โอกาสน้อยกว่า1ในล้าน! อินเดียเผยพบลิ่มเลือดอุดตันหลังฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาเพียง0.000061%
18 พ.ค. 2564 เว็บไซต์ นสพ.The Indian Express ของอินเดีย เสนอข่าว Less than one clotting event per million Covishield doses: govt ระบุว่า ในขณะที่ทวีปยุโรปกังวลเรื่องผลข้างเคียงภาวะลิ่มเลือดอุดตันซึ่งพบได้ยาก จากวัคซีนโควิด-19 ที่พัฒนาโดยแอสตราเซเนการ่วมกับมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ จนมีการสั่งระงับการใช้วัคซีนดังกล่าวในหลายประเทศ แต่ที่อินเดีย พบสัดส่วนผู้รับวัคซีนชนิดนี้แล้วมีผลข้างเคียงลิ่มเลือดอุดตันเพียง 0.61 คนต่อการฉีดวัคซีน 1 ล้านครั้ง หรือคิดเป็นร้อยละ 0.000061 เท่านั้น
กระทรวงสาธารณสุขของอินเดีย เปิดเผยผลการศึกษาดังกล่าวเมื่อวันที่ 17 พ.ค. 2564 แสดงให้เห็นว่า วัคซีนแอสตราเซเนกา หรือที่ใช้ชื่อในอินเดียว่า “โควิชิลด์ (Covishield)” มีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงอย่างชัดเจน ทั้งในง่ลดความเสี่ยงด้านการติดเชื้อและการเสียชีวิตจากเชื้อ ส่วนวัคซีนโควิด-19 อีกยี่ห้อหนึ่งที่ใช้ในอินเดีย คือ “โคแว็กซิน (Covaxin)” ไม่มีรายงานพบผลข้างเคียงลิ่มเลือดอุดตัน
ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับรายงานของ MHRA ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลด้านการแพทย์และสุขภาพในอังกฤษ ที่พบสัดส่วนผลข้างเคียงลิ่มเลือดอุดตันเมื่อใช้วัคซีนแอสตราเซเนา อยู่ที่ 4 คนต่อการฉีด 1 ล้านครั้ง หรือรายงานจากประเทศเยอรมนีที่พบ 10 คนต่อการฉีด 1 ล้านครั้ง เท่ากับอินเดียยังพบผลข้างเคียงน้อยกว่าอาการที่เกิดจากลิ่มเลือดอุดตัน ได้แก่ เส้นเลือดแตกหลวมและถูกกระแสเลือดไปเสียบเส้นเลือดอื่น ซึ่งหลังจากนี้กระทรวงสาธารณสุขของอินเดียจะเผยแพร่คำแนะนำให้ผู้รับวัคซีนสังเกตอาการต้องสงสัยเป็นระยะเวลา 20 วันนับตั้งแต่วันฉีดวัคซีน
คณะกรรมการติดตามเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์หลังการฉีดวัคซีน (AEFI) ได้สอบสวนเชิงลึกจำนวน 498 กรณีที่มีรายงานผลข้างเคียงรุนแรงหลังใช้วัคซีนโควิชิลดิ์ ซึ่งมี 26 กรณีต้องสงสัยว่าอาจเป็นอาการลิ่มเลือดอุดตัน ข้อสรุปคือ กรณีเลือดออกและการแข็งตัวของเลือดหลังการฉีดวัคซีนในอินเดียมีน้อยและสอดคล้องกับจำนวนการวินิจฉัยภาวะเหล่านี้ในประเทศที่คาดไว้ ที่น่าสนใจคือ ความเสี่ยงนี้ในคนเชื้อสายเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยังพบน้อยกว่าคนเชื้อสายยุโรปถึงร้อยละ 70
โดยอาการไม่พึงประสงค์ที่กระทรวงฯ แนะนำให้ผู้รับวัคซีนสังเกต ได้แก่ หายใจไม่ออก เจ็บหน้าอก ปวดเมื่อยตามแขน-ขา หรือแขน-ขาบวม มีผื่นแดงขนาดเท่าเข็มหมุดหรือรอยช้ำบนผิวหนังในจุดอื่นๆ ที่ไม่ใช่บริเวณที่ฉีดวัคซีน ปวดท้องอย่างต่อเนื่องไม่ว่ามีหรือไม่มีการอาเจียนร่วมด้วย อาการชักในคนที่ไม่เคยมีประวัติการชักมาก่อนทั้งที่มีและไม่มีการอาเจียนร่วมด้วย
ปวดศีรษะอย่างรุนแรงและต่อเนื่องไม่ว่าจะมีหรือไม่มีการอาเจียนร่วมด้วยในคนที่ไม่มีประวัติป่วยเป็นโรคไมเกรนหรือปวดศีรษะเรื้อรังมาก่อน แขน-ขาข้างใดข้างหนึ่งอ่อนแรง หรือร่างกายซีกใดซีกหนึ่งอ่อนแรงรวมถึงใบหน้า อาเจียนอย่างต่อเนื่องโดยไร้สาเหตุ ตาพร่ามัวหรือปวดตาหรือเห็นภาพซ้อน รวมถึงอาการทางจิตที่เกิดภาวะสับสนและซึมเศร้า หากพบว่ามีอาการเหล่านี้ให้รีบรายงานไปยังสถานพยาบาลที่ไปรับการฉีดวัคซีนทันที
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า ย้อนไปเมื่อวันที่ 7 เม.ย. 2564 MHRA ได้ออกคำแนะนำเพื่อสรุปความเชื่อมโยงที่เป็นไปได้ระหว่างวัคซีนแอสตราเซเนกากับอาการลิ่มเลือดอุดตันที่พบได้ยาก จากนั้นอีก 1 เดือนต่อมา คณะกรรมการร่วมด้านการฉีดวัคซีนและการสร้างภูมิคุ้มกัน (JCVI) ในอังกฤษ แนะนำว่าผู้มีอายุ 30-39 ปีที่ไม่มีภาวะสุขภาพพื้นฐาน ควรได้รับวัคซีนโควิด-19 ยี่ห้ออื่นแทนแอสตราเซเนกา หากเป็นไปได้และทางเลือกนั้นไม่ก่อให้เกิดความล่าช้าอย่างมากในการรับวัคซีน แต่ JCVI ก็ย้ำว่า ผลข้างเคียงจากวัคซีนแอสตราเซเนกานั้นพบได้ยากมาก ดังนั้นสำหรับคนส่วนใหญ่มันจึงมีประโยชน์มากกว่าในด้านการป้องกันอาการป่วยรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต
เช่นเดียวกับองค์การยาแห่งสหภาพยุโรป (EMA) ซึ่งสนับสนุนวัคซีนแอสตราเซเนกา ยืนยีนอีกเสียงว่ากรณีลิ่มเลือดอุดตันนั้นพบได้ยากมาก อัตราส่วนคาดการณ์ไว้ที่ 1 คนต่อผู้รับการฉีดวัคซีน 1 แสนคน และวัคซีนมีประสิทธิภาพในการป้องกันอาการป่วยหนักถึงขั้นต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลรวมถึงการเสียชีวิต อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อมูลไม่เพียงพอจากทั้งสหภาพยุโรป (EU) ที่จะอธิบายเพิ่มเติมด้านประโยชน์และความเสี่ยงของคนแต่ละเพศ
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 17 พ.ค. 2564 เว็บไซต์ นสพ. Hindustan Times สื่ออีกสำนักหนึ่งของอินเดีย เสนอข่าว AEFI committee's report reveals bleeding, clotting cases from AstraZeneca Covid-19 vaccine minuscule in India ระบุว่า ณ วันที่ 27 เม.ย. 2564 อินเดียมีการฉีดวัตซีนโควิด-19 ของแอสตราเซเนกา ไปแล้ว 134 ล้านโดส และเมื่อวันที่ 17 พ.ค. 2564 อินเดียมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่น้อยกว่า 3 แสนคนเป็นครั้งแรกในรอบ 26 วัน
อาการไม่พึงประสงค์จากการฉีดวัคซีนในอินเดียที่มีรายงานผ่านแพลตฟอร์ม "โควิน (CoWin)" พบรายงานกว่า 23,000 กรณีใน 684 เขตจากทั้งหมด 753 เขตทั่วประเทศ นับตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย. 2564 แต่มีเพียง 700 กรณีเท่านั้น คือคิดเป็น 9.3 คนต่อการฉีดวัคซีน 1 ล้านครั้ง ที่พบว่าเป็นผลข้างเคียงระดับรุนแรง และหลังจากสืบสวนเชิงลึกจำนวน 498 กรณี ได้ข้อสรุปว่ามี 26 กรณีต้องสงสัยว่าอาจเป็นอาการลิ่มเลือดอุดตัน
ในขณะที่ประเทศอังกฤษ สำนักข่าว BBC รายงานเมื่อวันที่ 26 เม.ย. 2564 ว่า องค์กร MHRA เปิดเผยข้อมูลผลข้างเคียงการฉีดวัคซีนจำนวนกว่า 20 ล้านโดส พบผู้มีอาการไม่พึงประสงค์ 79 คน และเสียชีวิต 19 ราย ทั้งนี้ วัคซีนแอสตราเซเนกา ที่ใช้ในอินเดียนั้นผลิตโดยสถาบันเซรุ่มแห่งชาติอินเดีย (SII) ตั้งอยู่ที่เมืองปูเน
ที่มา hindustantimes
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี