วอชิงตัน (เอเอฟพี/รอยเตอร์) – ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ เป็นบุคคลที่ชาวอเมริกันนิยมชมชอบมากที่สุดประจำปี 2020 เป็นครั้งแรก เขี่ยอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา ที่ครองมา 12 ปีติดต่อกัน ส่วนว่าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน และน.พ.แอนโธนี เฟาซี มาเป็นอันดับ 3 และ 4
ผลสำรวจความนิยมของชาวอเมริกัน โดยแกลลัปโพลล่าสุดที่เปิดเผยเมื่อวานนี้ปรากฏว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ คว้าบุคคลที่ชาวอเมริกันนิยมชมชอบมากที่สุดประจำปี 2020 เป็นครั้งแรกที่ทรัมป์ชนะโพลนี้ เขี่ยอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา ซึ่งเป็นผู้นำสหรัฐคนก่อนหน้าทรัมป์ ที่ชนะโพลนี้ ติดต่อกันมานาน 12 ปีตกไปอยู่อันดับ 2 ในปีนี้ ส่วนอันดับ 3 คือว่าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน และอันดับ 4 คือน.พ.แอนโธนี เฟาซี หัวหน้าที่ปรึกษาด้านการแพทย์ของว่าที่ประธานาธิบดีไบเดน ส่วนฝ่ายหญิง ปรากฏว่านางมิเชล โอบามา ภริยาของบารัค โอบามา ซึ่งเป็นอดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง เป็นสตรีที่คนอเมริกันนิยมชมชอบมากที่สุดประจำปี 2020 และเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน
แกลลัปทำโพลสำรวจบุคคลที่ชาวอเมริกันนิยมชมมากที่สุด เป็นประจำทุกปี โดยปีนี้ทำการสำรวจจากชาวอเมริกันทั้งหมด 1,018 คน ระหว่างวันที่ 1-17 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยร้อยละ 18 เลือกประธานาธิบดีทรัมป์ ส่วนโอบามาได้ร้อยละ 15 ไบเดนได้ไปร้อยละ 6 และน.พ.แอนโธนี เฟาซี ได้ที่ 4 ได้คะแนนไปร้อยละ 3 แกลลัปโพลระบุว่า ปกติแล้ว ประธานาธิบดีสหรัฐที่ยังอยู่ในตำแหน่ง มักจะได้รับเลือกเป็นบุคคลที่ชาวอเมริกันนิยมชมชอบมากที่สุดประจำปี แต่ประธานาธิบดีทรัมป์กลับไม่เคยได้รับเลือกเลย นับตั้งแต่ขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐในปี และเพิ่งได้รับเลือกในปีนี้ ซึ่งเป็นปีสุดท้ายก่อนที่เขาจะพ้นตำแหน่ง
การที่ทรัมป์ได้เป็นบุคคลที่ชาวอเมริกันนิยมชมชอบมากที่สุด อาจจะขัดแย้งกับผลสำรวจความนิยมการยอมรับผลงานของทรัมป์ ตลอด 4 ปีที่ผ่านมาโดยสาเหตุเนื่องจากความล้มเหลวในหลายเรื่อง โดยเฉพาะการปราบโควิด-19 ซึ่งเขาได้คะแนนค่อนข้างต่ำมาตลอด แต่กัลลัปโพลอธิบายว่า เป็นเพราะไม่ว่าทรัมป์จะถูกคนอื่นมองอย่างไร แต่สำหรับภายในพรรครีพับลิกัน รวมไปถึงประชาชนที่สนับสนุนพรรครีพับลิกันแล้ว ทรัมป์ยังคงเป็นที่นิยมชมชื่น โดยร้อยละ 48 ของกลุ่มผู้สนับสนุนพรรครีพับลิกันที่ตอบแบบสำรวจของกัลลัปโพลนี้ เทคะแนนเลือกทรัมป์ แต่ชาวพรรคเดโมแครตกลับเสียงแตก ไม่ได้เทคะแนนให้โอบามาคนเดียว แต่มีการแบ่งคะแนนไปให้ไบเดนกับ น.พ.เฟาซีด้วย
ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีทรัมป์ทวีตข้อความในวันอังคารว่า การผ่านร่างงบประมาณกลาโหมฉบับนี้ถือเป็นการกระทำที่ขลาดเขลาและน่าอับอาย ถือเป็นการยอมสยบต่อบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ พร้อมทั้งเรียกร้องอีกครั้งมีการปรับแก้งบประมาณฉบับนี้ เป็นการกระตุ้นให้วุฒิสภาสหรัฐสนับสนุนตนเองในการใช้อำนาจยับยั้ง หรือ วีโต้ ร่างงบประมาณด้านการทหารฉบับใหม่มูลค่า 740,000 ล้านดอลลาร์ แม้ว่าสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ เพิ่งลงมติให้ล้มเลิกการวีโต้ดังกล่าวเมื่อคืนวันจันทร์ อย่างไรก็ดี คาดกันว่า ส.ว.ส่วนใหญ่จะมีความเห็นไปในทิศทางเดียวกับสภาล่าง นอกจากนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ยังต้องการให้สภาคองเกรสถอดบทบัญญัติในร่างกฎหมายกลาโหม ที่เปิดทางให้มีการเปลี่ยนชื่อฐานทัพ ซึ่งเป็นชื่อของอดีตผู้นำสมาพันธรัฐฝ่ายใต้ในยุคสงครามกลางเมือง รวมทั้งขอให้ถอดถอนการปกป้องสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ ในการถูกฟ้องร้องจากการโพสต์ความเห็นที่ไม่เหมาะสมของผู้ใช้สื่อออนไลน์นั้น ๆ ด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี