“ฟิจิ” ประเทศหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้ กำลังประสบปัญหาระบบสาธารณสุขใกล้พัง ศพคนป่วยล้นห้องดับจิตในขณะที่ นครโฮจิมิน ของเวียดนาม ยอดผู้ป่วยพุ่ง ส่วนอิเหนาให้บริการให้บริการแพทย์ทางไกลฟรีกับคนไข้
กระทรวงสาธารณสุขฟิจิ ประเทศหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้ แถลงว่า เนื่องจากห้องดับจิตในโรงพยาบาลอนุสรณ์สงครามอาณานิคมเต็มศักยภาพแล้ว จึงขอให้ครอบครัวเร่งดำเนินการย้ายศพออกจากโรงพยาบาลไปประกอบพิธีต่อไป แถลงการณ์ไม่ได้ระบุว่า ห้องดับจิตนี้รับศพได้จำนวนเท่าใด แต่เผยเพียงว่า มีผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 แล้ว 28 คนนับจากการระบาดระลอก 2 เริ่มขึ้นในเดือนเมษายน
รอยเตอร์เสริมว่า โรงพยาบาลอนุสรณ์สงครามอาณานิคม ซึ่งเป็นโรงพยาบาลรัฐเพียงแห่งเดียวในกรุงซูวาของฟิจิได้เปลี่ยนเป็นโรงพยาบาลดูแลผู้ป่วยโรคโควิด-19 เท่านั้น ฟิจิประสบความสำเร็จในการควบคุมโรคโควิด-19 ในช่วงแรก แต่ขณะนี้เชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตาที่พบในอินเดียเป็นแห่งแรกกำลังแพร่ระบาด ยอดผู้ติดเชื้อใหม่เมื่อวันอาทิตย์ทำสถิติสูงสุดที่ 522 คน ทำให้ยอดติดเชื้อสะสมกว่า 6,160 คน เสียชีวิต 30 คน ประชากรฟิจิ 900,000 คน ฉีดวัคซีนเข็มแรกของแอสตราเซนเนกาหรือซิโนฟาร์มแล้วร้อยละ 54 และฉีดครบ 2 เข็มแล้วเกือบร้อยละ 9
ด้านเว็บไซต์เวียดนามเอ็กซ์เพรสส์รายงานอ้างกระทรวงสาธารณสุขว่า นครโฮจิมินห์พบผู้ติดเชื้อใหม่ 175 คน ในจำนวนนี้ 121 คนอยู่ในพื้นที่กักโรค และมีผู้ติดเชื้อ 54 คนที่ยังไม่ทราบที่มาของการติดเชื้อ ขณะเดียวกันมีรายงานมีผู้เสียชีวิตรายแรกในจังหวัดเหงะอัน ทางตอนกลางของประเทศ ทำให้ยอดเสียชีวิตทั้งประเทศรวม 87 คน
ทั้งนี้นับตั้งแต่เวียดนามเกิดการระบาดระลอกใหม่ตั้งแต่วันที่ 27 เมษายน พบผู้ติดเชื้อในชุมชนรวมแล้ว 16,782 คน ใน 55 เมืองและจังหวัดจากทั้งหมด 63 เมืองและจังหวัด นครโฮจิมินห์ซึ่งมีประชากรเกือบ 9 ล้านคน มีผู้ติดเชื้อในระลอกนี้รวม 6,209 คน กลายเป็นพื้นที่ที่มีการระบาดหนักที่สุดในประเทศเมื่อวันอาทิตย์ แซงหน้าจังหวัดบั๊กซาง ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศที่มีผู้ติดเชื้อในระลอกนี้รวม 5,661 คน ส่วนยอดติดเชื้อสะสมในเวียดนามตั้งแต่เริ่มมีการระบาดอยู่ที่กว่า 19,900 คน
นายบูดี กูนาดี ซาดิคิน รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซียเผยวันนี้ว่า ทางการจะให้บริการระบบแพทย์ทางไกลตั้งแต่วันอังคาร ผ่านบริษัทผู้พัฒนาแอปพลิเคชันแพทย์ทางไกลของอินโดนีเซีย เช่น อะโลดอกเตอร์ (Alodokter) และฮาโลดอก (Halodoc) ซึ่งจะให้คำปรึกษาและบริการส่งยาโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย แนวทางดังกล่าวจะช่วยให้ผู้ป่วยโรคโควิด-19 ได้รับบริการทางการแพทย์อย่างทันท่วงทีโดยไม่ต้องเข้าคิวรอที่โรงพยาบาล และช่วยให้โรงพยาบาลสามารถมุ่งเน้นไปที่การรักษาผู้ป่วยติดเชื้อที่มีอาการปานกลาง หนัก และรุนแรงได้
ขณะนี้ อินโดนีเซียมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 2.28 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตกว่า 60,500 คน ถือเป็นยอดผู้ป่วยติดเชื้อและผู้เสียชีวิตสูงสุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน วี.เค. พอล สมาชิกของนิติ อายอก (NITI Aayog) คลังสมองด้านการวางนโยบายของรัฐบาลอินเดีย แถลงข่าวว่าวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) สองโดส ป้องกันการเสียชีวิตได้ราวร้อยละ 98 ขณะที่วัคซีนหนึ่งโดสป้องกันการเสียชีวิตเกือบร้อยละ 92
พอลแถลงข่าวในกรุงนิวเดลี เมืองหลวงของอินเดีย โดยอ้างอิงผลการศึกษาในตำรวจที่เป็นกลุ่มเสี่ยงสูง ณ รัฐปัญจาบทางตอนเหนือของประเทศ ซึ่งดำเนินการโดยสถาบันบัณฑิตศึกษาและการวิจัยทางการแพทย์ ในเมืองจัณฑีครห์ ร่วมกับรัฐบาลท้องถิ่นรัฐปัญจาบ
การศึกษาข้างต้นพบว่าในกลุ่มตำรวจ 4,868 นาย ซึ่งไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในจำนวนนี้เสียชีวิต 15 ราย เนื่องด้วยโรคโควิด-19 หรือคิดเป็นผู้เสียชีวิต 3.08 รายต่อ 1,000 นาย
ส่วนกลุ่มตำรวจ 35,856 นาย ซึ่งฉีดวัคซีนหนึ่งโดส มีผู้เสียชีวิต 9 ราย คิดเป็นผู้เสียชีวิต 0.25 รายต่อ 1,000 นาย ด้านกลุ่มตำรวจฉีดวัคซีนครบสองโดส 42,720 นาย มีผู้เสียชีวิต 2 ราย หรือคิดเป็นผู้เสียชีวิต 0.05 รายต่อ 1,000 นาย
พอลกล่าวว่าตัวเลขข้างต้นบ่งชี้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 หนึ่งโดสป้องกันการเสียชีวิตร้อยละ 92 ขณะวัคซีนสองโดสป้องกันได้ถึงร้อยละ 98
พอลทิ้งท้ายว่าการศึกษาและข้อมูลที่ได้รับนี้แสดงให้เห็นว่าวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ป้องกันอาการป่วยรุนแรงและการเสียชีวิต พร้อมเรียกร้องประชาชนเชื่อมั่นว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี