24 ก.ย. 2564 อังกฤษถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากนานาชาติหลังออกนโยบายเปิดประเทศพร้อมกับควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่อาจเข้าข่ายเลือกปฏิบัติกับประเทศกำลังพัฒนาและประเทศยากจน โดยสำนักข่าว BBC ของอังกฤษ เสนอข่าว UK Covid vaccine rules cause hesitancy - Africa health boss ระบุว่า จอห์น เอ็นเคกาซอง (John Nkegasong) หัวหน้าศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งแอฟริกา (Africa CDC) แสดงความไม่พอใจกับนโยบายของอังกฤษ ที่กำหนดให้เฉพาะผู้ที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 จากสหราชอาณาจักร (อังกฤษ เวลส์ สก็อตแลนด์ ไอร์แลนด์เหนือ) สหภาพยุโรป (EU) และสหรัฐอเมริกาเท่านั้น ที่อนุญาตให้เดินทางเข้าอังกฤษได้โดยไม่ต้องกักตัว
เอ็นเคกาซอง กล่าวว่า มาตรการนี้จะทำให้ผู้คนตั้งคำถามว่าเหตุใดพวกเขาจะต้องไปฉีดวัคซีน ในเมื่อไม่ได้รับการยอมรับในระดับสากล และชาวแอฟริกันหลายคนถึงกับโกรธเพราะเห็นเป็นการเลือกปฏิบัติ ซึ่งตนก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดอังกฤษถึงออกมาตรการแบบนี้ และขอตั้งคำถามกลับไปยังอังกฤษด้วยว่า ในเมื่ออังกฤษก็ส่งวัคซีนโควิด-19 มาให้ทวีปแอฟริกา เหตุใดจึงไม่ยอมรับชาวแอฟริกันที่ฉีดวัคซีนว่าเป็นผู้ฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้ว
สถานีโทรทัศน์ NDTV ของอินเดีย เสนอข่าว "Colonialist Mentality": Rising Backlash Over UK Vaccine Policy ระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 4 ต.ค. 2564 อังกฤษจะบังคับใช้มาตรการควบคุมโรคระบาดโควิด-19 ฉบับใหม่ ที่กำหนดให้ผู้ที่เดินทางมาจากบางประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา อิสราเอล ออสเตรเลีย ไม่ต้องกักตัว ในขณะที่การเดินทางจากประเทศอื่นๆ แม้จะฉีดวัคซีนครบตามที่ชนิดวัคซีนนั้นกำหนดแล้ว ก็ยังต้องถูกกักตัวไว้ 10 วัน แม้กระทั่งจะฉีดวัคซีนที่ทางการอังกฤษรับรอง เช่น ไฟเซอร์ แอสตราเซเนกา แล้วก็ตาม
นโยบายดังกล่าวยังบังคับใช้กับกลุ่มประเทศส่วนใหญ่ในโลก ไม่ว่าจะถูกจัดอันดับเป็นกลุ่มสีแดง หรือประเทศที่มีสถานการณ์โรคระบาดรุนแรงหรือไม่ก็ตาม ซึ่ง ชาบีร์ มาดี (Shabir Madhi) นักวัคซีนวิทยา มหาวิทยาลัยวิทวอเตอร์สแรนด์ (University of the Witwatersrand) เมืองโยฮันเนสเบิร์ก ประเทศแอฟริกาใต้ ประณามนโยบายดังกล่าวของอังกฤษว่าเป็นแนวคิดแบบยุคอาณานิคม โดยมหาวิทยาลัยแห่งนี้ยังเป็นศูนย์ศึกษาและทดลองวัคซีน 2 ยี่ห้อ คือแอสตราเซเนกา และโนวาแว็กซ์ ในแอฟริกาใต้ มาดี กล่าวย้ำว่า หากอังกฤษไม่เชื่อว่าวัคซีนเหล่านี้มีประสิทธิภาพ ซึ่งจริงๆ แล้วก็ไม่ใช่แบบนั้น อังกฤษก็ควรใช้หลักฐานเพื่อสนับสนุนสิ่งนี้
เช่นเดียวกับ หรรษ ศฤงคลา (Harsh Shringla) รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของอินเดีย ชี้ว่าการกระทำของอังกฤษเข้าข่ายเลือกปฏิบัติ และเตือนให้ระวังมาตรการตอบโต้ เนื่องจากอินเดียเป็นอีกประเทศที่ได้รับผลกระทบ เพราะแม้อินเดียจะเป็นฐานการผลิตวัคซีนแอสตราเซเนกา ซึ่งในอินเดียใช้ชื่อว่าโควิชิลด์ แต่อังกฤษกลับไม่รับรองวัคซีนแอสตราเซเนกาที่ผลิตในอินเดีย
รายงานข่าวยังกล่าวอีกว่า นโยบายของอังกฤษดูจะสวนทางกับสหรัฐอเมริกา ที่เปิดรับผู้ฉีดวัคซีนครบถ้วนตามที่วัคซีนแต่ละชนิดกำหนด ตั้งแต่เดือน พ.ย. 2564 เป็นต้นไป โดยยึดหลักเกณฑ์การรับรองวัคซีนขององค์การอนามัยโลก (WHO) ซึ่งรวมถึงวัคซีน 2 ยี่ห้อจากประเทศจีน คือซิโนแวคและซิโนฟาร์ม แม้สหรัฐฯ จะยังไม่รับรองวัคซีน 2 ยี่ห้อดังกล่าวสำหรับใช้ในประเทศก็ตาม ทั้งนี้ โฆษกรัฐบาลอังกฤษ กล่าวเมื่อวันที่ 22 ก.ย. 2564 ว่า จะมีการทบทวนนโยบายทุกๆ 3 สัปดาห์
ขอบคุณเรื่องจาก
https://www.bbc.com/news/world-africa-58663636
https://www.ndtv.com/world-news/coronavirus-uk-vaccine-policy-colonialist-mentality-rising-backlash-over-uk-vaccine-policy-2550549
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี