21 พ.ค. 2564 สำนักข่าว Times Live ในเครือ นสพ.Sunday Times ของแอฟริกาใต้ เสนอข่าว Concern over 'chemsex' grows as Covid-19 shuts Thailand's LGBT+ bars ระบุว่า สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอก 3 ในประเทศไทย ทำให้ทางการต้องใช้มาตรการปิดสถานบันเทิง รวมถึงสถานที่เสี่ยงอื่นๆ อีกครั้ง ซึ่งนั่นได้นำไปสู่ปัญหาใหม่ คือการลักลอบมั่วสุมเสพยาเสพติดและมีเพศสัมพันธ์อย่างไม่ปลอดภัย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ (LGBT+)
โดยหลายกรณีพบทั้งยาไอซ์ (Crystal Meth) และแกมมาไฮดรอกซีบิวทีริก (GHB) หรือที่เรียกกันว่า “ยาเสียตัว” ซึ่ง “บีม (Beam-นามสมมติ)” หนุ่มเกย์วัย 34 ปี มีอาชีพแสดงภาพยนตร์แนววาบหวิวสำหรับผู้ใหญ่และมักไปพบลูกค้าในงานเลี้ยงอยู่เป็นประจำ กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงการทำงานภายใต้มาตรการปิดกั้นต่างๆ ทำให้การรวมกลุ่มได้รับความนิยมมากขึ้น หรือเรียกว่าเป็นโอกาสทองของการจัดปาร์ตี้ก็ว่าได้
ทั้งนี้ พฤติกรรมการใช้ยาเสพติดร่วมกับการมีเพศสัมพันธ์สุ่มเสี่ยงต่อการเสพติด การใช้ยาเกินขนาด ไปจนถึงปัญหาสุขภาพจริง ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ สื่อท้องถิ่นของไทยได้รายงานข่าวปัญหาความรุนแรงและการทำร้ายร่างกายที่เกิดขึ้นจากพฤติกรรมดังกล่าว โดยไทยก็เหมือนกับอีกหลายประเทศในโลก ที่ทางการกังวลเกี่ยวกับปรากฏการณ์เดียวกัน ที่มีการนัดหมายรวมกลุ่มผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น เว็บไซต์ทวิตเตอร์ ไปจนถึงแอปพลิเคชั่นที่นิยมในหมู่คนรักเพศเดียวกันอย่าง บลูด์ (Blued) และ กรินเดอร์ (Grindr)
นิกร ฉิมคง (Nikorn Chimkong) ประธานองค์กรบางกอกเรนโบว์ องค์กรภาคประชาสังคม (NGO) ที่ทำงานด้านคุณภาพชีวิตผู้มีความหลากหลายทางเพศ กล่าวว่า การใช้ยาเสพติดร่วมกับการมีเพศสัมพันธ์ กลายเป็ยหนึ่งในชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) ของยุคนี้ไปแล้ว เห็นได้ชัดจากการสอบถามหายาเม็ดลดความเสี่ยงติดเชื้อเอดส์ หรือเพร็พ (PrEP) สำหรับกินก่อนมีเพศสัมพันธ์เพิ่มขึ้น โดยเฉลี่ยแล้วจะมีคนมาถามหายานี้ 30-40 คนต่อเดือน เพิ่มจากเดิมที่มีเพียงน้อยกว่า 10 คนในช่วงก่อนเกิดสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ระบาด
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า ผู้มีประสบการณ์เคยร่วมปาร์ตี้ลักษณะนี้ มองว่าผู้ให้บริการด้านสาธารณสุขของไทยขาดความรู้ที่จำเป็นในการสนับสนุนผู้ต้องการความช่วยเหลือ ซึ่งก็ไม่ต่างจากประเทศอื่นๆ ในทวีปเอเชียที่ไม่มีโครงการลดอันตรายจากพฤติกรรมการใช้ยาเสพติดร่วมกับการมีเพศสัมพันธ์ของเกย์และสาวประเภทสอง ขณะที่ในทวีปยุโรป การสำรวจในสหราชอาณาจักร สเปนและเนเธอร์แลนด์ พบเกย์และชายที่รักได้ทั้งสองเพศ (ไบเซ็กชวล-Bisexual) ร้อยละ 30-45 เคยร่วมปาร์ตี้ยาพ่วงเซ็กส์อย่างน้อย 1 ครั้ง และแพทย์ได้เตือนเมื่อปี 2562 ว่าพฤติกรรมดังกล่าวเป็นสาเหตุของการระบาดของโรคเอดส์ (HIV-AIDS) ในเขตเมือง
เมื่อต้นปีที่ผ่านมา สหราชอาณาจักรเพิ่มบทลงโทษสำหรับคดีที่เกี่ยวข้องกับการใช้ GHB หลังจากมีคดีอื้อฉาว 2 กรณี โดยหนึ่งในนั้นคือการใช้ยาเพื่อล่วงละเมิดทางเพศชายเกือบ 50 คน แต่ในประเทศไทย ผู้ต้องการความช่วยเหลือมักไม่กล้าร้องขอเพราะกลัวถูกตีตรา โดย มิดไนท์ พูนเกษตรวัฒนา (Midnight Poonkasetwattana) ผู้อำนวยการมูลนิธิ APCOM ให้ความเห็นว่า มีผู้ให้บริการจำนวนน้อยที่ปฏิบัติกับคนกลุ่มนี้ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง แต่คนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ต้องให้บริการเพื่อลดความเสี่ยงในติดเชื้อเอชไอวี (HIV)
KRUBB Bangkok หนึ่งในสถานที่ที่ให้คำปรึกษากับเกย์ที่เกี่ยวข้องกับปาร์ตี้ยาพ่วงเซ็กส์ เชาว์พิชาญ เตโช (Shaowpicha Techo) นักจิตวิทยาประจำสถานีอนามัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ แวะเวียนไปที่นั่นเพื่อพบผู้ป่วย เขาพบว่า มีผู้มาขอคำปรึกษาถึง 12 คนต่อสัปดาห์ เมื่อเทียบกับช่วงก่อนสถานการณ์โควิด-19 ระบาดที่มีเพียง 1-2 คน ซึ่งแม้ว่าในไทยยังไม่มีสถิติอย่างเป็นทางการ แต่รายงานของ กรุงเทพมหานคร (กทม.) ระบุว่า เกย์และไบฯ ที่ใช้บริการรักษาพยาบาล ร้อยละ 90 มีประสบการณ์ร่วมปาร์ตี้ยาพ่วงเซ็กส์ ส่วนใหญ่อายุระหว่าง 20-40 ปี
นพ.อังกูร ภัทรากร (Anggoon Patarakorn) รองผู้อำนวยการสถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี กล่าวว่า ตนยังไม่เห็นการเพิ่มขึ้นของพฤติกรรมการใช้ยาเสพติดร่วมกับการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ระบาด และยอมรับว่าเจ้าหน้าที่ยังไม่เชี่ยวชาญในประเด็นนี้ รวมถึงยังไม่ได้ให้ความสำคัญในขณะนี้ แต่ยืนยันว่าอาจให้ความสำคัญมากขึ้นในอนาคต ด้านหน่วยงานปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติของไทย ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นในเรื่องดังกล่าว
รายงานข่าวยังกล่าวอีกว่า เหตุความรุนแรงและการใช้ยาเกินขนาดที่เกิดขึ้นจากปาร์ตี้ยาพ่วงเซ็กส์ นำไปสู่การจัดตั้งเครือข่ายภาคสังคมตั้งแต่เมื่อเดือน มิ.ย. 2563 เพื่อสร้างความตระหนักทั้งกับบุคลากรด้านสาธารณสุขและเจ้าหน้าที่รัฐ รวมถึงจัดทำคู่มือปฐมพยาบาลสำหรับผู้ใช้ยา และสิ่งที่ต้องทำเมื่อพบผู้ใช้ยาเกินขนาด โดย “อาเธอร์ (Arthur-นามสมมติ)” นักแสดงและนายแบบหนุ่มวัย 32 ปี ยอมรับว่า ช่วงโควิดระบาดทำให้งานลดลง นำไปสู่การเข้าร่วมปาร์ตี้ยาพ่วงเซ็กส์บ่อยขึ้น
อาเธอร์ ยอมรับว่า แต่การใช้ยาบ่อยครั้งเข้าก็ส่งผลต่อสุขภาพจิต และปัจจุบันได้เข้าสู่กระบวนการบำบัดพร้อมกับทำงานช่วยเหลือสังคมไปด้วย ซึ่งที่ผ่านมา ตนเคยทั้งทำร้ายตนเองด้วยของมีคมและพยายามฆ่าตัวตายหลายครั้ง รวมถึงมีเพื่อน 5 คน ที่เสียชีวิตเพราะใช้ยาเสพติด และวันนี้ตนต้องการช่วยเหลือคนอื่นๆ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี