อัลมาตี (เอพี/รอยเตอร์ส/บีบีซี นิวส์) -กองกำลังรักษาความมั่นคงคาซัคสถานสังหารผู้ประท้วงหลายสิบรายที่พยายามบุกเข้าไปในที่ทำการของรัฐบาลเมื่อคืนวันพุธ ขณะที่องค์การสนธิสัญญาความมั่นคงร่วมกัน หรือซีเอสทีโอ ซึ่งมีรัสเซียเป็นแกนนำ ส่งกองกำลังช่วยเหลือคาซัคสถานควบคุมเหตุประท้วงรุนแรง
สำนักข่าวอินเตอร์แฟ็กซ์-คาซัคสถาน สำนักข่าวทาสส์ และสำนักข่าวอาร์ไอเอโนวอสตีของรัสเซีย ต่างรายงานอ้างโฆษกสำนักงานตำรวจคาซัคสถานว่า กองกำลังที่มีแนวคิดสุดโต่งได้พยายามโจมตีที่ทำการของรัฐ สำนักงานตำรวจของเมืองอัลมาตี รวมถึงสถานีตำรวจท้องถิ่นเมื่อคืนวันพุธ จนทำให้กองกำลังรักษาความปลอดภัยของคาซัคสถานสังหารผู้ประท้วงไปหลายสิบราย ขณะที่คลิปวีดีโอที่เผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ตลอดวันที่ 6 ม.ค. แสดงให้เห็นภาพร้านค้าที่ถูกปล้นอาคารที่ถูกวางเพลิง เสียงยิงปืนบนท้องถนน และเสียงกรีดร้องของประชาชนด้วยความหวาดกลัว ขณะที่รถขนส่งเจ้าหน้าที่ติดอาวุธหลายคันและกองกำลังทหารจำนวนมากได้ลงพื้นที่ประจำการในจัตุรัสสำคัญของเมืองอัลมาตีเมื่อช่วงเช้าวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่น เป็นสถานที่ที่มีผู้ประท้วงหลายร้อยคนชุมนุมต่อต้านรัฐบาลติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เนื่องจากปัญหาน้ำมันแพงที่เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงหลังปีใหม่
ด้านประธานาธิบดี คาซีม-โยมาร์ตโตคาเยฟ ของคาซัคสถาน ระบุว่า เขาได้ขอให้องค์การสนธิสัญญาความมั่นคงร่วมกัน หรือซีเอสทีโอ ซึ่งมีรัสเซียเป็นแกนนำ ช่วยเหลือคาซัคสถานหลังรัฐบาลไม่สามารถควบคุมเหตุประท้วงรุนแรงติดต่อกันหลายวันจนทำให้ที่ทำการรัฐหลายแห่งถูกวางเพลิงและมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเสียชีวิตไปแล้ว 12 นาย และอีก 353 นายบาดเจ็บ เขามองว่าเหตุดังกล่าวไม่ใช่ภัยคุกคามอีกต่อไป แต่เป็นการบ่อนทำลายประเทศ กลุ่มก่อการร้ายที่ได้รับการฝึกเป็นอย่างดีจากต่างชาติ กำลังสร้างความโกลาหลไปทั่วประเทศ คนกลุ่มนี้ได้เข้ายึดอาคารและระบบโครงสร้างพื้นฐานหลายแห่ง รวมถึงยึดสถานที่ที่จัดเก็บอาวุธขนาดเล็กและเครื่องบิน 5 ลำที่ท่าอากาศยานขนาดใหญ่ที่สุดของคาซัคสถานในเมืองอัลมาตี อย่างไรก็ดี รองนายกเทศมนตรีเมืองอัลมาตีระบุในเวลาต่อมาว่า ท่าอากาศยานของเมืองอัลมาตีปลอดผู้ประท้วงแล้ว และกลับมาเปิดบริการได้ตามปกติ
ล่าสุด ซีเอสทีโอ เผยวานนี้ว่า รัสเซียได้ส่งกองทหารพลร่มเข้าไปยังคาซัคสถานเพื่อช่วยปราบปรามเหตุประท้วงรุนแรงในครั้งนี้แล้ว ทั้งนี้ กลุ่มซีเอสทีโอเป็นกลุ่มพันธมิตรทางทหารระหว่างรัฐบาลของประเทศสมาชิก 6 ประเทศ ได้แก่ รัสเซีย อาร์เมเนีย เบลารุส คีร์กีซสถาน ทาจิกิสถาน และคาซัคสถาน
ทั้งนี้ การประท้วงเริ่มขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่2 มกราคม เพื่อต่อต้านการขึ้นราคาก๊าซแอลพีจีซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ต้องใช้เป็นเชื้อเพลิงรถยนต์ พวกเขามองว่า เป็นการขึ้นราคาอย่างไม่เป็นธรรม เพราะคาซัคสถานเป็นประเทศที่ส่งออกน้ำมันและก๊าซ ที่มีแหล่งพลังงานสำรองมากมาย ก่อนที่การประท้วงจะบานปลายกลายเป็นการก่อจลาจลในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ และสถานการณ์ยังไม่มีทีท่าว่าจะคลี่คลาย แม้ว่าประธานาธิบดีโตคาเยฟ ได้แต่งตั้งนายกรัฐมนตรีรักษาการ หลังจากที่นายกรัฐมนตรีอัสการ์ มามิน นำรัฐบาลลาออกทั้งคณะ เนื่องจากคุมสถานการณ์ไม่อยู่แล้วก็ตาม นอกจากนี้ ผู้นำคาซัคสถานยังประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วประเทศนาน 15 วันตั้งแต่เมื่อวันพุธ ประกาศเคอร์ฟิวห้ามออกนอกบ้านยามวิกาล และห้ามการชุมนุม
เคท มัลลินสัน ผู้เชี่ยวชาญด้านเอเชียกลางในกรุงลอนดอน ชี้ว่า สาเหตุที่การประท้วงบานปลาย ไม่ใช่แค่ชาวคาซัคสถานไม่พอใจเรื่องการขึ้นราคาก๊าซแอลพีจีเท่านั้น แต่เป็นความไม่พอใจที่สะสมมานานแล้ว จากความล้มเหลวของรัฐบาลที่ไม่สามารถเริ่มการปฏิรูปประเทศเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกระดับ และปรับปรุงประเทศให้ทันสมัยได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี