โควิดทั่วโลกป่วยกว่า 193 ล้านคน ดับทะลุ 4.15 ล้านศพอินโดฯ ติดเชื้อจ่อ 50,000 ราย เตือนอาจเกิดการกลายพันธุ์ร้ายแรงกว่าเดลต้า ส่วนเวียดนามป่วยวันเดียว 6,000 คน เร่งเจรจาสหรัฐฯ ผลิตวัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอ ขณะที่ฟิลิปปินส์ ระงับการเดินทางจากมาเลเซีย-ไทย ชั่วคราว ด้านเมืองซิดนีย์ ล็อกดาวน์ต่ออีก
เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม สำนักข่าวต่างประเทศรายงานสถานการณ์ผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จากประเทศต่างๆ ทั่วโลก ว่ามีผู้ติดเชื้อรวม 193,352,259คนมีผู้เสียชีวิตรวม 4,150,578คนและรักษาหายรวม 175,699,135คน โดยสหรัฐอเมริกา กลับมาเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงสุดอีกครั้งอยู่ที่ 54,570คน ตามด้วยบราซิล 49,603คน อินโดนีเซีย 49,509คน อังกฤษ 39,906คน และสเปน 29,535คน ขณะที่ประเทศที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด นำโดยสหรัฐฯ 626,157คน บราซิล 547,134คน อินเดีย 419,502คน เม็กซิโก 237,207คน และเปรู 195,429คน
ด้านผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อทั่วโลก แสดงความกังวลว่าไวรัสโควิด-19 ในอินโดนีเซีย ซึ่งแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง อาจส่งผลให้เกิดเชื้อกลายพันธุ์สายพันธุ์ใหม่ที่อันตรายว่าสายพันธุ์เดลต้า ที่กำลังระบาดอย่างหนักในขณะนี้ โดยอินโดนีเซีย แซงหน้าอินเดียและบราซิล ขึ้นเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่รายวันมากที่สุดในโลกแล้ว โดยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่กว่า 49,500 คน และเสียชีวิต 1,449 คน
นักระบาดวิทยาชาวอินโดนีเซีย มหาวิทยาลัยกริฟฟิธ ออสเตรเลีย เผยว่า ไวรัสสายพันธุ์ใหม่มักเกิดขึ้นในพื้นที่ซึ่งไม่สามารถควบคุมการระบาดได้ อินโดนีเซีย มีอัตราการระบาดสูงกว่าที่องค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) ตั้งเกณฑ์ไว้ว่าหากผลตรวจพบการติดเชื้อสูงกว่าร้อยละ 5 ถือว่าไม่สามารถควบคุมการระบาดได้ ซึ่งอินโดนีเซียเพิ่มเป็นกว่าร้อยละ 30 แล้ว จึงเป็นไปได้ที่จะเกิดสายพันธุ์ใหม่ สายพันธุ์ซุปเปอร์ ขณะที่ผู้ฉีดวัคซีนครบโดสมีเพียงร้อยละ 8
ส่วนอาจารย์ด้านโรคติดต่อ มหาวิทยาลัยจอห์นสฮอปกินส์ สหรัฐฯ เตือนว่าไวรัสโควิด-19 สามารถกลายพันธุ์ได้ทุกครั้งที่ติดในคน ชุมชนและประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงอย่างอินโดนีเซีย จึงมีความเสี่ยง ด้าน ผอ.สถาบันไอค์มัน หน่วยงานของรัฐบาลอินโดนีเซีย ระบุว่า ขณะนี้อินโดนีเซีย มีสายพันธุ์ที่น่ากังวล คือ อัลฟาเบต้า และเดลต้า ผลการลำดับจีโนม พบว่าสายพันธุ์เดลต้า กำลังครองสัดส่วนมากที่สุด
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม ว่ากระทรวงสาธารณสุขเวียดนามรายงานสถิติผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สะสมอย่างน้อย 74,371 คน เพิ่มขึ้น 6,194 คน นับเป็นสถิติรายวันสูงสุด ตั้งแต่เวียดนามเผชิญกับการแพร่ระบาดเมื่อต้นปีที่แล้วส่วนผู้เสียชีวิตสะสมยังอยู่ที่อย่างน้อย 370คน ทั้งนี้ การฉีดวัคซีนในเวียดนามยังเป็นไปอย่างล่าช้าด้วยปัจจัยหลายอย่าง โดยรัฐบาลเวียดนามกำลังเร่งเจรจากับรัฐบาลสหรัฐฯ เกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการับถ่ายทอดเทคโนโลยีจากผู้ผลิตวัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอ ตั้งโรงงานในเวียดนาม ซึ่งหากประสบความสำเร็จน่าจะดำเนินการได้ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2565
อย่างไรก็ดี กระทรวงสาธารณสุขเวียดนาม อยู่ระหว่างพิจารณาขั้นสุดท้ายเพื่ออนุมัติเป็นกรณีฉุกเฉินให้กับวัคซีนนาโนโคแวกซ์ วัคซีนชนิดโปรตีนซับยูนิต พัฒนาโดยบริษัทนาโนเจน จำกัด หนึ่งในผู้ประกอบการด้านชีวเภสัชภัณฑ์รายใหญ่ของประเทศเวียดนาม
ที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตร์เต ได้ลงนามในคำสั่งฉุกเฉินว่าด้วยการยกระดับมาตรการควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จากการเดินทางระหว่างประเทศเพิ่มเติมระหว่างวันที่ 25-31 กรกฎาคมนี้ โดยพลเมืองที่มีประวัติเดินทางหรือพักอาศัยในรอบ 14 วัน ที่เกี่ยวข้องกับมาเลเซียและไทย จะไม่สามาราถเดินทางเข้าฟิลิปปินส์ได้ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ของทั้งสองประเทศดังกล่าวยังระบาดเป็นวงกว้างของเชื้อสายพันธุ์เดลต้า
ปัจจุบัน รัฐบาลฟิลิปปินส์ระงับการเข้าประเทศของชาวต่างชาติซึ่งเดินทางมาจากอินเดีย เนปาล ปากีสถาน ศรีลังกา บังกลาเทศ โอมาน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และอินโดนีเซีย โดยมีรายงานว่า ดูเตร์เตกำลังพิจารณาปิดพรมแดนของฟิลิปปินส์จากทุกประเทศอีกครั้ง
ขณะที่ กระทรวงสาธารณสุขฟิลิปปินส์ รายงานว่ามีการแพร่ระบาดของเชื้อสายพันธุ์เดลต้าแล้ว หลังจากการวิเคราะห์วิวัฒนาการของเชื้อโดยมหาวิทยาลัยฟิลิปปินส์ ศูนย์จีโนมฟิลิปปินส์ และการสอบสวนผู้ติดเชื้อสำนักงานระบาดวิทยา กลุ่มเฝ้าระวัง และหน่วยระบาดวิทยาในท้องถิ่นและภูมิภาค พบคลัสเตอร์ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้า ที่เชื่อมโยงผู้ติดเชื้อท้องถิ่นอื่นๆ จนถึงขณะนี้ฟิลิปปินส์ตรวจพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์เดลตา 47คน โดย 8คน ยังรักษาตัวอยู่และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 3คน
ส่วนที่เมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย สำนักงานสาธารณสุขรัฐนิวเซาท์เวลส์ รายงานว่าพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ 141 คน เป็นสถิติสูงสุดตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา ทำให้มีผู้ติดเชื้อสะสมอย่างน้อย 7,303 คน เสียชีวิตสะสมอย่างน้อย 61 คน และรักษาตัวในโรงพยาบาลอยู่ที่ 137 คน โดยนางกลาดีส์เบเรจิกเลียน มุขมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์ กล่าวว่า สถานการณ์ยังไม่เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ควรจะเป็น ด้วยเหตุนี้เมืองซิดนีย์และอีก 3 เขตโดยรอบ จะต้องอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ต่อไป
ด้านนายกรัฐมนตรีสกอตต์มอร์ริสัน แถลงว่า รู้สึกเสียใจและต้องขออภัย ตลอดจนยอมรับความผิดพลาดของรัฐบาลกลางในกรุงแคนเบอร์รา ที่มีต่อการบริหารจัดการวัคซีน และการให้คำแนะนำแก่ประชาชน ส่งผลให้การกระจายวัคซีนทั่วประเทศไม่เป็นไปตามแผน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี