21 พฤศจิกายน 2563 สำนักข่าวซินหัวรายงาน งานวิจัยของสหราชอาณาจักรระบุการตรวจพบสัญญาณความเสียหายของอวัยวะภายในหลายชิ้นของผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ที่มีอายุน้อยและเดิมทีมีสุขภาพแข็งแรง หลังจากติดเชื้อและมีอาการป่วยนาน 4 เดือน

เดอะ การ์เดียน หนังสือพิมพ์สหราชอาณาจักร เผยว่างานวิจัยคัฟเวอร์สแกน (Coverscan) มุ่งประเมินผลกระทบระยะยาวของโรคโควิด-19 ต่ออวัยวะภายใน โดยทำการวิจัยกับ “กลุ่มคนที่มีความเสี่ยงต่ำ” ราว 500 ราย ซึ่งมีอายุค่อนข้างน้อย มีอาการป่วยโรคโควิด-19 นานหลายเดือน และไม่มีอาการป่วยร้ายแรงอื่นอยู่ก่อน

ข้อมูลชั้นต้นระบุว่าเมื่อทำการประเมินร่างกายผู้ป่วย 200 รายแรก พบว่าหลังติดเชื้อแล้ว 4 เดือน ผู้ป่วยเกือบร้อยละ 70 มีความเสียหายในอวัยวะภายในอย่างน้อย 1 ชิ้น เช่น หัวใจ ปอด ตับ และตับอ่อน

“ข่าวดีคือความเสียหายของอวัยวะอยู่ในระดับต่ำ แต่ก็ยังพบเห็นความเสียหายได้อย่างชัดเจน ผู้ป่วยร้อยละ 25 พบความเสียหายในอวัยวะอย่างน้อย 2 ชิ้น” อมิทาวา บาเนอร์จี แพทย์โรคหัวใจและผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านวิทยาศาสตร์ข้อมูลทางคลินิกของมหาวิทยาลัยคอลเลจ ลอนดอน ระบุ

“เรื่องนี้เป็นสิ่งสำคัญเพราะเราต้องรู้ว่ามัน (ความเสียหาย) เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องหรือบรรเทาลง หรือมีคนกลุ่มใดที่อาจอาการทรุดหรือไม่”

สถิติทางการซึ่งเผยแพร่เมื่อวันอาทิตย์ (15 พ.ย.) ระบุว่าสหราชอาณาจักรตรวจพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 เพิ่ม 24,962 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสมของประเทศอยู่ที่ 1,369,318 ราย และมีผู้ป่วยเสียชีวิตเพิ่ม 168 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยเสียชีวิตรวมอยู่ที่ 51,934 ราย

สหราชอาณาจักรเป็นประเทศแรกในยุโรปที่มีผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 สูงเกิน 50,000 ราย และเป็นประเทศที่ 5 ของโลก ต่อจากสหรัฐฯ บราซิล อินเดีย และเม็กซิโก

ปัจจุบันอังกฤษอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์นาน 1 เดือน ครั้งที่ 2 นับตั้งแต่เกิดการระบาดใหญ่ โดยจะมีผลบังคับใช้จนถึงวันที่ 2 ธ.ค. เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19