7 สิงหาคม 2568 ทำเอาสั่นสะเทือนไปทั่วโลกหลังจากที่ได้ดูรายการทางช่องยูทูบ The Diary Of A CEO ที่มีผู้ติดตามกว่า 11.6 ล้านคน มีสตีเวน บาร์ตเลตต์ เป็นผู้ดำเนินรายการ ใน EP Ex-Google Exec (WARNING): The Next 15 Years Will Be Hell Before We Get To Heaven! ที่ได้ โม กอว์ดัต (Mo Gawdat) อดีตประธานฝ่ายธุรกิจของกูเกิล (Google)
'โม กอว์ดัต' (Mo Gawdat) อายุ 58 ปี อดีตประธานฝ่ายธุรกิจของกูเกิล ได้ออกมาอธิบายถึงภาพอนาคตอันมืดมนที่เต็มไปด้วยการตกงานอย่างแพร่หลาย ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ และความวุ่นวายทางสังคมจากคลื่นการเปลี่ยนแปลงของ AI (ปัญญาประดิษฐ์) อีก 15 ปีข้างหน้าจะเป็นเหมือนนรก ก่อนที่เราจะไปถึงสวรรค์ โดยเขาได้ยกตัวอย่างสตาร์ตอัปของเขาเองชื่อ Emma.love ซึ่งพัฒนา AI ที่เน้นเรื่องอารมณ์และความสัมพันธ์ โดยมีทีมงานเพียง 3 คนเท่านั้น ซึ่งบริษัทแบบนี้ในอดีตจะต้องใช้โปรแกรมเมอร์ถึง 350 คน
'โม กอว์ดัต' เตือนว่า ยุคสิ้นสุดของงานสายออฟฟิศจะเริ่มต้นขึ้นภายในช่วงปลายทศวรรษ 2020 ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโครงสร้างการทำงานของสังคมแล้วเขายังชี้ให้เห็นว่า คลื่นเทคโนโลยีในอดีตมักกระทบแรงงานใช้แรงงานเป็นหลัก แต่คลื่นการปฏิวัติรอบนี้จะมุ่งเป้าไปยังแรงงานมีการศึกษาและชนชั้นกลาง ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจยุคใหม่ เขาเตือนว่า หากไม่มีการกำกับดูแลจากภาครัฐอย่างเหมาะสม เทคโนโลยี AI จะยิ่งทวีความมั่งคั่งและอำนาจให้กับกลุ่มคนที่ครอบครองหรือควบคุมระบบเหล่านี้ ในขณะที่แรงงานนับล้านจะต้องดิ้นรนหาที่ทางของตนในเศรษฐกิจยุคใหม่ ซึ่งกระทบแน่นอนกับปัญหาเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วนี้จะส่งผลกระทบรุนแรงต่อสังคมในวงกว้างอีกด้วย
อีกทั้ง AIจะจุดชนวนให้เกิดความไม่สงบทางสังคมอย่างรุนแรง เพราะมีคนจำนวนมากจะต้องสูญเสียอาชีพ ซึ่งจะนำไปสู่ปัญหาสุขภาพจิตที่เพิ่มขึ้น ความเหงาที่มากขึ้น และความแตกแยกในสังคมที่ลึกยิ่งขึ้น ถ้าคุณไม่ติดอยู่ในกลุ่มบนสุด 0.1% คุณก็เป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา ชนชั้นกลางจะไม่เหลืออีกต่อไป
อดีตผู้บริหารกูเกิลยังกล่าวอีกว่า แม้จะคาดการณ์ในแง่ร้ายแต่หลังจากช่วงเวลาแห่งนรก จะตามมาด้วย'ยุคยูโทเปีย'ซึ่งจะเริ่มขึ้นหลังปี 2040 ผู้คนไม่ต้องทำงานซ้ำซากจำเจอีกต่อไป เขาเชื่อว่ามนุษยชาติควรเปลี่ยนจากการยึดติดกับ "บริโภคนิยมและความโลภ" ไปสู่การขับเคลื่อนด้วยความรักและการเติบโตทางจิตวิญญาณ
ทั้งรัฐบาล ภาคธุรกิจ และประชาชน ต้องร่วมกันเตรียมรับมืออย่างจริงจัง เช่น การนำแนวคิดรายได้พื้นฐานถ้วนหน้า (Universal Basic Income) มาใช้เพื่อช่วยให้ผู้คนปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลง แม้ว่าเรากำลังมุ่งหน้าเข้าสู่ยุคดิสโทเปียในระยะสั้น แต่เรายังสามารถเลือกได้ว่า อนาคตหลังจากนั้นจะเป็นอย่างไร ซึ่งอนาคตยังสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของสังคมในวันนี้
เขายังให้ความเห็นอีกว่า ผลลัพธ์ในอนาคตจะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจเรื่องการกำกับดูแล การเข้าถึงเทคโนโลยีอย่างเท่าเทียม และสิ่งที่เขาเรียกว่าการโปรแกรมด้านศีลธรรมให้กับอัลกอริทึมของ AI สิ่งสุดท้ายที่มนุษยชาติอาจฝากไว้ คือการที่เราสามารถปรับตัว จินตนาการใหม่ และทำให้โลกยุคใหม่กลับมามีความเป็นมนุษย์อีกครั้ง คำทำนายของเขาเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จาก AI กำลังได้รับการสนับสนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจและการวิเคราะห์ของกระแสหลักมากขึ้นเรื่อยๆ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี