เวียดนามโควิดลาม
รพ.ใหญ่สู่ชุมชนป่วยพุ่ง
‘อินเดีย’ติดเชื้อยังวิกฤติ
เพื่อนบ้านสั่งปิดชายแดน
อินเดียติดเชื้อโควิดยังพุ่ง 4.12 แสนคน ยอดทะลุ 21.1 ล้านคน เสียชีวิตกว่า 2.3 แสนศพ แพทย์ชี้ยอดจริงน่าจะมากกว่าอีก 5-10 เท่าขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านอินเดีย ผวาสั่งปิดพรมแดน หลังระบาดซ้ำ ด้านเวียตนาม ติดโควิดเพิ่ม 60 คลัสเตอร์ใน รพ.ใหญ่ลามสู่ชุมชน
เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม สำนักข่าวต่างประเทศรายงานถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศอินเดีย ว่าพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในรอบ 24 ชั่วโมง มากถึง 412,262 คน และผู้เสียชีวิต 3,980 คนทำให้ถึงขณะนี้พบผู้ติดเชื้อทั้งหมดมากกว่า 21.1 ล้านคนแล้ว ส่วนผู้เสียชีวิตทั้งหมด อยู่ที่ 230,168 คน ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์หลายคนกล่าวว่า ตัวเลขจริงของผู้ติดเชื้อในอินเดียน่าจะสูงกว่าตัวเลขทางการประมาณ 5-10 เท่า
นพ.กฤษณสวามี วิชัยระวัน ที่ปรึกษาด้านนโยบายการแพทย์และวิทยาศาสตร์ของอินเดีย เปิดเผยว่า การหมุนเวียนของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในอินเดีย อยู่ในระดับสูง แม้สถานการณ์การแพร่ระบาดระลอกปัจจุบันซึ่งเป็นระลอกที่ 2 จะดีขึ้นในอนาคต โดยทุกภาคส่วนต้องเตรียมความพร้อมรับมือกับการแพร่ระบาดครั้งที่ 3 ที่จะเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี แห่งอินเดีย เผชิญกับเสียงวิจารณ์อย่างหนักจากหลายฝ่ายว่า ชะล่าใจและการ์ดตก ปล่อยให้มีการจัดกิจกรรมที่เป็นซุปเปอร์สเปรเดอร์ทั้งการปราศรัยทางการเมืองและงานมหากุมภะ เมลา ซึ่งเป็นพิธีอาบน้ำในแม่น้ำคงคา ตามความเชื่อของชาวฮินดู
จากสถานการณ์แพร่ระบาดดังกล่าวในอินเดีย ทำให้ประเทศศรีลังกาบังกลาเทศ และเนปาล ออกมาตรการปิดชายแดนฝั่งที่ติดกับประเทศอินเดีย หลังยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศเหล่านี้เพิ่มขึ้นเช่นกัน
ส่วนองค์การอนามัยโลก กล่าวในรายงานประจำสัปดาห์ว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกนั้นเป็นผู้ติดเชื้อในอินเดียเกือบครึ่งหนึ่งและผู้เสียชีวิตในอินเดียคิดเป็น 1 ใน 4 ของผู้เสียชีวิตจากทั่วโลก
ส่วนสหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ (IFRC) ระบุว่า ขณะนี้หลายโรงพยาบาลที่ประเทศเนปาล โดยเฉพาะฝั่งชายแดนที่ติดอินเดียเต็มไปด้วยผู้ป่วย และเนปาลพบอัตราผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นถึง 57 เท่า เมื่อเทียบกับเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยศรีลังกา และบังกลาเทศ ก็พบอัตราผู้ติดเชื้อ และเสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างมาก ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาเช่นเดียวกัน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงฮานอย ประเทศเวียดนามว่ากระทรวงสาธารณสุขเวียดนาม รายงานสถิติผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ว่ามีอย่างน้อย 3,090 คน เพิ่มขึ้น60 คน รักษาหายสะสม อย่างน้อย 2,560 คน และเสียชีวิตสะสมอย่างน้อย 35 ราย โดยผู้ป่วยกลุ่มล่าสุดเป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 4 คน ที่เหลือ 56 คนติดเชื้อจากภายในประเทศซึ่งจำนวนนี้ 16 คน มีความเชื่อมโยงกับโรงพยาบาลโรคติดต่อเขตร้อนแห่งชาติ กรุงฮานอย ที่เป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ที่สุด เป็นแนวหน้าในภารกิจต่อสู้กับไวรัสโควิด-19 แต่ต้องล็อกดาวน์ 14 วัน นับตั้งแต่วันที่ 5 พฤษภาคมที่ผ่านมา หลังจากพบแพทย์รายหนึ่งติดเชื้อ
ขณะนี้คลัสเตอร์ไวรัสโควิด-19 ที่โรงพยาบาลแห่งนี้มีผู้ป่วยสะสมเพิ่มเป็นอย่างน้อย 40 คนแล้ว ทั้งแพทย์ พยาบาล ผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขเวียดนาม กำลังเร่งติดตามผู้ป่วยนอกทุกคนที่เข้ามารักษาตัวในช่วงที่ ถือว่าเป็นช่วงเวลาเสี่ยง ในรอบวันมีผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้น12 คน ที่จังหวัดบั๊กนิญ ทางตะวันออกของกรุงฮานอย ผลสอบสวนโรคเบื้องต้นพบว่าต่างเกี่ยวข้องกับโรงพยาบาลนี้ในทางใดทางหนึ่ง ซึ่งรัฐบาลเวียดนามประกาศยกระดับมาตรการควบคุมพรมแดนตั้งแต่วันที่ 5 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยนับจากนี้ผู้ที่เดินทางเข้าประเทศไม่ว่ามาจากประเทศใดต้องกักตัว 21วันในสถานที่ของรัฐ
ด้านสำนักข่าวรัสเซียนทูเดย์ อ้างการเปิดเผยของนายเยนส์ชพาห์น รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขเยอรมนี ที่ระบุว่ารัฐบาลเยอรมนีอนุญาตให้ใช้วัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ของแอสตราเซเนกา ในประชากรวัยผู้ใหญ่ทุกช่วงวัย จากเดิมที่ให้ใช้เฉพาะผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไปเนื่องจากความกังวลผลข้างเคียงเรื่องการเกิดลิ่มเลือดอุดตันในประชากรอายุต่ำกว่า 60 ปี
ชพาห์น กล่าวด้วยว่า ขณะนี้แพทย์สามารถฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา หรือที่ในเยอรมนีใช้ชื่อว่า แว็กซ์เซฟเรีย โดยไม่ต้องคำนึงถึงการจัดลำดับความสำคัญ และมีอิสระในการวินิจฉัยว่าจะลดระยะเวลาการรับวัคซีนโดสที่ 2 จากเดิม 12 สัปดาห์ เหลือ 4 สัปดาห์หรือไม่ นอกจากนี้ภายในสิ้นเดือนสิงหาคมนี้ เด็กและเยาวชนอายุ 12-18 ปีในประเทศควรได้รับวัคซีนของไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทคในเดือนมิถุนายนนี้
รายงานข่าวระบุว่า มีผู้คนจำนวนน้อยที่พบผลข้างเคียงเกิดลิ่มเลือดอุดตันเมื่อฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา ทำให้องค์การยาแห่งสหภาพยุโรป (EMA) ได้ตรวจสอบและสรุปว่า วัคซีนแอสตราเซเนกามีความปลอดภัย และลิ่มเลือดอุดตันนั้นเป็นผลข้างเคียงที่พบได้ยาก ส่วนใหญ่เกิดกับผู้หญิงอายุต่ำกว่า 60 ปี ภายใน 2 สัปดาห์หลังจากฉีดวัคซีน ทั้งนี้ ข้อมูลเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคมที่ผ่านมา พบว่าชาวเยอรมนีร้อยละ 30 ได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 โดส และร้อยละ 8.6 ได้ครบ 2 โดสแล้ว
วันเดียวกัน นายบิล เดอบลาซิโอ นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า มีแผนจะจัดรถโมบายฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ให้กับนักท่องเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ อาทิ ตึกเอ็มไพร์สเตท ย่านไทม์สแควร์สะพานบรูคลินไฮไลน์ และสวนสาธารณะเซ็นทรัลพาร์ค โดยจะฉีดวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอหน์สัน แบบเข็มเดียว ฟรี เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้สามารถใช้ชีวิต ท่องเที่ยวได้อย่างเพลิดเพลิน ซึ่งมาตรการดังกล่าวรัฐจะต้องแก้กฎเกณฑ์เล็กน้อย ให้สามารถฉีดวัคซีนให้กับผู้ที่ไมได้อาศัยในนิวยอร์ก และไม่ได้ทำงานในเมืองแห่งนี้ โดยเป้าหมายของมาตรการนี้คือการฟื้นฟูเศรษฐกิจ พร้อมกับสร้างงานในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกว่า 90,000 อัตรา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี