q รถยนต์ติดกลางหิมะ นักท่องเที่ยวหนาวตาย
อิสลามาบัด-รถยนต์ของประชาชนประมาณ 1,100 คัน ติดค้างบนถนนผ่านไหล่เขาที่เต็มไปด้วยหิมะในเขตเมืองมูร์รี แคว้นปันจาบ ทางภาคเหนือของปากีสถาน ห่างจากกรุงอิสลามาบัด ไปทางตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 30 กิโลเมตรเมื่อวันเสาร์ ส่งผลให้มีประชาชนที่เสียชีวิตจากความหนาวในรถยนต์ที่จอดติดกันยาวเหยียดอย่างน้อย22 ศพ เป็นผู้ใหญ่ชาย 10 ศพ ผู้หญิง 2 ศพ และเด็ก 10 ศพ รัฐมนตรีมหาดไทยปากีสถานเผยว่า หิมะเริ่มตกเป็นระยะในเมืองมูร์รีตั้งแต่คืนวันอังคาร ทำให้ประชาชนจากทั่วสารทิศ แห่กันเดินทางไปที่นั่นเพื่อพักผ่อนชมบรรยากาศและเล่นหิมะ อุณหภูมิในเมืองมูร์รีในวันเสาร์ลดต่ำลงสู่ระดับ -8 องศาเซลเซียสหลังจากหิมะตกหนักตลอดคืนวันศุกร์หลังเกิดเหตุเสียชีวิตหมู่รัฐบาลได้ส่งหน่วยกู้ภัย พร้อมด้วยทหารและตำรวจรุดไปให้ความช่วยเหลือประชาชนนับพันคนที่ยังติดอยู่ในรถยนต์บนถนนไหล่เขา ด้านนายกรัฐมนตรีอิมราน ข่าน ของปากีสถาน ทวีตข้อความแสดงความตกใจและเศร้าใจต่อโศกนาฏกรรมที่ไม่คาดคิด และสั่งการไปยังหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบเหตุโดยรวม ข่านยังได้เตือนประชาชน ควรตรวจสอบสภาพอากาศในแต่ละจุดหมายให้ดีก่อนออกเดินทางท่องเที่ยว
q หน้าผาหินถล่มทับเรือท่องเที่ยว
เซาเปาโล-เกิดเหตุหน้าผาหินขนาดใหญ่พังถล่มลงมาทับเรือยนต์ท่องเที่ยวที่กำลังล่องเรือชมทิวทัศน์ที่งดงามของน้ำตกและหน้าผาหินสูงชัน บริเวณน้ำตกแห่งหนึ่งในทะเลสาบกาปีตอลิโอ ในรัฐมีนัสเจอไรส์ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของบราซิล ในวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่นภาพคลิปวีดีโอที่เผยแพร่ส่งต่อกันทางสื่อสังคมออนไลน์ แสดงให้เห็นนักท่องเที่ยวพากันร้องตะโกนเตือนเรืออื่นๆ ในขณะที่แผ่นหินขนาดใหญ่กำลังหลุดจากหน้าผาลงในน้ำ ทับเรือที่อยู่ในบริเวณดังกล่าวไป 2 ลำ จนน้ำในทะเลสาบแตกกระจายและเกิดคลื่นขนาดใหญ่ในทะเลสาบ มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 ศพ บาดเจ็บ 32 คน สูญหายไป 3 คน นักประดาน้ำกำลังเร่งค้นหาผู้สูญหายในทะเลสาบ ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ในครั้งนี้มีอาการกระดูกหักและมี 1 รายที่มีอาการสาหัสและพักอยู่ในโรงพยาบาลโดยได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะและใบหน้า ส่วนอีก 23 คน มีอาการบาดเจ็บเล็กน้อย พื้นที่ดังกล่าวเกิดฝนตกหนักติดต่อกันเป็นเวลา 2 สัปดาห์ซึ่งอาจจะส่งผลให้หินเกิดการแยกตัวและแตกออกมาได้
q แม่ขังลูกติดโควิด-19 ไว้ท้ายรถ
ฮูสตัน-สื่อท้องถิ่นในเมืองฮุสตัน รัฐเท็กซัสของสหรัฐฯ รายงานว่า หลังจาก ซาราห์ บีม คุณครูวัย 41 ปี ทราบว่าลูกชายตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19 เธอก็ได้พาลูกมายังสนามกีฬาพริดเจี้ยน นอกเมืองฮูสตัน เพื่อตรวจผลโควิด-19 ซ้ำอีกรอบเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยนำตัวลูกชายมาขังไว้ในกระโปรงท้ายรถ เนื่องจากเกรงว่าตนเองจะติดเชื้อโควิด-19 ไปด้วยเมื่อบีมขับรถไปถึงสนามกีฬาซึ่งเป็นจุดตรวจโควิด เจ้าหน้าที่ได้บอกกับเธอว่า ต้องนำตัวลูกชายออกมาจากกระโปรงท้ายรถก่อน และพาเขามานั่งตรงที่นั่งผู้โดยสารในรถด้านหลัง ถึงจะตรวจหาเชื้อให้ได้ อย่างไรก็ดีในเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจโควิดได้โทรแจ้งตำรวจว่ามีเด็กถูกขังไว้ท้ายกระโปรง ทำให้ตำรวจเดินทางมายังจุดตรวจโควิดเพื่อตรวจสอบและสืบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนควบคุมตัวนางบีมผู้เป็นแม่ฐานทำให้ชีวิตเด็กตกอยู่ในอันตราย และตั้งข้อหากระทำการอันก่อให้เกิดอันตรายแก่บุตรชายของตนเองในเวลาต่อมา โดยตำรวจเปิดเผยว่า เด็กอาจได้รับอันตรายจากการถูกขังไว้ในกระโปรงท้ายรถได้ หากเกิดอุบัติเหตุขณะเดินทาง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี