เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2564 สำนักข่าว Voice of America สหรัฐอเมริกา เสนอข่าว COVID Vaccines Open Door for Cancer Treatments, Others ระบุว่า เทคโนโลยีใหม่อย่าง mRNA ที่ใช้เพื่อพัฒนาวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ของไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค และโมเดอร์นา อาจถูกนำไปต่อยอดเพื่อใช้รักษาโรคอื่นๆ เช่น มะเร็ง โรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง และอื่นๆ ได้ในอนาคต โดยนักวิทยาศาสตร์กำลังใช้เทคโนโลยีเดียวกันในการคัดเลือกระบบภูมิคุ้มกันเพื่อต่อสู้กับเนื้องอก และเมื่อระบบภูมิคุ้มกันโจมตีผิดพลาด เช่นเดียวกับโรคประสาทส่วนกลางเสื่อม เทคโนโลยีใหม่อาจกำจัดโรคภัยไข้เจ็บเหล่านี้ออกไปจากร่างกายได้
mRNA เป็นเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนที่ถูกพัมนามานานหลายปี และวัคซีนโควิด-19 เป็นวัคซีนชนิดแรกที่ผลิตจากเทคโนโลยีนี้ ซึ่ง ดรูว์ ไวส์แมน (Drew Weissman) ศาสตราจารย์ด้านการแพทย์ มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย กล่าวว่า การระบาดของไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และได้แสดงให้โลกเห็นว่า วัคซีน RNA คืออะไรและสามารถทำอะไรได้บ้าง
RNA นั้นคล้ายกับ DNA ที่เป็นสารเก็บพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต “m” หมายถึงผู้ส่งสารในขณะที่ DNA เก็บพิมพ์เขียวพันธุกรรม mRNA จะทำให้ร่างกายสร้างชิ้นส่วนไวรัสขึ้น และทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายตอบสนองหากมีไวรัสจริงๆ เข้าสู่ร่างกาย ซึ่งต่างจากเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนแบบเดิมที่มักใช้เชื้อที่ตายแล้วหรือถูกทำให้อ่อนแอลง การผลิตวัคซีนแบบดั้งเดิม หมายถึงการเจริญเติบโตของไวรัสปริมาณมากหรือบางส่วนไปเพาะเลี้ยงในระบบสิ่งมีชีวิตที่ละเอียดอ่อน เช่น ไข่ไก่ หรือถังเซลล์ จากนั้นนำมาทำให้บริสุทธิ์เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย
วัคซีน mRNA ผลิตได้ง่ายและเร็วกว่านั้น RNA เป็นเพียงสายของโมเลกุลที่สามารถประกอบได้ด้วยเครื่องมือในห้องปฏิบัติการ นั่นเป็นเหตุผลหนึ่งที่วัคซีนโควิด-19 ที่ใชแทคโนโลยีนี้สามารถผลิตออกมาได้อย่างรวดเร็ว ทำให้นักวิทยาศาสตร์เล็งเห็นว่าน่าจะนำเทคโนโลยีดังกล่าวไปใช้รักษาโรคมะเร็ง เพราะในขณะที่ยาที่มีอยู่ทำงานด้วยการระบุเป้าหมายกลายพันธุ์เฉพาะที่มักพบในเซลล์มะเร็ง แต่วัคซีน mRNA สามารถปรับแต่งให้เข้ากับเนื้องอกของผู้ป่วยแต่ละรายได้ ซึ่งเนื้องอกแต่ละตัวมีการกลายพันธุ์ที่ไม่ซ้ำกัน
เช่น การสัมผัสกับแสงแดดจะทำลาย DNA ในพื้นที่สุ่มทั่วทั้งยีนของเซลล์ผิวหนังของผู้ป่วย การกลายพันธุ์เหล่านี้บางส่วนทำให้เซลล์กลายเป็นมะเร็ง แต่การกลายพันธุ์นี้พบได้ในเซลล์มะเร็งเท่านั้น จึงเป็นเป้าหมายของระบบภูมิคุ้มกันในการโจมตีโดยไม่ทำร้ายเซลล์ที่แข็งแรงของผู้ป่วย การทดลองทางคลินิกระยะแรกของวัคซีน mRNA สำหรับใช้กับโรคมะเร็ง ได้รับการตีพิมพ์ในปี 2560 ในวารสารวิชาการด้านวิทยาศาสตร์ที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงอย่าง Nature นักวิจัยของไบโฮเอ็นเทคและคณะ ได้นำเนื้องอกออกจากผู้ป่วยมะเร็งผิวหนังจำนวน 13 ราย
คณะผู้วิจัยได้อ่านจีโนมของเซลล์มะเร็งทั้งหมดและระบุการกลายพันธุ์ 10 ครั้งในแต่ละเนื้องอก และให้วัคซีน mRNA กับผู้ป่วยโดยพิจารณาจากการกลายพันธุ์ของเนื้องอกของผู้ป่วยแต่ละราย จากนั้นอีก 1-2 ปีให้หลัง การตรวจสอบพบผู้ป่วย 8 ราย ไม่มีเนื้องอกเกิดขึ้นใหม่อีก ซึ่งเป็นอัตราที่สูงอย่างเหลือเชื่อ ในขณะที่ 1 ราย มีเนื้องอกกลับมาใหม่ แต่ก็ทุเลาลงเมื่อได้รับยาชนิดอื่น อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องทำการศึกษากันต่อไปก่อน ถึงกระนั้น ไวส์แมน ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับงานวิจัยนี้ ก็มองว่าเป็นผลลัพธ์ที่ยอดมาก
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า ในขณะที่การรักษาเหล่านี้กระตุ้นภูมิคุ้มกันเพื่อให้โจมตี แต่ผู้พัฒนารายอื่นๆ กำลังพัฒนาวัคซีนที่กระตุ้นการล่าถอย เช่น ในผู้ป่วยโรคประสาทส่วนกลางเสื่อม ระบบภูมิคุ้มกันจะโจมตีปลอกไมอิลินที่อยู่รอบเส้นใยประสาท ทำให้เกิดอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง อีกทั้งยังส่งผลกระทบกับการมองเห็นและอื่นๆ ที่ทำให้ร่างกายอ่อนแอลง แต่การรักษาก็อาจส่งผลในการกวาดล้างระบบภูมิคุ้มกัน กลายเป็นทำให้ผู้ป่วยเสี่ยงติดเชื้อได้
นอกจากเป็นผู้โจมตีแล้ว ระบบภูมิคุ้มกันยังมชุดเซลล์ที่ขัดขวางการทำงานของมันเอง และเป็นเซลล์กลุ่มนี้ที่นักวิจัยกำหนดเป้าหมายในการศึกษาล่าสุดที่ถูกเผยแพร่ใน Science วารสารวิชาการที่มีชื่อเสียงอีกฉบับหนึ่ง พวกเขาพัฒนาวัคซีนจากเทคโนโลยี mRNA เพื่อให้เหล่าผู้สร้างสันติภาพเข้าไปยับยั้งเซลล์ภูมิคุ้มกันที่ไล่ล่าไมอีลิน ผลการทดลองกับหนูพบวัคซีนหยุดยั้งอาการในหนูที่ยังไม่ป่วยไม่ให้เกิดขึ้น และหยุดการลุกลามในหนูที่มีอาการป่วยแล้ว ไวส์แมน กล่าวว่า จนกว่าจะสามารถใช้กับมนุษย์ได้ แต่มันก็มีศักยภาพอย่างยอดเยี่ยม
รายงานข่าวยังกล่าวอีกว่า ไวส์แมนและคณะ กำลังทำงานกับวัคซีน mRNA เพื่อใช้รักษาโรคภูมิแพ้ประเภทต่างๆ รวมถึงโรคโลหิตจางชนิดเม็ดเลือดแดงรูปเคียว ดังนั้นในขณะที่วัคซีนโควิด-19 คือวัคซีนที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี mRNA ชนิดแรกที่วางตลาด แต่มันก็อาจเป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของภูเขาน้ำแข็ง สำหรับการนำเทคโนโลยีดังกล่าวไปใช้กับการรักษาในอีกหลายโรค
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี