สื่อนอกตีข่าว‘แก๊งคอลเซ็นเตอร์’ลวงคนไทย‘ตกงาน-ยากจน’ข้ามฝั่งไปเขมรโทร.หลอกเพื่อนร่วมชาติ
วันที่ 13 เมษายน 2565 สำนักข่าวอัลจาซีราของกาตาร์ เสนอรายงานพิเศษ In Thai villages, Chinese gangs recruit desperate for phone scams ว่าด้วยความร่วมมือของตำรวจไทยและกัมพูชา ในการกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่มีนายทุนชาวจีนอยู่เบื้องหลัง คนกลุ่มนี้ใช้ประเทศกัมพูชาเป็นฐานปฏิบัติการ และล่อลวงคนไทยที่ส่วนใหญ่ฐานะยากจนให้เข้ามาร่วมขบวนการเพื่อโทรศัพท์ข้ามประเทศกลับไปหลอกลวงชาวไทยด้วยกัน โดยเมื่อมาถึงแล้วหากไม่ยอมทำตามหรือพยายามหลบหนีก็จะถูกทำร้ายร่างกาย
รายงานเริ่มต้นด้วยตัวอย่างของ Teerapat และ Dao (เป็นนามสมมติทั้งคู่ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย) ผู้ตัดสินใจออกจากบ้านเกิดในชนบทของไทย ไปตามคำชักชวนของนายหน้า ที่อ้างว่าจะพาไปทำงาน “ขายออนไลน์” และบอกว่าเป็น “งานรายได้ดี” ที่เมืองปอยเปตของกัมพูชา ซึ่งใช้เวลาเดินทางจากบ้านของทั้งคู่ ไปทางทิศตะวันออกจนถึงข้ามชายแดน เพียงประมาณ 1 ชั่วโมง ด้วยความที่ประเทศไทยเผชิญมรสุมเศรษฐกิจจากสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ที่กินเวลายาวนาน หลายคนจึงยอมเสี่ยงดวงหนีความยากจนไปตายเอาดาบหน้า
แต่เมื่อข้ามฝั่งไปแล้ว พวกเขาถูกพาไปยังสีหนุวิลล์ เมืองชายทะเลของกัมพูชา ถูกขังให้อยู่ในอาคาร 12 ชั้น มียามเฝ้าระวัง เมื่อนั้นจึงได้รู้ว่าถูกหลอกมาทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แต่ก็สายเกินไป คนที่ถูกนำตัวมาที่นี่จะถูกสั่งให้โทรศัพท์ไปหลอกลวงผู้คน อ้างว่าเป็นตำรวจบ้าง ศุลกากรบ้าง นักลงทุนบ้าง เพื่อหาทางให้เหยื่อที่อยู่ปลายสายยอมโอนเงิน ระหว่างนั้น มีการกดดันให้ต้อง “ทำยอด” หรือหลอกเอาเงินจากเหยื่อให้ได้ 15,000 เหรียญสหรัฐต่อเดือน หากทำไม่ได้ตามเป้าอาจถูกขายต่อให้แก๊งอื่น
Teerapat กล่าวว่า ปกติแล้วตนไม่ไว้ใจใครง่ายๆ แต่ในตอนที่นายหน้าไปชักชวน ตนอยู่ในสภาพเข้าตาจนเรื่องการเงิน และเมื่อนายหน้าบอกว่างานนี้สามารถทำเงินได้ถึง 2,000 เหรียญสหรัฐต่อเดือน ตนจึงยอมตกลง ซึ่งหากรู้ว่าจะเป็นงานหลอกลวงคนไทยด้วยกัน ตนจะไม่ไปทำแน่นอน ขณะที่ทางตำรวจไทย ให้ข้อมูลว่า อาจมีชาวไทยกว่า 1,500 คน ถูกล่อลวงไปเข้าร่วมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเมืองสีหนุวิลล์
ทางการไทยสามารถช่วยเหลือคนเหล่านี้ได้กว่า 20 คน จากอาคารสูง 10 ชั้นที่ด้านนอกถูกปิดและมีการล้อมรั้วลวดหนามพร้อมติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ทั่วบริเวณ หลังตำรวจไทยที่เดินทางไปกัมพูชาใช้เวลาพอสมควรในการเจรจากับกลุ่มชาวจีน โดย พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล (Surachate Hakparn) ผู้ช่วย ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ในปฏิบัติการร่วมระหว่างตำรวจไทย-กัมพูชา ที่ผ่านมาสามารถช่วยเหลือผู้ถูกหลอกไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์แล้ว 700 คน และมีนายหน้าอีกหลายคนถูกดำเนินคดี เนื่องจากเป็นผู้นำพาคนข้ามแดนอย่างผิดกฎหมาย
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า ไม่เพียงแต่ชาวไทย ยังมีชาวมาเลเซีย อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ ถูกล่อลวงไปยังกัมพูชา โดยเฉพาะที่เมืองสีหนุวิลล์ ที่นั่นถูกกล่าวถึงในแง่ลบทั้งธุรกิจผิดกฎหมาย บ่อนการพนัน และแก๊งมาเฟียจีน ในกรณีของประเทศไทย เป็นเรื่องปกติที่จะมีนายหน้าเดินทางไปยังหมู่บ้านในชนบท โดยเฉพาะในช่วงที่ไม่ใช่ฤดูทำการเกษตรขณะที่การจ้างงานอื่นๆ ก็ยังน้อยเกินไป
เกษตรกรจำนวนมากแสวงหารายได้ที่มากขึ้น บางคนก็ไปทำงานต่างประเทศ แต่บางส่วนก็กลายเป็นแรงงานทาสในเรือประมงหรือโรงงานที่ดำเนินการโดยองค์กรอาชญากรรม แรงงานเหล่านี้ไม่ได้รับค่าจ้าง หรือถ้าได้ก็เพียงเล็กน้อย และการล่อลวงคนกลุ่มนี้ไปเข้าร่วมแก๊งคอลเซ็นเตอร์คือสิ่งใหม่ล่าสุดที่กำลังเกิดขึ้น ซึ่ง พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ (Krissana Pattanacharoen) รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า ผู้บงการส่วนใหญ่อยู่ในประเทศจีน แต่หาคนไปร่วมขบวนการจากคนในประเทศเพื่อนบ้าน
จากปฏิบัติการช่วยเหลือคนไทยกว่า 700 คนข้างต้น พบว่า หลายคนถูกบังคับให้ทำงานเพื่อใช้หนี้เป็นเงินหลายพันเหรียญสหรัฐ และแม้จะไม่อยากทำเพราะรู้ว่าเป็นการหลอกลวงเพื่อนร่วมชาติ แต่ด้วยการเฝ้าระวังอย่างแน่นหนาทำให้ไม่สามารถหลบหนีออกมาได้และต้องทำงานนี้ต่อไป ทั้งนี้ ในสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 แก๊งคอลเซ็นเตอร์ขยายตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ มีการหลอกลวงเงินจากคนไทยไปแล้วหลายล้านเหรียญสหรัฐ
Dao กล่าวว่า ทุกคนอยากออกจากที่นี่ทั้งนั้น แต่ส่วนใหญ่ไม่มีใครสามารถหาเงินเพื่อไถ่ตนเองได้ พ่อของตนต้องไปกู้ยิมเงินมาไถ่ตัว และตอนนี้ตนก็ยังตกงานแต่ที่บ้านก็ยังมีหนี้สินอยู่ ซึ่งทั้ง Dao และ Teerapat มีโอกาสได้ออกจากสถานที่ที่องค์กรอาชญากรรมกักขังไว้ หลังผ่านไป 10 วัน เนื่องจาก Dao ถูกตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19 และพวกที่ควบคุมตัวพวกเขาไว้ บอกให้ Teerapat กลับไปที่หมู่บ้านแล้วหาเงิน 3,000 เหรียญสหรัฐ มาเพื่อแลกกับการให้ Dao ได้ออกไปรับการรักษาจากแพทย์ภายนอกเขตที่คนเหล่านี้ควบคุม
อีกด้านหนึ่ง Mon หญิงวัย 37 ปี ซึ่งอาศัยอยู่ใน จ.ภูเก็ต เปิดเผยว่า ตนเคยตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในวันที่ 24 ม.ค. 2565 เวลา 11.00 น. มีชายคนหนึ่งโทรศัพท์เข้ามาอ้างว่าจากสำนักงานใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย บอกว่ามีการร้องเรียนจากตำรวจในพื้นที่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ว่าตนเกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาคดีฟอกเงิน ขายคนนี้อ้างว่าเดี๋ยวจะให้คุยกับทางตำรวจ
จากนั้นมีการโอนสายไปที่ชายอีกคนที่อ้างว่าเป็นผู้กำกับการสถานีตำรวจที่ อ.บางละมุง บอกว่าให้โอนเงินเข้าบัญชีตำรวจเพื่อพิสูจน์ว่าไม่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน แล้วจะคืนเงินให้ในอีกไม่กี่ชั่วโมง ซึ่งตนก็หลงเชื่อ โอนไป 2 แสนบาท แน่นอนว่าหลังจากนั้นก็ไม่เคยได้เงินกลับคืนมา ยังมีรายงานด้วยว่า ในสัปดาห์เดียวกัน มีชาวภูเก็ต 7 คน ซึ่งรวมถึง Mon ด้วย ตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีรายหนึ่งโอนไปถึง 4 แสนบาท วันนี้ Mon ไม่ได้หวังแล้วว่าจะได้รับเงินคืน แต่ขอเพียงให้แก๊งต้มตุ๋นเหล่านี้ถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
กลับมาที่ Teerapat และ Dao พวกเขายืนยันว่าไม่รู้ชื่อจริงของชาวจีนที่เป็นผู้บงการ รวมถึงล่ามแปลภาษาจีนเป็นภาษาไทย ซึ่งทำหน้าที่ดักฟังโทรศัพท์เพื่อควบคุมผู้ถูกล่อลวงมาทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้พูดตามบทที่วางไว้ การทำงานจะมีการแบ่งเป็น 3 ทีม รวม 120 คน ทีมแรกทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลในอินเตอร์เน็ตเพื่อโทรศัพท์ไปหลอกลวง ค้นหาหมายเลขบัตรประชาชน ยอดเงินในธนาคาร ที่อยู่และรายละเอียดของบัญชีเงินฝาก เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือเมื่อสนทนากับเหยื่อปลายสาย
ส่วนทีมที่ 2 จะอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ศุลกากรบ้าง ไปรษณีย์บ้าง และทีมที่ 3 จะอ้างว่าเป็นตำรวจ เพื่อกดดันให้เหยื่อยอมโอนเงิน Teerapat กล่าวว่า ขบวนการสามารถทำรายได้ได้มากถึง 3 แสนเหรียญสหรัฐ หรือ 10 ล้านบาทต่อวัน ด้าน Dao กล่าวเสริมว่า ในแต่ละวันมีการโทรศัพท์ไปหลอกลวงคนไทยนับพันคน จากฐานปฏิบัติการ 4 แห่ง ที่กระจายอยู่ในกัมพูชา
รายงานข่าวยังกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาผู้คกเป็นเหยื่อมักไม่ยอมเปิดเผย ขณะที่รายได้จากการหลอกลวงถูกซุกซ่อนไปเป็นอย่างดี รวมถึงการใช้กลไกสกุลเงินดิจิทัล พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า ทันทีที่กลโกงอย่างหนึ่งเสื่อมไป กลโกงแบบใหม่ก็จะมาแทนที่ แก๊งเหล่านี้ผุดขึ้นราวกับดอกเห็ดด้วยสีหรือแม้แต่เฉดสีที่แตกต่างกัน ในทางกลับกัน ดูเหมือนทางการจีนจะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ไม่มากนัก ซึ่งอาจเป็นเพราะแก๊งเหล่านี้ไม่ได้พุ่งเป้าเลือกเหยื่อไปที่ชาวจีน
ปัจจุบันแม้ Dao จะตกงานแถมยังมีหนี้สิน แต่ก็ยังรู้สึกโชคดีทีได้กลับบ้าน ถึงกระนั้น ช่วงเวลาที่ถูกหลอกไปเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ยังคงตามมาหลอกหลอนในความฝัน บางครั้งเมื่อนอนหลับ เธอยังฝันเห็นตนเองอยู่ในห้องนั้น และมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ขณะที่ Mon ยังต้องเผชิญกับความวิตกกังวลและกระทบต่อความรู้สึกเชื่อมั่นในตนเอง ซึ่งเมื่อคนอื่นๆ ถามว่าเหตุใดถึงหลงเชื่อ ตนก็ได้แต่บอกว่า มันเป็นสิ่งที่ไม่มีทางเข้าใจได้จนกว่าจะเกิดขึ้นกับตัว
ขอบคุณเรื่องจาก
https://www.aljazeera.com/news/2022/4/13/in-thailand-chinese-gangs-recruit-the-desperate-into-phone-scams
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี