เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2563 สำนักข่าว Mizzima ของเมียนมา เผยแพร่บทความ China’s hunger for rosewood helps fund armed conflicts in South East Asia and Africa ว่าด้วยความต้องการไม้พะยูงในตลาดประเทศจีน นำไปสู่การต้องทำงานอย่างหนักและบางครั้งถึงขั้นเสียชีวิต ของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าของหลายประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) และทวีปแอฟริกา ในการต่อสู้กับขบวนการลักลอบตัดและค้าไม้อย่างผิดกฎหมาย
องค์กรตรวจสอบด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental Investigation Agency : EIA) เป็นองค์กรพัฒนาเอกชน (NGO) ระดับนานาชาติที่ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2527 ใช้เวลาหลายปีในการสืบสวนคดีการลักลอบลำเลียงไม้พะยูงในทวีปแอฟริกา จากเซเนกัล ผ่านแกมเบีย และมีจีนเป็นปลายทาง พบการจ่ายเงินสกุลหยวนของจีนให้กองกำลังติดอาวุธ ในเซเนกัลนั้นการค้าไม้พะยูงอย่างผิดกฎหมายเป็นรายได้หลักของกลุ่ม MFDC ขบวนการแบ่งแยกดินแดนที่มีอิทธิพลอยู่ทางภาคใต้ของประเทศ เรื่องนี้ทำให้ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างรัฐบาลเซเนกัลกับจีนค่อนข้างตึงเครียด
รายงานของ สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Office on Drugs and Crime : UNODC) ระบุว่า ความต้องการอย่างไม่สิ้นสุดของชาวจีนในการแสวงหาเฟอร์นิเจอร์จากไม้พะยูง หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “งาช้างแห่งป่า (Ivory of Forest)” มาครอบครอง กำลังทำลายพื้นที่ป่าในหลายประเทศ เช่น เมียนมา ลาว เวียดนาม ไทย กัมพูชา กาบอง สาธารณรัฐคองโก มาดากัสการ์ แซมเบีย กานา เซเนกัลและแกมเบีย
เตียงแกะสลักอย่างสวยงามจากไม้พะยูง 1 หลัง ที่วางขายในร้านเฟอร์นิเจอร์ในเมืองเซี่ยงไฮ้ของจีน อาจมีราคาสูงถึง 1 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 30 ล้านบาท สิ่งนี้ล่อตาล่อใจหลายคนให้หันมาลักลอบตัดและค้าไม้พะยูง ไม้ขนาด 1 ลูกบาศก์เมตรมีราคาอยู่ที่ 5,000 เหรียญสหรัฐ หรือราว 1.5 แสนบาท ประเทศอย่างไทย กัมพูชาและเมียนมา จึงกลายเป็นสมรภูมิรบระหว่างขบวนการลักลอบตัดไม้กับเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า อาทิ ในปี 2561 มีเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าของไทยมากกว่า 7 นาย เสียชีวิตจากการต่อสู้นี้
ข้อมูลจาก อนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (CITES) ระบุว่า ตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นมา ปริมาณนำเข้าไม้พะยูงในจีนเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 700 ไม้พะยูงกว่า 5.4 แสนตัน หรือประมาณ 6 ล้านต้น ถูกลักลอบตัดที่กานาก่อนส่งต่อไปยังจีน ระหว่างปี 2555 - 2562 ทั้งนี้ องค์กร EIA ชี้ว่า การตัดไม้ทำลายป่ามีผลต่อการทำให้ทวีปแอฟริกาแปรสภาพเป็นทะเลทราย และแม้จะมีมาตรการป้องกัน แต่จีนก็ยังคงนำเข้าไม้พะยูงจากแกมเบียมากถึง 329,351 ตัน ระหว่างเดือน ก.พ.2560 - เม.ย.2563
นาโอมิ บาสิค ทรีนอร์ (Naomi Basik Treanor) ผู้เชี่ยวชาญจากองค์กร Forest Trends กล่าวว่า ความต้องการไม้พะยูงของตลาดจีนส่งผลกระทบทั้งเรื่องการลักลอบตัดและค้าไม้อย่างผิดกฎหมาย การทุจริต ไปจนถึงความขัดแย้งไม่ว่าด้านการเมืองหรือชาติพันธุ์ โดยมีหลักฐานที่ชี้ให้เห็นว่า ความต้องการไม้พะยูงที่เฟื่องฟูนี้ได้รับการตอบสนองด้วยการลักลอบตัดและค้าไม้อย่างผิดกฎหมายซึ่งกำลังสร้างความเสียหายต่อระบบนิเวศที่ซับซ้อนในป่าอันได้ชื่อว่ามีความหลากหลายทางชีวภาพมากที่สุดในโลก
บทความนี้กล่าวต่อไปว่า ตามคติความเชื่อของชาวจีน พ่อแม่ที่มีฐานะร่ำรวยนิยมซื้อเฟอร์นิเจอร์ซึ่งทำจากไม้พะยูงให้ลูก ทั้งในแง่การลงทุนและเป็นของขวัญ ดังนั้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเมื่อชาวจีนจำนวนมากมีกำลังซื้อสูงขึ้น ความต้องการไม้พะยูงจึงเพิ่มสูงขึ้นด้วย จนอาจกระทบต่อสิ่งมีชีวิตหลายชนิดที่เปราะบาง ซึ่งมีความสำคัญต่อการอยู่รอดของพื้ชและสัตว์ในทวีปแอฟริกา เช่นเดียวกับป่าในเมียนมาและอีกหลายชาติในภูมิภาคอาเซียน
เสี่ยว ตี้ (Xiao Di) นักวิชาการด้านไม้จากจีน ยอมรับว่า แม้จะรู้ว่าไม้พะยูงส่วนมากถูกตัดอย่างผิดกฎหมาย แต่ตัวแทนจำหน่ายชาวจีนก็สามารถหาทางติดสินบนเจ้าหน้าที่ศุลกากร เพื่อซื้อใบรับรอง CITES สำหรับฟอกไม้เหล่านี้ให้เข้าสู่แผ่นดินจีนได้อย่างถูกกฎหมาย อนึ่ง ผู้ใช้นามปากกาว่า ลี เฉิน (Lee Chen) ซึ่งเขียนบทความนี้ ให้ความเห็นว่า แม้ทั่วโลกจะหวั่นวิตกกับกลยุทธ์ของจีนที่เข้าไปลงทุนในประเทศด้อยพัฒนาและทำให้ประเทศเหล่านั้นสูญเสียอธิปไตยด้วยคำว่า “กับดักหนี้ (Debt-Trap)” แต่ความต้องการไม้พะยูงของชาวจีนก็เป็นภัยต่อป่าที่อุดมสมบูรณ์เช่นกัน
แม้ว่าทางการจีนจะยืนยันว่ากำลังเร่งแก้ไขปัญหาการลักลอบค้าไม้และสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ เช่น ผลิตภัณฑ์จากช้าง เสือและฉลาม แต่เม็ดเงินจากธุรกิจเหล่านี้ก็ทำให้การทำงานด้านอนุรักษ์ไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นสิ่งที่รัฐบาลจีนต้องทำให้มากขึ้นคือการสื่อสารกับประชาชนเพื่อลดปริมาณความต้องการ นอกเหนือจากการจัดการกับปัญหาการทุจริตในจีนเอง เพราะหากปราศจากความพยายามอย่างเต็มที่ ไม้พะยูงทั้งในไทย เมียนมา และแอฟริกา จะอยู่ในอันตรายและสูญพันธุ์ไปจากป่าในที่สุด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี