“อินเดีย” พบโควิด “โอมิครอน” ระบาดในหลายเมือง “ปักกิ่ง”ออกมาตรการสกัดการแพร่ระบาด หลังพบคลัสเตอร์ในเขตเฟิงไถขณะที่ชาวเบลเยียมประท้วงเดือด ต้านมาตรการคุมเข้มโควิด อนามัยโลกคาดยุโรปใกล้สิ้นสุดการระบาดของโอมิครอน พร้อมเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ร่วมมือกันเพื่อยุติการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
เมื่อวันที่ 24 มกราคมสำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สถาบันการศึกษาจีโนมิกส์ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ของอินเดีย (INSACOG) ระบุว่าโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ชนิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์โอมิครอน อยู่ในระยะแพร่ระบาดในชุมชนแล้ว และกลายเป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดในหลายเมือง ซึ่งพบผู้ป่วยใหม่เพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ
โดยในปัจจุบันผู้ป่วยโรคโควิด-19 ในอินเดียส่วนใหญ่ที่ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอน เป็นผู้ป่วยที่ไม่มีอาการหรือมีอาการเพียงเล็กน้อย ทว่าตัวเลขผู้ป่วยรักษาตัวในโรงพยาบาลและผู้ป่วยในหอผู้ป่วยหนัก (ICU) เพิ่มสูงขึ้นในการระบาดระลอกนี้ โดยภัยคุกคามยังอยู่ระดับเดิม ไม่มีหลักฐานการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว และแม้จะมีลักษณะของการหลบหลีกภูมิคุ้มกัน แต่ก็ไม่ใช่สายพันธุ์ที่น่ากังวล
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นัซมุล อิสลาม โฆษกกองอำนวยการบริการสาธารณสุขของบังกลาเทศ (DGHS) เปิดเผยว่าโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ชนิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์โอไมครอน เป็นตัวกระตุ้นยอดผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างมาก และกำลังเข้าแทนที่สายพันธุ์เดลตา ซึ่งอาการของผู้ติดเชื้อไวรัสฯ สายพันธุ์นี้จะมีน้ำมูกไหล (ร้อยละ 73) ปวดหัว (ร้อยละ 68) เหนื่อยล้า (ร้อยละ 64) จามหรือเจ็บคอ (ร้อยละ 60) และไอ (ร้อยละ 44) พร้มเตือนประชาชนปฏิบัติตามกฎสุขอนามัยเพื่อสกัดยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่
ทั้งนี้ ข้อมูลล่าสุดจากรัฐบาลบังกลาเทศระบุการตรวจพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 เพิ่ม 10,906 ราย ในช่วง 24 ชั่วโมง เมื่อนับถึง 08.00 น. ของวันอาทิตย์ (23 ม.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น ส่งผลให้มีผู้ป่วยสะสม 1,685,136 ราย
คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน (NHC) รายงานว่า พบผู้ติดเชื้อโควิดเมื่อวันที่ 23 ม.ค. ในกรุงปักกิ่ง 9 ราย โดยในจำนวนนี้มาจากเขตเฟิงไถ 6 ราย ซึ่งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขประจำเขตกล่าวว่า เฟิงไถจะจัดระบบตรวจหาเชื้อโควิดแบบ nucleic acid test ให้กับทุกคนที่อยู่ในเขต
โฆษกรัฐบาลท้องถิ่นของจีนกล่าวในงานแถลงข่าวว่า ทางการได้ขอให้ผู้อยู่อาศัยใน “พื้นที่เสี่ยง” รวมถึงเขตเฟิงไถ งดเดินทางออกจากเมือง และขอให้ชาวเฟิงไถหลีกเลี่ยงการรวมกลุ่มกัน
NHC รายงานว่า จีนแผ่นดินใหญ่พบผู้ป่วยโควิด-19 ทั้งหมด 56 รายในวันเสาร์ ซึ่งลดลงจาก 63 รายในวันศุกร์ (21 ม.ค.) โดยมียอดผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันผลสะสมอยู่ที่ 105,603 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 4,636 ราย โดยไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม
สำนักงานตำรวจกรุงบรัสเซลส์รายงานว่า ประชาชนประมาณ 50,000 คน รวมตัวกันตามท้องถนนในเขตใจกลางเมืองหลวง เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เพื่อประท้วงต่อต้านมาตรการควบคุมโควิด-19 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนพ.ย.ปีที่แล้ว โดยมีรายงานการเกิดเหตุรุนแรงรวมถึงการเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่ตำรวจเกิดขึ้น และมีการเผยแพร่ภาพวิดีโอซึ่งแสดงให้เห็นว่ากลุ่มผู้ประท้วงชุดดำได้โจมตีอาคารสำหรับผู้แทนทางการทูตของสหภาพยุโรป ทั้งขว้างปาสิ่งของและทุบทำลายกระจก
เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจราจลได้เข้าจับกุมผู้ประท้วงที่ปฏิเสธที่จะทำตามคำสั่งให้ยุติการชุมนุม และต้องมีการใช้ปืนฉีดน้ำพลังสูงและปาแก๊สน้ำตาเพื่อสลายการชุมนุม และในที่สุด เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า ได้ควบคุมตัวผู้ประท้วงไปราว 70 คน ขณะที่มีตำรวจ 3 นาย และผู้ประท้วง 12 คนที่ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล
ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา การประท้วงเช่นเดียวกันนี้ ยังเกิดขึ้นที่สเปน อังกฤษ สวีเดน ฟินแลนด์ กรีซ และอีกหลายประเทศในยุโรป
นพ.ฮานส์ คลูเกอ ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกประจำภูมิภาคยุโรป เปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่นว่า ทวีปยุโรปมีแนวโน้มที่จะเข้าสู่จุดสิ้นสุดการระบาดของโรคโควิด-19 โดยคาดว่าจะมีชาวยุโรปร้อยละ 60 ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนภายในเดือนมีนาคม และเมื่อการระบาดของสายพันธุ์ดังกล่าวในทวีปยุโรปลดลง คนทั่วโลกก็จะมีภูมิคุ้มกันเป็นเวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนจากการฉีดวัคซีนโควิดและการมีภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติที่เกิดขึ้นหลังติดเชื้อ รวมถึงการสิ้นสุดฤดูหนาวในทวีปยุโรป คาดว่า ทวีปยุโรปจะมีการระบาดลดลงก่อนที่จะกลับมาระบาดอีกครั้งในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งเป็นช่วงเข้าสู่ฤดูหนาว แต่การระบาดดังกล่าวอาจไม่เกิดขึ้นอีกก็ได้
“อย่างไรก็ดี ยังเร็วเกินไปที่จะตัดสินให้โรคโควิด-19 เป็นโรคเฉพาะถิ่น เนื่องจากเชื้อไวรัสดังกล่าวได้สร้างความประหลาดใจให้ทั่วโลกมากแล้วหลายครั้ง ทุกคนจึงจำเป็นต้องระมัดระวังตัวเองต่อไป ทั้งยังระบุเพิ่มเติมว่า อาจเกิดการกลายพันธุ์ของเชื้อโควิดสายพันธุ์ใหม่ขึ้นอีกในขณะที่ทั่วโลกกำลังเผชิญกับการระบาดของสายพันธุ์โอไมครอนอยู่” นพ.คลูเกอร์ กล่าว
ดร.ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก แถลงเคียงข้างนางสเวนเนีย ชูลเซอ รัฐมนตรีกระทรวงความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนาของเยอรมนีว่า ทั่วโลกกำลังเข้าสู่ปีที่ 3 ของการระบาดของโรคโควิด-19 และถือเป็นช่วงระยะรอยต่อสำคัญ ทุกประเทศต้องร่วมมือกันเพื่อยุติการระบาดของโรคโควิด-19 ระยะเฉียบพลัน และไม่ปล่อยให้การระบาดลากยาวต่อไปจนทำให้เกิดความตื่นตระหนกและการเพิกเฉยที่ไม่จบสิ้น ทั้งยังระบุว่า เยอรมนีได้กลายเป็นประเทศผู้บริจาครายใหญ่ที่สุดขององค์การอนามัยโลก แต่ไม่ได้เผยรายละเอียดเพิ่มเติม ก่อนหน้านี้ สหรัฐเคยเป็นประเทศผู้สนับสนุนทางการเงินรายใหญ่ที่สุดขององค์การอนามัยโลกมาก่อน
ด้าน นางชูลเซอ กล่าวว่า หน้าที่สำคัญที่สุดของเยอรมนี ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ประเทศ หรือจี 7 คือการยุติการระบาดของโรคโควิด-19 ทั่วโลก และเรียกร้องให้ทั่วโลกเร่งเดินหน้าโครงการฉีดวัคซีนโควิดโดยด่วน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี