคุณต้องการรู้ความจริง ก็ต้องขอบอกว่า ณ เวลานี้ พวกเราใกล้เป็นอย่างยิ่งที่จะมีวัคซีนโควิด-19 ที่พร้อมใช้งาน
สำหรับสถานการณ์การไวรัสโควิด-19 ขณะนี้ ยังคงมีการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง นับถึงช่วงเย็นวันที่ 16 กันยายน 2563 พบว่ามียอดผู้ติดเชื้อสะสม 29,753,978 ราย ผู้เสียชีวิตรวม 939,675 ราย รักษาหายรวม 21,557,464 ราย โดยสหรัฐ เป็นประเทศที่มีผู้ป่วยสะสมสูงสุด จำนวน 6,788,147 ราย และมีผู้ป่วยเสียชีวิตสูงสุด จำนวน 200,197 ราย ตามมาด้วยอินเดีย มีผู้ป่วยสะสม 5,025,043 ราย เสียชีวิต 82,124 ราย บราซิล มีผู้ป่วยสะสม 4,384,299 ราย เสียชีวิต 133,207 ราย รัสเซีย มีผู้ป่วยสะสม 1,079,519 ราย เสียชีวิต 18,971 ราย เปรู มีผู้ป่วยสะสม 738,020 ราย เสียชีวิต 30,927 ราย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี